สืบเนื่องจากกระทู้ที่ผมได้สอบถามเกี่ยวกับแมวเปลี่ยนบ้าน แล้วไม่ยอมกินอาหารเลยตั้งแต่ได้มา
ตอนนี้ เจ้าตัวเล็กหน้าหัก จมูกบี้ได้ลาจากเราไปแล้วครับ มันจากไปไวมาก จนผมกับแฟนยังไม่ทันตั้งชื่อจริงๆให้มันเลย
http://pantip.com/topic/30755576
กระทู้นี้ผมจะตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกซื้อน้องแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ควรดูให้ละเอียดรอบคอบ อย่าใจร้อน ค่อยๆเลือก
ผมจะเล่าอย่างละเอียดพอสมควร ส่วนนึงอยากพิมพ์เก็บไว้ เตือนตัวเอง เอาไว้เตือนคนอื่นๆ เวลาเลือกซื้อสัตว์เลี้ยง อีกทั้งผมอยากเก็บเอาไว้อ่านตอนคิดถึงมันเจ้าตัวเล็ก
....มันเป็น Week นึงของชีวิตที่ยาวนาน ทรมาน หดหู่ เศร้า เสียใจสำหรับผมกับแฟนมาก
เหตุการณ์เกิดขึ้นจากคืนวันอาทิตย์ 21/07/56
แฟนผมอยากได้แมวมาเลี้ยงมาก จึงตกลงกันว่าจะไม่ไปซื้อตามตลาดนัดสัตว์เลี้ยงทั่วไป จะหาที่เป็นฟาร์มหรือจากบ้านที่รักแมว เพื่อตัดปัญหาการติดโรคที่ไม่พึงประสงค์ จึงเริ่มดำเนินการค้นหาตาม internet แล้วค่อยๆ list ออกมาจดเอาไว้หลายๆที่ รุ่งขึ้นจะค่อยโทรหาที่ละคน
...
...
...
วันที่ 1. วันจันทร์ 22/07/56 (ได้แมวมาตอน 5 โมงเย็น)
รุ่งขึ้นแฟนผมต้องไปธุระ ซึ่งตัวผมไม่ได้ไปด้วย ตกบ่ายแฟนผมโทรมาบอกว่าได้คนขายลูกแมวแล้ว เป็ทางคนขายส่งรูปให้ดูใน line ตอนเจอกันแฟนผมเล่าให้ผมฟังว่า เค้าบอกว่า "เค้าเป็นคนเพาะขาย ตัวนี้เป็นลูกโทน บุคลิคน่ารัก เชื่องๆ ถ้าได้ไปต้องรักมันมากแน่ๆ กินนมแม่ตลอด เพิ่งแยกจากแม่มา 2 week"
แฟนผมเห็นแมวก็ชอบเพราะเค้าน่ารัก ดูเชื่องๆ แต่ดูซึมๆนะ "เค้าบอกว่าตัวนี้มันเป็นอย่างนี้ล่ะ มันเพิ่งตื่น นี่เพิ่งกินอาหารมา แล้วหลับไป"
แฟนผมตอนแรกก็จะไม่เอา แต่ด้วยคนขายพูดจาดีมาก "ตัวนี้มันผู้ดี มันเชื่อง กินแล้วก็นอน ได้ไปต้องรักมันมากๆแน่เลย"
ประจวบกับแฟนผมเป็นคนขี้เกรงใจ อุตส่านั่งรถเอามาให้ดู จึงตกลงซื้อขายกันที่ 25000 บาท
ตกเย็นแฟนผมเอามาให้ดู ผมดูแว๊ปแรกก็แปลกๆ ทำไมมันซึมๆ แต่ยังคิดว่าคงแปลกที่แปลกกลิ่น
เย็นวันนั้น ก็รีบเก็บห้องแฟน เช็ดกวาดถู ซื้อของใช้ที่จำเป็นของเจ้าตัวเล็กทุกอย่าง ที่นอน ผ้ารอง ทราย กระบะ อาหารเปียก เม็ด ของเล่น ที่ฝนเล็บ ถ้วยชามอาหารครบ คุยกันว่าจะเลี้ยงแบบปิด อยู่ในห้องเท่านั้นจนกว่าจะวัคซีนครบทั้งหมด แล้วจึงปล่อยให้อยู่เพ่นพ่านในบ้านได้
เย็น-มืดเค้าไม่กินอะไรเลย นอนๆ ตื่นมา ย้ายที่ นอนต่อ จัดวางไว้ทั้งหมด อาหารเปียก เม็ด น้ำ
จึงโทรถามเจ้าของเก่า ได้คำตอบว่า "อ๋อ มันเป็นแบบนี้ล่ะ มันเชื่องๆ ขี้เซา นอนเก่ง เดี่ยวมันชินที่ ก็กินเอง"
ผมคุยกับแฟนว่า ไม่ได้ต้องป้อนมันหน่อย จึงไปซื้อไซริ้งใส่อาหารเปียก ป้อน + ป้อนน้ำ ป้อนมันเรื่อยๆ ทุก 4-5 ชม
...
...
...
