ตอนที่ 26 เพชฌฆาตคงกระพัน
ศิริศร เธอโทรไปสอบถามเพื่อนในคณะแพทยศาสตร์ เพื่อขอข้อมูลเรื่อง มีสารเคมีชนิดใด
ที่สามารถ ทำให้คนเปลี่ยนนิสัย หรือลืมเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นไปได้ เพื่อนเธอจึงให้เบอร์โทร
ของอาจารย์สามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาทุกชนิด รวมทั้งสารเคมี ที่มีผลต่อระบบสมอง
ศิริศรได้คุยกับอาจารย์สามารถ เธอได้ข้อมูลมากพอสมควร เพราะอาจารย์สามารถ บอกให้เธอ
ได้รู้ข้อมูลนี้
"อาจารย์เคยได้ยินเรื่องนี้ตอนสมัย ไปเป็นแพทย์อาสาชาวเขา...มันมียาชนิดหนึ่งที่คุณสมบัติ คล้ายกับ
ที่หนูบอกมา...เดี๊ยวนะขออาจารย์ค้นดูหน่อย..อืม!!..นี่ไง...มันเป็นยาสั่งชนิดหนึ่ง ที่หมอผีของเผ่า
อีก้อใช้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง หรือหัวหน้าเผ่า...จะทำให้คนที่ ต้องยาสั่ง เปลี่ยนนิสัยโดยสิ้นเชิง
แล้วจะทำอะไรที่ตรงข้ามกับนิสัยเดิม...มีคนบอกว่า...คนที่ให้ยา...สามารถสั่งการให้คนที่โดนยา
ทำอะไรที่สั่งเธอได้โดยไม่รู้ตัว...แล้วเมื่อยาหมดฤทธิ์ คนที่โดนยาจะมีอาการต้องการยา เหมือนคน
ขาดยาเสพติด เมื่อได้รับยาก็จะหาย...จนครบสามหรือ สี่ครั้ง...คนที่โดนยา ก็จะเสียสติอย่างถาวร.....
ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติ เพราะยาจะไปกัดกินสมองจนหมดสิ้น.....จะอยู่ด้วยความหวาดกลัว
หรือกลัวความผิดที่กระทำ....ในอดีต....ชั่วกัปชั่วกัลป์...รู้สึกมันชื่อว่า....ยาสั่งพิฆาตจิต...อะไรเนี่ยะ!!..
อาจารย์เห็นว่าแปลกดี เลยเก็บเป็น ข้อมูลเอาไว้ศึกษา..."
ศิริศร...แปลกใจคำว่า 'เธอ' จึงถามอาจารย์สามารถ ถึงผู้ที่จะใช้ยานี้
"อาจารย์ค่ะ!!!...ที่อาจารย์ว่า 'ทำอะไรที่เธอสั่ง' หมายความว่า ผู้ใช้ยานั้น ต้องเป็นผู้หญิง แล้วต้องใช้
กับผู้ชาย...ใช่ไหมค่ะ..."
อาจารย์สามารถ จึงตอบออกมา
"ใช่แล้ว...เพราะยาสั่งตัวนี้ ปรุงโดยหมอผีที่เป็นหญิง...เธอเคยเป็น..มิดะ..มาก่อน...จึงมีความแค้นใน
บุรุษเพศ ที่กระทำกับเธอเหมือนสิ่งของ...สอนวิชาสมสู่เพื่อให้ไปเป็นผู้นำครอบครัวคนอื่น โดยตน
หมดสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตคู่กับใคร...ยาตัวนี้ทำให้คนที่เธอแค้นอยู่ภายใต้อำนาจ ราคะอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หมดศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำ....เป็นการแก้แค้นที่...อำมหิตมาก...แต่มันเป็นแค่เรื่องเล่า...อาจารย์
ยังคิดว่าเป็นนิทานปรัมปราเลย...แต่พอหนูมาสอบถาม ก็เลยนึกขึ้นมาได้...."
