เมื่อวันหยุดสัปดาห์ที่แล้ว เราพาแม่และเพื่อนแม่ไปเที่ยวโฮจิมินต์ เราพักที่ฟาร์มงูเหลา ย่านทัวร์ในเมือง
เราใช้รถแท๊กซี่ไปกลับตลาดเบนถานเพื่อพาแม่ไปดูของเพราะแม่แก่แล้วเข่าไม่ค่อยดีเดินไปไม่สะดวก
ปกติถ้าไปเองเราสามารถเดินไปได้
วันแรกไม่มีปัญหา ไปกลับมิเตอร์อยู่ที่ ประมาณ 40,000 เวียตนามด่องหรือประมาณ 60 บาท
วันที่สองไปอีกราคาเดิม แต่ขากลับนี๋ซิเป็นเรื่องจนได้...ความที่เป็นวันที่สองแล้วเราออกมาจากตลาดก็ชึ้นแท๊กซี่ที่จอดเลยไม่ได้ดู ว่าเป็น Vinusun หรือ Mailinh ตามเพื่อนๆ แนะนำ เราบอกชื่อโรงแรมและถนนพร้อมบอกว่าตั้งมิเตอร์นะ คนขับก็โอเค
เรานั่งหน้าโดยแม่และเพื่อนนั่งหลัง เราหันไปคุยกับแม่..พบว่ารถแท๊กซี่มาจอดอีกถนนหนึ่งซึ่งอยู่อีกด้านของโรงแรม
ตกใจเพราะเราไม่เคยเดินมาแถวนี้เลย
ที่ตกใจหนักกว่านั้นคือมิเตอร์ขึ้นเป็น 170,000 เวียตนามด่อง เรางงมาก ปกติเงินเวียตนามก็งงอยู่แล้วใช้ทีเป็นหมื่นเป็นแสน เข้าใจว่ามันคือ 17,000 หรือเปล่า
เราคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมา(กระเป๋าสตางค์เป็นแบบพับเหมือนกระเป๋าสตางค์ผู้ชายที่แยกช่องใส่แบ๊งค์ได้)
เราเปิดกระเป๋าออกจดจดๆจ้องๆเพราะเพราะความตกใจ คนขับเลยเอาหนังสือพิมพ์มาเขียนราคาโดยวางบนมือเรา ขณะนั้นเรามีของบนตักด้วย มือของคนขับมือซ้ายอยู่ด้านล่างหนังสือพิมพ์ เรารู้สึกเหมือนมือกดๆ ลงบนลงบนตักเราเหมือนกัน แต่ความที่เรามีของรองกระเป๋าสตางค์อยู่และกำลังตกใจเรื่องทางไม่เคยมา และราคาที่สูงเกิน แต่เราก็หาเงินส่งให้ไปด้วยความตกใจ
หลังจากพาแม่และเพื่อนแม่กลับมาที่โรงแรมแล้ว เราพบว่าเงินในกระเป๋าแบ๊งค์ 500, 000 ประมาณ 750 บาท ซึ่งใส่ไว้ช่องสุดท้ายหายไป
ตกใจมากกับพฤติกรรม ไม่ส่งถึงที่ โกงมิเตอร์ ทำให้ตกใจกับราคา แล้วใช้แผนล้วงเงินจากกระเป๋า โดยใช้หนังสือพิมพ์เพื่อมาเขียนราคาโดยบังอีกมือไว้....อยากเล่าให้ฟังเพื่อให้เพื่อนๆและน้องๆ เพื่อระวังให้มากค่ะ
ถ้าหากเป็นดอลล่าซึ่งแยกไว้อีกกระเป๋าคงแย่แน่เลย จะอยู่กันยังไง กลับยังไง ใจร้ายจังทำกับนักท่องเที่ยวที่มีคนแก่ได้
เตือนเพื่อนระวังแท๊กซี่ที่แย่ยิ่งกว่าขี้โกง....ในโฮจิมินต์
เราใช้รถแท๊กซี่ไปกลับตลาดเบนถานเพื่อพาแม่ไปดูของเพราะแม่แก่แล้วเข่าไม่ค่อยดีเดินไปไม่สะดวก
ปกติถ้าไปเองเราสามารถเดินไปได้
วันแรกไม่มีปัญหา ไปกลับมิเตอร์อยู่ที่ ประมาณ 40,000 เวียตนามด่องหรือประมาณ 60 บาท
วันที่สองไปอีกราคาเดิม แต่ขากลับนี๋ซิเป็นเรื่องจนได้...ความที่เป็นวันที่สองแล้วเราออกมาจากตลาดก็ชึ้นแท๊กซี่ที่จอดเลยไม่ได้ดู ว่าเป็น Vinusun หรือ Mailinh ตามเพื่อนๆ แนะนำ เราบอกชื่อโรงแรมและถนนพร้อมบอกว่าตั้งมิเตอร์นะ คนขับก็โอเค
เรานั่งหน้าโดยแม่และเพื่อนนั่งหลัง เราหันไปคุยกับแม่..พบว่ารถแท๊กซี่มาจอดอีกถนนหนึ่งซึ่งอยู่อีกด้านของโรงแรม
ตกใจเพราะเราไม่เคยเดินมาแถวนี้เลย
ที่ตกใจหนักกว่านั้นคือมิเตอร์ขึ้นเป็น 170,000 เวียตนามด่อง เรางงมาก ปกติเงินเวียตนามก็งงอยู่แล้วใช้ทีเป็นหมื่นเป็นแสน เข้าใจว่ามันคือ 17,000 หรือเปล่า
เราคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นมา(กระเป๋าสตางค์เป็นแบบพับเหมือนกระเป๋าสตางค์ผู้ชายที่แยกช่องใส่แบ๊งค์ได้)
เราเปิดกระเป๋าออกจดจดๆจ้องๆเพราะเพราะความตกใจ คนขับเลยเอาหนังสือพิมพ์มาเขียนราคาโดยวางบนมือเรา ขณะนั้นเรามีของบนตักด้วย มือของคนขับมือซ้ายอยู่ด้านล่างหนังสือพิมพ์ เรารู้สึกเหมือนมือกดๆ ลงบนลงบนตักเราเหมือนกัน แต่ความที่เรามีของรองกระเป๋าสตางค์อยู่และกำลังตกใจเรื่องทางไม่เคยมา และราคาที่สูงเกิน แต่เราก็หาเงินส่งให้ไปด้วยความตกใจ
หลังจากพาแม่และเพื่อนแม่กลับมาที่โรงแรมแล้ว เราพบว่าเงินในกระเป๋าแบ๊งค์ 500, 000 ประมาณ 750 บาท ซึ่งใส่ไว้ช่องสุดท้ายหายไป
ตกใจมากกับพฤติกรรม ไม่ส่งถึงที่ โกงมิเตอร์ ทำให้ตกใจกับราคา แล้วใช้แผนล้วงเงินจากกระเป๋า โดยใช้หนังสือพิมพ์เพื่อมาเขียนราคาโดยบังอีกมือไว้....อยากเล่าให้ฟังเพื่อให้เพื่อนๆและน้องๆ เพื่อระวังให้มากค่ะ
ถ้าหากเป็นดอลล่าซึ่งแยกไว้อีกกระเป๋าคงแย่แน่เลย จะอยู่กันยังไง กลับยังไง ใจร้ายจังทำกับนักท่องเที่ยวที่มีคนแก่ได้