วันที่2. วันอังคาร 23/07/56 ลุ้นให้มันกินอาหาร
แฟนผมต้องหยุดทำงานเพราะเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก ซึ่งมันก็ยังไม่กิน เอาแต่นอน ต้องป้อนอาหารเรื่อยๆ โทรไปถามเจ้าของเก่าเค้าก็บอกว่า "มันแปลกที่ แต่ตัวนี้มันชอบนอนนะ" ผมกับแฟนก็เชื่อเค้าคิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่ลึกๆร้อนใจ จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้น
http://pantip.com/topic/30755576
ทั้งคืนหาข้อมูล ถามผู้รู้ แนะนำให้ไปหา นมมาให้กินเช่น KMR นมแพะ หรือนมสำหรับแมว มันอาจจะกิน
ถึงตอนนี้ยังไม่คิดว่าแมวเจ้าตัวเล็กจะเป็นโรค เพราะเจ้าของเดิมบอกว่าเลี้ยงอย่างดี ที่บ้านเป็นฟาร์ม แยกกัน กินนมแม่ตลอด
...
...
...
วันที่3. วันพุธ 24/07/56 พาไปหาหมอ ครั้งที่1 + 2
ตอนเช้าเจ้าตัวเล็กเริ่มถ่ายเป็นน้ำ 1 ครั้ง ไม่มีแรง ยังซึม ไม่กิน เหมือนเดิม จึงพาไปหาหมอ ผมเริ่มหยุดงาน เพราะแฟนจิตตกมากแล้ว ไปถึงหมอ หมอเอาอุจจาระไปตรวจ พบมีแบคทีเรียมากกว่าแมวปกติ แต่ไม่มีไข้ ปอดดี หัวใจดี หมอให้ยาฆ่าเชื้อมากิน 2 ขวดให้กินเช้า เย็น ให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง และให้เจลมาป้อน ทุก 3 ชม
วันนี้ทั้งวัน ไม่ขาด ทั้งเจล ทั้งน้ำ ทั้งยา หวังให้มันดีขึ้นแข็งแรง และกินอาหารเอง ทั้งผมทั้งแฟน เริ่มเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กมาก
ตกเย็น-ดึก อาการไม่ดี ตี 3 จึงพาไปหาหมออีก พาไป รพ.สัตว์เล็ก ไม่ลืมที่จะเอายาคลีนิคตอนเช้าไปให้ดู หมอที่นั่นก็บอกเหมือน คลีนิคตอนเช้า มีเชื้อ ให้ยาไปก่อน วันเดียวมันยังไม่ดีขึ้นหรอก
ไม่ได้หลับได้นอน รอป้อนเจล ป้อนน้ำ ป้อนยา
...
...
...
วันที่ 4 พฤหัส 25/07/56 ยังอาการทรงๆ
อาการเหมือนเดิม ไม่กิน ซึมๆ ถ่ายน้ำอยู่ ต้อง ป้อนน้ำ ป้อนอาหารตลอด ผมไปทำงาน(กลัวโดนไล่ออก) แฟนผมไปทำงาน ตอน 11 โมง 3 โมงก็รีบกลับ มาป้อนน้ำ อาหาร ยา ตลอด
ผมกับแฟนหวังว่ามันคงจะดีขึ้นถ้าได้ยาไปซัก 2 วัน แต่อาการก็ทรงๆ ซึมๆ หลบๆ นอนๆ ทั้งวัน
โทรไปถามเจ้าของเก่า เริ่มไม่รับสาย และก็ได้คำตอบอีหรอบเดิม มันแปลกที่ แปลกกลิ่น
ทั้งคืนหาข้อมูลอีกว่าช่วยมันอย่างไรดี ได้ทั้ง สมุนไพร มะรุม ที่หลายๆคนบอกว่าดี พรุ่งนี้จึงเตรียมไปหาซื้อ
...
...
...