ศิริศร นิ่งเงียบไป ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
"ถ้าหนู จะไปขอรายละเอียด ที่อาจารย์ เพิ่มเติม อาจารย์พอมีเวลาให้หนูได้...เมื่อไหร่คะ??..."
หลังจากนัดวันเวลาเรียบร้อยแล้ว คิริศรตั้งใจจะไปหาอาจารย์สามารถใน อาทิตย์หน้า เพราะมี
ความเป็นไปได้ ที่บิดาของเธอ จะต้องมนต์ยาสั่ง...ถึงเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เต็มร้อย แต่เธอก็ไม่
ปิดกั้น...เพราะศิริศรนั้นมีความเชื่ออยู่ชนิดหนึ่งในตัว....ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อย่างแท้จริง
มากมาย...เพราะฉะนั้นอย่าให้ความเชื่อใดๆ..มาปิดกั้นความเชื่ออีกชนิดหนึ่ง.....โดยเด็ดขาด...
....................................
สิทธิชัยมาหาศิริศรตามปกติ เขาเจอเอกที่มาหาศิริศรเช่นกัน วันนี้เอกนำเอา บัญชีของ
กิจการสิ่งทอมาให้ เพราะตอนนี้เอกต้อง ดูแลกิจการ ผ้าไหมกาญจกิจ ที่ส่งเป็นวัตถุดิบ ไปค้าต่าง
ประเทศ ผ่านทางบริษัทของเซี่ยงหลงอีกที สิทธิชัยยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่คำพูดเชือดเฉือนอย่างยิ่ง
"คุณเอกนี่เอง ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่คราวนั้น ยังสบายดีอยู่นะครับ ผมยังจำติดตาถึงพลังหมัด ที่ออก
อย่างแม่นยำ รุนแรงพอที่จะป่นศิลาให้แหลกได้...เป็นหมัดที่ร้ายกาจยิ่งนัก...นับถือจริงๆ..."
สายตาที่สิทธิชัยจ้องมานั้น เหมือนจะเต็มไปด้วยความเลื่อมใส ส่วนตาของเอกแดงกล่ำ เพราะคำ
พูดนั้นเป็นเหมือนคำขู่ที่จะบอกนัยๆว่า...อย่ามายุ่งกับข้า เพราะข้ารู้ความชั่วของแก.... เอกจึงตอบ
กลับไปอย่างเจ็บแสบพอกัน
"ความจริงผมต้องอิจฉาคุณมากกว่า...ที่มีแม่...ที่ยังสาว พร้อมจะป้อนทุกอย่างให้...โดยที่ลูกนกน้อย
อย่างคุณ...ไม่ต้องทำอะไร...ก็ได้ประโยชน์ ...เก็บเกี่ยวผลกำไร โดยมิต้องลงทุน แต่ก็คงมิใช่ทีเดียว
เพราะเรื่องนี้...คุณคงเป็นคนวางแผนไว้....แต่คนอื่นๆ...เป็นคนลงมือ...หึ..ๆ...ไม่ให้ผมอิจฉาคุณ แล้ว
ผมควรไปอิจฉาลูกนก...ที่ไหน..."
สายตาของเอกนั้นท้าทายอย่างยิ่ง สิทธิชัยยังคงยิ้มอย่างเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยออกมา
"บางครั้งผมก็อดสงสารใครคนหนึ่งไม่ได้... ตอนที่ผมเห็นสายตาของเขา มองคุณ...มันเหมือนพ่อ
ที่ผิดหวังในตัวลูก...ผมว่าคนที่ทนสายตาแบบนั้นได้...จิตใจเขาต้องเข้มแข็งมากๆ...เป็นผม...ผมคง
ละอายมาก ถ้ามีใครมามองผมแบบนั้น...คนที่ไม่รู้สึกอะไร จึงจะเป็นยอดคนอย่างแท้จริง...หึ...ๆ.."
เอกรู้สึกโกรธจนเกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เขาเดินเข้าไปหาสิทธิชัย จ้องในระยะสายตาที่มองกัน
ไม่เกิน ๑ ฟุต สายตาทอประกายอำมหิตอย่างยิ่ง สิทธิชัยจ้องตอบด้วยสายตาแบบกวนประสาท
ศิริศร ตะโกนขึ้นมา เนื่องจากเพิ่งเดินลงมา จึงเห็นทั้งสองเหมือนกำลังจะลงไม้ลงมือกัน
"พี่เอก คุณบูร์ มาถึง เมื่อไหร่คะ..."
ศิริศรรู้ทันทีว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องกัน จึงลงมาระงับเหตุไว้ก่อน สิทธิชัยเอ่ยขึ้นก่อน
"ไม่มีอะไรหรอกครับ...พอดีผมเจอคุณเอก...แล้วผมก็เลยถามถึงคุณธนู...คุณเอกก็เลยต้องการมา
อธิบายให้ผมทราบ...แบบใกล้ชิดนะครับ..."
เอกนั้นมือสั่นด้วยความโกรธ เพราะนั่นคือคำขู่ของสิทธิชัยนั่นเอง...แน่นอนเอกคิดว่า ศิริศรคงไม่เชื่อ
ในเรื่องที่ สิทธิชัยบอกกับเธอ...แต่ทำไมเขาต้องเสี่ยงด้วย....เอกยิ้มอย่างจริงใจตบบ่าสิทธิชัยอย่าง
สนิทสนม....หันหน้าไปยังศิริศร กล่าวออกมา
"คุณสิทธิชัย...อยากทราบอาการของ อาเจ็กโดยละเอียดนะ แต่พี่บอกไปแล้วว่าอาเจ็กไม่ได้
เป็นอะไรมาก...ไม่มีอะไรหรอกจะ..."
เอกถอยหลังออกห่างจาก สิทธิชัย แล้วเดินไปหาศิริศรพร้อมจับข้อมือของเธอทั้งสองข้าง
แน่นอน เอกแสดงให้สิทธิชัยเห็น กล่าวออกมา
"ลูกศรเฮียรีบมาจากเชียงใหม่ เออแล้วดรุณีฝากจดหมายมาให้แหนะ...เพื่อนๆที่เชียงใหม่ เขาคิดถึง
เรามากรู้ไหม..."
เอกหยิกจมูก ศิริศรเหมือน พี่ชายหยอกน้องสาว แน่นอนว่าสิทธิชัยทราบได้ว่า เอกมิได้คิดแค่นั้น
ภายในใจของสิทธิชัยนั้นร้อนดั่งไฟที่สุมอก แต่ก็ไม่แสดงอาการออกมา กล่าวอย่างสนิทสนมกับ
ศิริศรว่า
"ลูกศรนัดกับผม จะไปทานอาหารเที่ยง ที่สีลม...เออ!!...คุณเอกมีธุระที่ไหนหรือเปล่า...เราจะได้ไป
รับประทานอาหารกัน...ผมจะได้ปรึกษาเรื่องการเลี้ยงหนอนไหม เพราะผมกำลังจะขยายงานด้านนี้
ได้ข่าวว่าคุณรู้จักหนอนไหมดีที่สุด...คงไม่เป็นการรบกวนคุณเอกนะครับ..."
คำว่าหนอนคือคำ-ดันถึง เอกโดยตรง เพราะสิทธิชัยกำลัง บอกว่าเอกคือหนอน ที่คอยบ่อนทำลาย
ศิริศรอยู่ เอกนั้นแค้นจนปลายนิ้วสั่น แต่ก็เก็บอาการได้ดีเยี่ยม ยิ้มตอบออกมาอย่างปกติ เอ่ยตอบโต้
สิทธิชัยไปบ้าง
"คุณสิทธิชัย คุณคงเข้าใจอะไรผิด ความจริงคุณต้องเรียก ตัวไหม ถ้าหนอนนั้นมันหมายถึง อาหารที่
นำไปป้อนให้ลูกนกกิน...ผมว่าคุณคงคุ้นเคยกับการป้อนอาหารลูกนก จึงใช้คำผิด...หึ..ๆ..ผมก็กำลัง
จะเลี้ยงลูกนก เพื่อเพาะพันธ์ขาย เห็นว่าคุณก็เชี่ยวชาญเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ เราจะได้แลกเปลี่ยนความรู้
ในด้านที่เราถนัดไงครับ...."