วันที่ 5 วันศุกร์ 26/07/56 วันที่เจ้าตัวเล็กทรุด
เช้านี้แฟนผมหยุดงานอีก เพื่อป้อนน้ำ อาหาร ตัวผมไปทำงาน แต่ใจไม่อยู่ที่งานเลย รับโทรจากแฟนตลอด ไม่ก็ผมโทรไปหาตลอด หวังว่ามันจะดีขึ้น วันนี้แฟนผมบอกว่า เวลาป้อนอาหาร ป้อนน้ำ ป้อนยา มันไม่ค่อยต่อต้านเลย แสดงว่ามันชินเราแล้วใช่มั๊ย ผมก็ไม่กล้าฟันธงบอกให้โทรไปหาหมอ พอโทรไปหมอบอกให้รีบพามา แฟนจึงรีบพาไปตอน 4 โมง หมอตรวจอีกครั้ง เจอไวรัส ชื่อ พาโวไวรัส
โทรไปหาเจ้าของเก่าเพื่อบอกอาการแต่ไม่รับสาย ส่ง line ไปก็ไม่ตอบ ตลอดเวลาที่แฟนโทรไปหาเจ้าของเก่าบ่อยๆ ไม่ใช่ไปต่อว่าเค้า แต่แฟนจะถามเค้าว่าน้องเค้าชอบกินอะไร ทำไมมันยังไม่ยอมกิน อาการแบบนี้แก้ยังไงดี
พอไปถึง คลีนิคแฟนโทรหาผม ผมฟังจากน้ำเสียงแล้ว รู้เลยว่าเจ้าตัวเล็กทรุดหนักแล้ว เลยคุยกันว่าแล้วให้บอกหมอว่า รักษาทุกทางเต็มที่ ที่สุด จะใช้ยาอะไรให้ใช้ที่หมอคิดว่าดีที่สุด ผมกับแฟนอยากได้ชีวิตเจ้าตัวเล็ก แฟนผมสติหลุดไปแล้ว บอกว่าเจ้าตัวเล็ก นอนแผ่อย่างเดียว หายใจเหมือนพะงาบๆ
แฟนผมรีบไปหาซื้อมะรุมแคบซูล คิดว่าจะเอาทุกทาง ยังไงก็ต้องเสี่ยงแล้ว ตัวผม 5 โมงรีบกลับบ้าน และผมรีบไปหาซื้อ Immuplex มาให้หมอ ผมถึง คลีนิค 19.30 ผมเห็นเจ้าตัวเล็ก อยู่ในกรง เครื่องให้น้ำเกลือ เครื่องให้ความอบอุ่น ฉายไฟ ความรู้สึกตอนนั้น คิดในใจว่า เจ้าตัวเล็กไม่ไหวแล้ว มันนอนแบบหมดสภาพ ไม่ตอบสนองใดๆ ผมให้กำลังใจแฟน
แฟนบอกว่า หมอให้ยาทุกทางแล้วที่ให้ได้ ยาฆ่าเชื้อ ยาสร้างภูมิ ยา ... อะไรอีกผมจำไม่ได้ อีกทั้งน้ำเกลือก็มีกลูโคส + วิตามินเพิ่มด้วย
ประมาณ 2 ทุ่ม เจ้าตัวเล็กเริ่มขยับตัว เริ่มตะกายๆ ผมกับแฟนเบาใจไปหน่อย เลยออกไปทานข้าวหน้าคลีนิค กลับเข้ามาเจ้าตัวเล็ก เอาขาหน้าดันตัวนั่งได้ ผมกับแฟนดีใจมาก แสดงว่าร่างกายมันตอบสนองยาของหมอแล้ว ตลอดเวลา มันเริ่มยกหัว เริ่มเปลี่ยนที่ไปมา ผมกับแฟนเบาใจลงไปอีกมาก ตอนแรกว่าจะย้ายไป รพ. 24 ชม แต่ตอนนี้เลยคุยกันว่าไม่ย้ายแล้วเพราะมันดีขึ้นมาก ผมกับแฟน นั่งเฝ้าเจ้าตัวเล็กจนถึง เที่ยงคืน จนคลีนิคปิด
ตลอดเวลาที่นั่งเฝ้า ผมกับแฟน ก็ค่อยๆ หยอดน้ำ น้อยๆอยากให้มันสดชื่น อยากเห็นมันกลืนน้ำ มันถ่ายก็เช็ด แล้วรีบเปลี่ยนผ้ารอง กลัวเชื้อโรคมันจะลุกลาม
คลีนิคปิด กลับบ้าน พรุ่งนี้เตรียมมะรุม + immuplex บด เพื่อป้อนเพิ่มการรักษามัน
ก่อนกลับแฟนผมยังพูดกับเจ้าตัวเล็กว่า "สู้ๆนะ แข็งแรงนะ แม่ก็สู้เต็มที่แล้ว"
...
...
...