สิทธิชัยยิ้มอย่างกวนบาทา กล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี
"แน่นอนครับ...เราได้แชร์ประสบการณ์เรื่องที่เราถนัดกันอย่างแน่นอนครับ....ลูกศรไม่รังเกียจนะครับ
เพราะถ้าคุณเอกไม่ไปด้วย ผมคงเหงาปากแย่..."
แล้วทั้งสามก็เดินออกมา เพื่อไปขึ้นรถ เอกจึงบอกให้ศิริศรไปนั่งรถของเขา แต่ศิริศรกลับบอกว่า
ต้องไปนั่งรถของสิทธิชัย เพราะเธอมีเรื่องต้องคุยกัน เอกเก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่ใบหน้ายัง
แย้มยิ้ม...เมื่อเอกนั่งที่ตำแหน่งขับรถ เขาตีไปที่พวงมาลัยรถอย่างฉุนเฉียว สายตามองไปยังศิิริศร
ที่นั่งอยูบนรถยนต์ของสิทธิชัย แต่ทันใดเขาเห็นรถเก๋งสีฟ้า แบบสองประตู พุ่งออกมาขวางรถของ
สิทธิชัย!!!.....
..................................
เหนือตะวัน ตอนที่ 26
ศิริศร เธอโทรไปสอบถามเพื่อนในคณะแพทยศาสตร์ เพื่อขอข้อมูลเรื่อง มีสารเคมีชนิดใด
ที่สามารถ ทำให้คนเปลี่ยนนิสัย หรือลืมเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นไปได้ เพื่อนเธอจึงให้เบอร์โทร
ของอาจารย์สามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาทุกชนิด รวมทั้งสารเคมี ที่มีผลต่อระบบสมอง
ศิริศรได้คุยกับอาจารย์สามารถ เธอได้ข้อมูลมากพอสมควร เพราะอาจารย์สามารถ บอกให้เธอ
ได้รู้ข้อมูลนี้
"อาจารย์เคยได้ยินเรื่องนี้ตอนสมัย ไปเป็นแพทย์อาสาชาวเขา...มันมียาชนิดหนึ่งที่คุณสมบัติ คล้ายกับ
ที่หนูบอกมา...เดี๊ยวนะขออาจารย์ค้นดูหน่อย..อืม!!..นี่ไง...มันเป็นยาสั่งชนิดหนึ่ง ที่หมอผีของเผ่า
อีก้อใช้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง หรือหัวหน้าเผ่า...จะทำให้คนที่ ต้องยาสั่ง เปลี่ยนนิสัยโดยสิ้นเชิง
แล้วจะทำอะไรที่ตรงข้ามกับนิสัยเดิม...มีคนบอกว่า...คนที่ให้ยา...สามารถสั่งการให้คนที่โดนยา
ทำอะไรที่สั่งเธอได้โดยไม่รู้ตัว...แล้วเมื่อยาหมดฤทธิ์ คนที่โดนยาจะมีอาการต้องการยา เหมือนคน
ขาดยาเสพติด เมื่อได้รับยาก็จะหาย...จนครบสามหรือ สี่ครั้ง...คนที่โดนยา ก็จะเสียสติอย่างถาวร.....
ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติ เพราะยาจะไปกัดกินสมองจนหมดสิ้น.....จะอยู่ด้วยความหวาดกลัว
หรือกลัวความผิดที่กระทำ....ในอดีต....ชั่วกัปชั่วกัลป์...รู้สึกมันชื่อว่า....ยาสั่งพิฆาตจิต...อะไรเนี่ยะ!!..
อาจารย์เห็นว่าแปลกดี เลยเก็บเป็น ข้อมูลเอาไว้ศึกษา..."
ศิริศร...แปลกใจคำว่า 'เธอ' จึงถามอาจารย์สามารถ ถึงผู้ที่จะใช้ยานี้
"อาจารย์ค่ะ!!!...ที่อาจารย์ว่า 'ทำอะไรที่เธอสั่ง' หมายความว่า ผู้ใช้ยานั้น ต้องเป็นผู้หญิง แล้วต้องใช้
กับผู้ชาย...ใช่ไหมค่ะ..."
อาจารย์สามารถ จึงตอบออกมา
"ใช่แล้ว...เพราะยาสั่งตัวนี้ ปรุงโดยหมอผีที่เป็นหญิง...เธอเคยเป็น..มิดะ..มาก่อน...จึงมีความแค้นใน
บุรุษเพศ ที่กระทำกับเธอเหมือนสิ่งของ...สอนวิชาสมสู่เพื่อให้ไปเป็นผู้นำครอบครัวคนอื่น โดยตน
หมดสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตคู่กับใคร...ยาตัวนี้ทำให้คนที่เธอแค้นอยู่ภายใต้อำนาจ ราคะอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หมดศักดิ์ศรีของความเป็นผู้นำ....เป็นการแก้แค้นที่...อำมหิตมาก...แต่มันเป็นแค่เรื่องเล่า...อาจารย์
ยังคิดว่าเป็นนิทานปรัมปราเลย...แต่พอหนูมาสอบถาม ก็เลยนึกขึ้นมาได้...."
ศิริศร นิ่งเงียบไป ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
"ถ้าหนู จะไปขอรายละเอียด ที่อาจารย์ เพิ่มเติม อาจารย์พอมีเวลาให้หนูได้...เมื่อไหร่คะ??..."
หลังจากนัดวันเวลาเรียบร้อยแล้ว คิริศรตั้งใจจะไปหาอาจารย์สามารถใน อาทิตย์หน้า เพราะมี
ความเป็นไปได้ ที่บิดาของเธอ จะต้องมนต์ยาสั่ง...ถึงเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เต็มร้อย แต่เธอก็ไม่
ปิดกั้น...เพราะศิริศรนั้นมีความเชื่ออยู่ชนิดหนึ่งในตัว....ในโลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อย่างแท้จริง
มากมาย...เพราะฉะนั้นอย่าให้ความเชื่อใดๆ..มาปิดกั้นความเชื่ออีกชนิดหนึ่ง.....โดยเด็ดขาด...
....................................
สิทธิชัยมาหาศิริศรตามปกติ เขาเจอเอกที่มาหาศิริศรเช่นกัน วันนี้เอกนำเอา บัญชีของ
กิจการสิ่งทอมาให้ เพราะตอนนี้เอกต้อง ดูแลกิจการ ผ้าไหมกาญจกิจ ที่ส่งเป็นวัตถุดิบ ไปค้าต่าง
ประเทศ ผ่านทางบริษัทของเซี่ยงหลงอีกที สิทธิชัยยิ้มอย่างเป็นมิตร แต่คำพูดเชือดเฉือนอย่างยิ่ง
"คุณเอกนี่เอง ไม่ได้พบกัน ตั้งแต่คราวนั้น ยังสบายดีอยู่นะครับ ผมยังจำติดตาถึงพลังหมัด ที่ออก
อย่างแม่นยำ รุนแรงพอที่จะป่นศิลาให้แหลกได้...เป็นหมัดที่ร้ายกาจยิ่งนัก...นับถือจริงๆ..."
สายตาที่สิทธิชัยจ้องมานั้น เหมือนจะเต็มไปด้วยความเลื่อมใส ส่วนตาของเอกแดงกล่ำ เพราะคำ
พูดนั้นเป็นเหมือนคำขู่ที่จะบอกนัยๆว่า...อย่ามายุ่งกับข้า เพราะข้ารู้ความชั่วของแก.... เอกจึงตอบ
กลับไปอย่างเจ็บแสบพอกัน
"ความจริงผมต้องอิจฉาคุณมากกว่า...ที่มีแม่...ที่ยังสาว พร้อมจะป้อนทุกอย่างให้...โดยที่ลูกนกน้อย
อย่างคุณ...ไม่ต้องทำอะไร...ก็ได้ประโยชน์ ...เก็บเกี่ยวผลกำไร โดยมิต้องลงทุน แต่ก็คงมิใช่ทีเดียว
เพราะเรื่องนี้...คุณคงเป็นคนวางแผนไว้....แต่คนอื่นๆ...เป็นคนลงมือ...หึ..ๆ...ไม่ให้ผมอิจฉาคุณ แล้ว
ผมควรไปอิจฉาลูกนก...ที่ไหน..."