วันที่ 6. เช้าวันเสาร์ 9.00 (เสียงที่ไม่อยากได้ยิน)
ผมนัดกับแฟน 9 โมง เพื่อจะไปหาเจ้าตัวเล็ก จะไปป้อนอาหารเสริม น้ำ immuplex กะว่าวันนี้จะต้องดีขึ้นมาก แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แฟนโทรมาเวลานัดพอดี ผมรีบรับโทรศัพท์ เพื่อจะออกไปทันเวลา แต่แล้วแฟนบอกว่า "ไม่ต้องไปตอน 9 โมง แล้วนะ ให้ไป 10 โมงครึ่งแทน"ผมบอกอ้าวทำไมล่ะ" แฟนบอก "เจ้าตัวเล็กไม่อยู่แล้ว" ผมงงๆ ยังคิดว่าไม่อยู่แล้วนี่คือ เค้าย้าย คลีนิคหรือ รพ. แฟนผมพูดย้ำอีกว่า "เจ้าตัวเล็กไม่อยู่แล้ว" ผมเริ่มตีความได้ ว่าตัวเล็กจากโลกไปแล้ว แต่ทำอะไรไม่ถูก จึงวางโทรศัพท์ไป
มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ มันเศร้า มันอึดอัด มันทรมาณ มันโทษตัวเองว่าเราช่วยมันเต็มที่รึยัง น้ำตาผู้ชายมันไหล มันเหมือนได้ระบาย สงสารแมวมันคงเจ็บปวด สงสารแฟน ทำทุกทาง เวลาไม่ได้ป้อนอาหาร ก็หาข้อมูลเรื่อยๆ ทำเกินตัวที่ผู้หญิงคนนึงพึงทำได้ ส่วนผมก็ไม่เคยเห็นแฟนผมมีสภาพเป็นแบบนี้
แฟนผมหนัก ตั้งแต่ได้แมวมา 4 วันครึ่ง เค้าแทบไม่ได้นอนเลย ทุกอย่างอยู่ที่แมวตลอด เจ้าตัวเล็กนอนห้องเค้าทุกวัน ประคบประหงม ไม่ให้ห่างตา ตอนนี้แฟนผมสมองเบลอหมดแล้ว จิตตกมากๆ ที่สำคัญเค้าโทษตัวเองตลอดว่าเป็นตัวการทำให้แมวเป็นโรคติดเชื้อไวรัส
ถึงขนาดต้องไปถามหมอให้ชัดว่าโรคไวรัส พาโวไวรัสนี่มันติดยังไง มาจากไหน ระยะฟักตัวเป็นอย่างไร
จึงได้คำตอบว่า ระยะฟักตัวของโรคนี้ ใช้เวลา เป็นสัปดาห์ และไวรัสแสดงอาการตั้งแต่ วันที่เค้าเริ่มถ่ายเป็นน้ำ นั่นก็คือวันพุธเช้า ยังไม่ถึง 2 วันเลย แล้วที่บ้านแฟนก็ไม่มีแมวตัวอื่นด้วย
ผมจึงสรุปในเคสของผมว่า เจ้าตัวเล็กมันติดเชื้อมาก่อนแล้วจากเจ้าของเก่า หมอบอกว่ามันอาจซึมมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย เพราะที่เจอครั้งแรกตามันก็ซึมๆแล้ว อีกอย่างการนัดเจอกันข้างนอก มันเป็นการบีบบังคับส่วนนึง เพราะคนไทยมีนิสัยขี้เกรงใจเอามากๆ จริงๆเราควรไปดูที่เค้าเลี้ยงที่เค้าเพาะว่า สุขอนามัยเป็นอย่างไร หมอบอกว่าให้เอาผลตรวจไปยืนยันกับเค้าว่ามันติดไวรัสเพื่อให้เค้า่รับผิดชอบ แต่แฟนผมไม่ต้องการแล้ว
ผมกับแฟนไม่ต้องการให้เค้ารับผิดชอบหรอก ถ้าเค้ามีความรับผิดชอบจริงๆ แมวที่ซึมๆเหมือนจะป่วยต้องบอกความจริง ไม่ใช่บอกปัดๆ ว่า มันกลัว มันแปลกที่ แปลกอาหาร นิสัยตัวนี้มันชอบนอน นอนเก่ง มันขี้เซา อะไรประมาณนี้ ถ้าบอกตั้งแต่เนิ่นๆ มันอาจจะทำอะไรได้ดีกว่านี้
สุดท้ายนี้ขอเตือนทุกๆท่านที่จะซื้อสัตว์เลี้ยง ให้ใช้เวลาเยอะๆกว่านี้ ไปดูให้ถึงที่ ดูมันเล่น ดูมันกิน ดูมันนอน อย่ารีบด่วนใจร้อน อย่าเชื่อคำพูดดูดี หว่านล้อม หรือซื้อแบบเกรงใจ ครั้งนี้เป็นบทเรียน ราคาแพงมาก เรื่องเงินทอง เรื่องค่าแมว เรื่องค่ารักษา ผมกับแฟนไม่ได้คิดไม่ได้ติดใจอะไร ถ้าจ่ายค่ารักษามากกว่าราคามันหลายเท่าแล้วมันหายกลับมามีชีวิตได้ ผมกับแฟนก็ยอม แต่สภาพจิดใจมากกว่าที่ผมห่วง ไม่เป็นอันกินอันนอน งานการเสียหาย ที่ผมต้องการคือ ผมอยากให้วงการนี้คนขาย คนเพาะ มีความรับผิดชอบต่ออาชีพตัวเองให้มากขึ้น คนที่ซื้อไปเค้ารัก พอเราซื้อมามันก็คือ 1 ชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะมันก็เหมือนลูก ส่วนคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าสัตว์เลี้ยงอื่น ทำดี ใส่ใจ รับผิดชอบ ผมขอให้เจริญรุ่งเรือง มีความสุขตลอดชาติไปเลย
สุดท้ายจริงๆ ผมขอให้เจ้าตัวเล็ก หลับสบายและเกิดใหม่ในที่ดีๆ
28/07/56 ขอแก้ไข บางส่วน เนื่องจาก เจ้าของเก่าได้ติดต่อกลับมา แฟนผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และเค้าได้แสดงความรับผิดชอบ จะส่งแมวตัวที่แข็งแรงๆมาให้ แต่ตอนนนี้คงไม่เอา เพราะยังปรับสภาพจิตใจไม่ได้
ตอนนี้ เจ้าเหมียวตัวเล็กได้จากไปอย่างสงบแล้วครับ
ตอนนี้ เจ้าตัวเล็กหน้าหัก จมูกบี้ได้ลาจากเราไปแล้วครับ มันจากไปไวมาก จนผมกับแฟนยังไม่ทันตั้งชื่อจริงๆให้มันเลย
http://pantip.com/topic/30755576
กระทู้นี้ผมจะตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ในการเลือกซื้อน้องแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ควรดูให้ละเอียดรอบคอบ อย่าใจร้อน ค่อยๆเลือก
ผมจะเล่าอย่างละเอียดพอสมควร ส่วนนึงอยากพิมพ์เก็บไว้ เตือนตัวเอง เอาไว้เตือนคนอื่นๆ เวลาเลือกซื้อสัตว์เลี้ยง อีกทั้งผมอยากเก็บเอาไว้อ่านตอนคิดถึงมันเจ้าตัวเล็ก
....มันเป็น Week นึงของชีวิตที่ยาวนาน ทรมาน หดหู่ เศร้า เสียใจสำหรับผมกับแฟนมาก
เหตุการณ์เกิดขึ้นจากคืนวันอาทิตย์ 21/07/56
แฟนผมอยากได้แมวมาเลี้ยงมาก จึงตกลงกันว่าจะไม่ไปซื้อตามตลาดนัดสัตว์เลี้ยงทั่วไป จะหาที่เป็นฟาร์มหรือจากบ้านที่รักแมว เพื่อตัดปัญหาการติดโรคที่ไม่พึงประสงค์ จึงเริ่มดำเนินการค้นหาตาม internet แล้วค่อยๆ list ออกมาจดเอาไว้หลายๆที่ รุ่งขึ้นจะค่อยโทรหาที่ละคน
...
...
...
วันที่ 1. วันจันทร์ 22/07/56 (ได้แมวมาตอน 5 โมงเย็น)
รุ่งขึ้นแฟนผมต้องไปธุระ ซึ่งตัวผมไม่ได้ไปด้วย ตกบ่ายแฟนผมโทรมาบอกว่าได้คนขายลูกแมวแล้ว เป็ทางคนขายส่งรูปให้ดูใน line ตอนเจอกันแฟนผมเล่าให้ผมฟังว่า เค้าบอกว่า "เค้าเป็นคนเพาะขาย ตัวนี้เป็นลูกโทน บุคลิคน่ารัก เชื่องๆ ถ้าได้ไปต้องรักมันมากแน่ๆ กินนมแม่ตลอด เพิ่งแยกจากแม่มา 2 week"
แฟนผมเห็นแมวก็ชอบเพราะเค้าน่ารัก ดูเชื่องๆ แต่ดูซึมๆนะ "เค้าบอกว่าตัวนี้มันเป็นอย่างนี้ล่ะ มันเพิ่งตื่น นี่เพิ่งกินอาหารมา แล้วหลับไป"
แฟนผมตอนแรกก็จะไม่เอา แต่ด้วยคนขายพูดจาดีมาก "ตัวนี้มันผู้ดี มันเชื่อง กินแล้วก็นอน ได้ไปต้องรักมันมากๆแน่เลย"
ประจวบกับแฟนผมเป็นคนขี้เกรงใจ อุตส่านั่งรถเอามาให้ดู จึงตกลงซื้อขายกันที่ 25000 บาท
ตกเย็นแฟนผมเอามาให้ดู ผมดูแว๊ปแรกก็แปลกๆ ทำไมมันซึมๆ แต่ยังคิดว่าคงแปลกที่แปลกกลิ่น
เย็นวันนั้น ก็รีบเก็บห้องแฟน เช็ดกวาดถู ซื้อของใช้ที่จำเป็นของเจ้าตัวเล็กทุกอย่าง ที่นอน ผ้ารอง ทราย กระบะ อาหารเปียก เม็ด ของเล่น ที่ฝนเล็บ ถ้วยชามอาหารครบ คุยกันว่าจะเลี้ยงแบบปิด อยู่ในห้องเท่านั้นจนกว่าจะวัคซีนครบทั้งหมด แล้วจึงปล่อยให้อยู่เพ่นพ่านในบ้านได้
เย็น-มืดเค้าไม่กินอะไรเลย นอนๆ ตื่นมา ย้ายที่ นอนต่อ จัดวางไว้ทั้งหมด อาหารเปียก เม็ด น้ำ
จึงโทรถามเจ้าของเก่า ได้คำตอบว่า "อ๋อ มันเป็นแบบนี้ล่ะ มันเชื่องๆ ขี้เซา นอนเก่ง เดี่ยวมันชินที่ ก็กินเอง"
ผมคุยกับแฟนว่า ไม่ได้ต้องป้อนมันหน่อย จึงไปซื้อไซริ้งใส่อาหารเปียก ป้อน + ป้อนน้ำ ป้อนมันเรื่อยๆ ทุก 4-5 ชม
...
...
...
วันที่2. วันอังคาร 23/07/56 ลุ้นให้มันกินอาหาร
แฟนผมต้องหยุดทำงานเพราะเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก ซึ่งมันก็ยังไม่กิน เอาแต่นอน ต้องป้อนอาหารเรื่อยๆ โทรไปถามเจ้าของเก่าเค้าก็บอกว่า "มันแปลกที่ แต่ตัวนี้มันชอบนอนนะ" ผมกับแฟนก็เชื่อเค้าคิดว่าเป็นอย่างนั้น แต่ลึกๆร้อนใจ จึงได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้น http://pantip.com/topic/30755576
ทั้งคืนหาข้อมูล ถามผู้รู้ แนะนำให้ไปหา นมมาให้กินเช่น KMR นมแพะ หรือนมสำหรับแมว มันอาจจะกิน
ถึงตอนนี้ยังไม่คิดว่าแมวเจ้าตัวเล็กจะเป็นโรค เพราะเจ้าของเดิมบอกว่าเลี้ยงอย่างดี ที่บ้านเป็นฟาร์ม แยกกัน กินนมแม่ตลอด
...
...
...
วันที่3. วันพุธ 24/07/56 พาไปหาหมอ ครั้งที่1 + 2
ตอนเช้าเจ้าตัวเล็กเริ่มถ่ายเป็นน้ำ 1 ครั้ง ไม่มีแรง ยังซึม ไม่กิน เหมือนเดิม จึงพาไปหาหมอ ผมเริ่มหยุดงาน เพราะแฟนจิตตกมากแล้ว ไปถึงหมอ หมอเอาอุจจาระไปตรวจ พบมีแบคทีเรียมากกว่าแมวปกติ แต่ไม่มีไข้ ปอดดี หัวใจดี หมอให้ยาฆ่าเชื้อมากิน 2 ขวดให้กินเช้า เย็น ให้น้ำเกลือใต้ผิวหนัง และให้เจลมาป้อน ทุก 3 ชม
วันนี้ทั้งวัน ไม่ขาด ทั้งเจล ทั้งน้ำ ทั้งยา หวังให้มันดีขึ้นแข็งแรง และกินอาหารเอง ทั้งผมทั้งแฟน เริ่มเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กมาก
ตกเย็น-ดึก อาการไม่ดี ตี 3 จึงพาไปหาหมออีก พาไป รพ.สัตว์เล็ก ไม่ลืมที่จะเอายาคลีนิคตอนเช้าไปให้ดู หมอที่นั่นก็บอกเหมือน คลีนิคตอนเช้า มีเชื้อ ให้ยาไปก่อน วันเดียวมันยังไม่ดีขึ้นหรอก
ไม่ได้หลับได้นอน รอป้อนเจล ป้อนน้ำ ป้อนยา
...
...
...
วันที่ 4 พฤหัส 25/07/56 ยังอาการทรงๆ
อาการเหมือนเดิม ไม่กิน ซึมๆ ถ่ายน้ำอยู่ ต้อง ป้อนน้ำ ป้อนอาหารตลอด ผมไปทำงาน(กลัวโดนไล่ออก) แฟนผมไปทำงาน ตอน 11 โมง 3 โมงก็รีบกลับ มาป้อนน้ำ อาหาร ยา ตลอด
ผมกับแฟนหวังว่ามันคงจะดีขึ้นถ้าได้ยาไปซัก 2 วัน แต่อาการก็ทรงๆ ซึมๆ หลบๆ นอนๆ ทั้งวัน
โทรไปถามเจ้าของเก่า เริ่มไม่รับสาย และก็ได้คำตอบอีหรอบเดิม มันแปลกที่ แปลกกลิ่น
ทั้งคืนหาข้อมูลอีกว่าช่วยมันอย่างไรดี ได้ทั้ง สมุนไพร มะรุม ที่หลายๆคนบอกว่าดี พรุ่งนี้จึงเตรียมไปหาซื้อ
...
...
...
วันที่ 5 วันศุกร์ 26/07/56 วันที่เจ้าตัวเล็กทรุด
เช้านี้แฟนผมหยุดงานอีก เพื่อป้อนน้ำ อาหาร ตัวผมไปทำงาน แต่ใจไม่อยู่ที่งานเลย รับโทรจากแฟนตลอด ไม่ก็ผมโทรไปหาตลอด หวังว่ามันจะดีขึ้น วันนี้แฟนผมบอกว่า เวลาป้อนอาหาร ป้อนน้ำ ป้อนยา มันไม่ค่อยต่อต้านเลย แสดงว่ามันชินเราแล้วใช่มั๊ย ผมก็ไม่กล้าฟันธงบอกให้โทรไปหาหมอ พอโทรไปหมอบอกให้รีบพามา แฟนจึงรีบพาไปตอน 4 โมง หมอตรวจอีกครั้ง เจอไวรัส ชื่อ พาโวไวรัส
โทรไปหาเจ้าของเก่าเพื่อบอกอาการแต่ไม่รับสาย ส่ง line ไปก็ไม่ตอบ ตลอดเวลาที่แฟนโทรไปหาเจ้าของเก่าบ่อยๆ ไม่ใช่ไปต่อว่าเค้า แต่แฟนจะถามเค้าว่าน้องเค้าชอบกินอะไร ทำไมมันยังไม่ยอมกิน อาการแบบนี้แก้ยังไงดี
พอไปถึง คลีนิคแฟนโทรหาผม ผมฟังจากน้ำเสียงแล้ว รู้เลยว่าเจ้าตัวเล็กทรุดหนักแล้ว เลยคุยกันว่าแล้วให้บอกหมอว่า รักษาทุกทางเต็มที่ ที่สุด จะใช้ยาอะไรให้ใช้ที่หมอคิดว่าดีที่สุด ผมกับแฟนอยากได้ชีวิตเจ้าตัวเล็ก แฟนผมสติหลุดไปแล้ว บอกว่าเจ้าตัวเล็ก นอนแผ่อย่างเดียว หายใจเหมือนพะงาบๆ
แฟนผมรีบไปหาซื้อมะรุมแคบซูล คิดว่าจะเอาทุกทาง ยังไงก็ต้องเสี่ยงแล้ว ตัวผม 5 โมงรีบกลับบ้าน และผมรีบไปหาซื้อ Immuplex มาให้หมอ ผมถึง คลีนิค 19.30 ผมเห็นเจ้าตัวเล็ก อยู่ในกรง เครื่องให้น้ำเกลือ เครื่องให้ความอบอุ่น ฉายไฟ ความรู้สึกตอนนั้น คิดในใจว่า เจ้าตัวเล็กไม่ไหวแล้ว มันนอนแบบหมดสภาพ ไม่ตอบสนองใดๆ ผมให้กำลังใจแฟน
แฟนบอกว่า หมอให้ยาทุกทางแล้วที่ให้ได้ ยาฆ่าเชื้อ ยาสร้างภูมิ ยา ... อะไรอีกผมจำไม่ได้ อีกทั้งน้ำเกลือก็มีกลูโคส + วิตามินเพิ่มด้วย
ประมาณ 2 ทุ่ม เจ้าตัวเล็กเริ่มขยับตัว เริ่มตะกายๆ ผมกับแฟนเบาใจไปหน่อย เลยออกไปทานข้าวหน้าคลีนิค กลับเข้ามาเจ้าตัวเล็ก เอาขาหน้าดันตัวนั่งได้ ผมกับแฟนดีใจมาก แสดงว่าร่างกายมันตอบสนองยาของหมอแล้ว ตลอดเวลา มันเริ่มยกหัว เริ่มเปลี่ยนที่ไปมา ผมกับแฟนเบาใจลงไปอีกมาก ตอนแรกว่าจะย้ายไป รพ. 24 ชม แต่ตอนนี้เลยคุยกันว่าไม่ย้ายแล้วเพราะมันดีขึ้นมาก ผมกับแฟน นั่งเฝ้าเจ้าตัวเล็กจนถึง เที่ยงคืน จนคลีนิคปิด
ตลอดเวลาที่นั่งเฝ้า ผมกับแฟน ก็ค่อยๆ หยอดน้ำ น้อยๆอยากให้มันสดชื่น อยากเห็นมันกลืนน้ำ มันถ่ายก็เช็ด แล้วรีบเปลี่ยนผ้ารอง กลัวเชื้อโรคมันจะลุกลาม
คลีนิคปิด กลับบ้าน พรุ่งนี้เตรียมมะรุม + immuplex บด เพื่อป้อนเพิ่มการรักษามัน
ก่อนกลับแฟนผมยังพูดกับเจ้าตัวเล็กว่า "สู้ๆนะ แข็งแรงนะ แม่ก็สู้เต็มที่แล้ว"
...
...
...
วันที่ 6. เช้าวันเสาร์ 9.00 (เสียงที่ไม่อยากได้ยิน)
ผมนัดกับแฟน 9 โมง เพื่อจะไปหาเจ้าตัวเล็ก จะไปป้อนอาหารเสริม น้ำ immuplex กะว่าวันนี้จะต้องดีขึ้นมาก แต่แล้วสิ่งที่คิดไว้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น แฟนโทรมาเวลานัดพอดี ผมรีบรับโทรศัพท์ เพื่อจะออกไปทันเวลา แต่แล้วแฟนบอกว่า "ไม่ต้องไปตอน 9 โมง แล้วนะ ให้ไป 10 โมงครึ่งแทน"ผมบอกอ้าวทำไมล่ะ" แฟนบอก "เจ้าตัวเล็กไม่อยู่แล้ว" ผมงงๆ ยังคิดว่าไม่อยู่แล้วนี่คือ เค้าย้าย คลีนิคหรือ รพ. แฟนผมพูดย้ำอีกว่า "เจ้าตัวเล็กไม่อยู่แล้ว" ผมเริ่มตีความได้ ว่าตัวเล็กจากโลกไปแล้ว แต่ทำอะไรไม่ถูก จึงวางโทรศัพท์ไป
มันกลั้นไม่ไหวจริงๆ มันเศร้า มันอึดอัด มันทรมาณ มันโทษตัวเองว่าเราช่วยมันเต็มที่รึยัง น้ำตาผู้ชายมันไหล มันเหมือนได้ระบาย สงสารแมวมันคงเจ็บปวด สงสารแฟน ทำทุกทาง เวลาไม่ได้ป้อนอาหาร ก็หาข้อมูลเรื่อยๆ ทำเกินตัวที่ผู้หญิงคนนึงพึงทำได้ ส่วนผมก็ไม่เคยเห็นแฟนผมมีสภาพเป็นแบบนี้
แฟนผมหนัก ตั้งแต่ได้แมวมา 4 วันครึ่ง เค้าแทบไม่ได้นอนเลย ทุกอย่างอยู่ที่แมวตลอด เจ้าตัวเล็กนอนห้องเค้าทุกวัน ประคบประหงม ไม่ให้ห่างตา ตอนนี้แฟนผมสมองเบลอหมดแล้ว จิตตกมากๆ ที่สำคัญเค้าโทษตัวเองตลอดว่าเป็นตัวการทำให้แมวเป็นโรคติดเชื้อไวรัส
ถึงขนาดต้องไปถามหมอให้ชัดว่าโรคไวรัส พาโวไวรัสนี่มันติดยังไง มาจากไหน ระยะฟักตัวเป็นอย่างไร
จึงได้คำตอบว่า ระยะฟักตัวของโรคนี้ ใช้เวลา เป็นสัปดาห์ และไวรัสแสดงอาการตั้งแต่ วันที่เค้าเริ่มถ่ายเป็นน้ำ นั่นก็คือวันพุธเช้า ยังไม่ถึง 2 วันเลย แล้วที่บ้านแฟนก็ไม่มีแมวตัวอื่นด้วย
ผมจึงสรุปในเคสของผมว่า เจ้าตัวเล็กมันติดเชื้อมาก่อนแล้วจากเจ้าของเก่า หมอบอกว่ามันอาจซึมมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย เพราะที่เจอครั้งแรกตามันก็ซึมๆแล้ว อีกอย่างการนัดเจอกันข้างนอก มันเป็นการบีบบังคับส่วนนึง เพราะคนไทยมีนิสัยขี้เกรงใจเอามากๆ จริงๆเราควรไปดูที่เค้าเลี้ยงที่เค้าเพาะว่า สุขอนามัยเป็นอย่างไร หมอบอกว่าให้เอาผลตรวจไปยืนยันกับเค้าว่ามันติดไวรัสเพื่อให้เค้า่รับผิดชอบ แต่แฟนผมไม่ต้องการแล้ว
ผมกับแฟนไม่ต้องการให้เค้ารับผิดชอบหรอก ถ้าเค้ามีความรับผิดชอบจริงๆ แมวที่ซึมๆเหมือนจะป่วยต้องบอกความจริง ไม่ใช่บอกปัดๆ ว่า มันกลัว มันแปลกที่ แปลกอาหาร นิสัยตัวนี้มันชอบนอน นอนเก่ง มันขี้เซา อะไรประมาณนี้ ถ้าบอกตั้งแต่เนิ่นๆ มันอาจจะทำอะไรได้ดีกว่านี้
สุดท้ายนี้ขอเตือนทุกๆท่านที่จะซื้อสัตว์เลี้ยง ให้ใช้เวลาเยอะๆกว่านี้ ไปดูให้ถึงที่ ดูมันเล่น ดูมันกิน ดูมันนอน อย่ารีบด่วนใจร้อน อย่าเชื่อคำพูดดูดี หว่านล้อม หรือซื้อแบบเกรงใจ ครั้งนี้เป็นบทเรียน ราคาแพงมาก เรื่องเงินทอง เรื่องค่าแมว เรื่องค่ารักษา ผมกับแฟนไม่ได้คิดไม่ได้ติดใจอะไร ถ้าจ่ายค่ารักษามากกว่าราคามันหลายเท่าแล้วมันหายกลับมามีชีวิตได้ ผมกับแฟนก็ยอม แต่สภาพจิดใจมากกว่าที่ผมห่วง ไม่เป็นอันกินอันนอน งานการเสียหาย ที่ผมต้องการคือ ผมอยากให้วงการนี้คนขาย คนเพาะ มีความรับผิดชอบต่ออาชีพตัวเองให้มากขึ้น คนที่ซื้อไปเค้ารัก พอเราซื้อมามันก็คือ 1 ชีวิตที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะมันก็เหมือนลูก ส่วนคนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าสัตว์เลี้ยงอื่น ทำดี ใส่ใจ รับผิดชอบ ผมขอให้เจริญรุ่งเรือง มีความสุขตลอดชาติไปเลย
สุดท้ายจริงๆ ผมขอให้เจ้าตัวเล็ก หลับสบายและเกิดใหม่ในที่ดีๆ
28/07/56 ขอแก้ไข บางส่วน เนื่องจาก เจ้าของเก่าได้ติดต่อกลับมา แฟนผมจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และเค้าได้แสดงความรับผิดชอบ จะส่งแมวตัวที่แข็งแรงๆมาให้ แต่ตอนนนี้คงไม่เอา เพราะยังปรับสภาพจิตใจไม่ได้