สายตาของเอกนั้นท้าทายอย่างยิ่ง สิทธิชัยยังคงยิ้มอย่างเป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยออกมา
"บางครั้งผมก็อดสงสารใครคนหนึ่งไม่ได้... ตอนที่ผมเห็นสายตาของเขา มองคุณ...มันเหมือนพ่อ
ที่ผิดหวังในตัวลูก...ผมว่าคนที่ทนสายตาแบบนั้นได้...จิตใจเขาต้องเข้มแข็งมากๆ...เป็นผม...ผมคง
ละอายมาก ถ้ามีใครมามองผมแบบนั้น...คนที่ไม่รู้สึกอะไร จึงจะเป็นยอดคนอย่างแท้จริง...หึ...ๆ.."
เอกรู้สึกโกรธจนเกือบระงับอารมณ์ไม่อยู่ เขาเดินเข้าไปหาสิทธิชัย จ้องในระยะสายตาที่มองกัน
ไม่เกิน ๑ ฟุต สายตาทอประกายอำมหิตอย่างยิ่ง สิทธิชัยจ้องตอบด้วยสายตาแบบกวนประสาท
ศิริศร ตะโกนขึ้นมา เนื่องจากเพิ่งเดินลงมา จึงเห็นทั้งสองเหมือนกำลังจะลงไม้ลงมือกัน
"พี่เอก คุณบูร์ มาถึง เมื่อไหร่คะ..."
ศิริศรรู้ทันทีว่าทั้งสองกำลังมีเรื่องกัน จึงลงมาระงับเหตุไว้ก่อน สิทธิชัยเอ่ยขึ้นก่อน
"ไม่มีอะไรหรอกครับ...พอดีผมเจอคุณเอก...แล้วผมก็เลยถามถึงคุณธนู...คุณเอกก็เลยต้องการมา
อธิบายให้ผมทราบ...แบบใกล้ชิดนะครับ..."
เอกนั้นมือสั่นด้วยความโกรธ เพราะนั่นคือคำขู่ของสิทธิชัยนั่นเอง...แน่นอนเอกคิดว่า ศิริศรคงไม่เชื่อ
ในเรื่องที่ สิทธิชัยบอกกับเธอ...แต่ทำไมเขาต้องเสี่ยงด้วย....เอกยิ้มอย่างจริงใจตบบ่าสิทธิชัยอย่าง
สนิทสนม....หันหน้าไปยังศิริศร กล่าวออกมา
"คุณสิทธิชัย...อยากทราบอาการของ อาเจ็กโดยละเอียดนะ แต่พี่บอกไปแล้วว่าอาเจ็กไม่ได้
เป็นอะไรมาก...ไม่มีอะไรหรอกจะ..."
เอกถอยหลังออกห่างจาก สิทธิชัย แล้วเดินไปหาศิริศรพร้อมจับข้อมือของเธอทั้งสองข้าง
แน่นอน เอกแสดงให้สิทธิชัยเห็น กล่าวออกมา
"ลูกศรเฮียรีบมาจากเชียงใหม่ เออแล้วดรุณีฝากจดหมายมาให้แหนะ...เพื่อนๆที่เชียงใหม่ เขาคิดถึง
เรามากรู้ไหม..."
เอกหยิกจมูก ศิริศรเหมือน พี่ชายหยอกน้องสาว แน่นอนว่าสิทธิชัยทราบได้ว่า เอกมิได้คิดแค่นั้น
ภายในใจของสิทธิชัยนั้นร้อนดั่งไฟที่สุมอก แต่ก็ไม่แสดงอาการออกมา กล่าวอย่างสนิทสนมกับ
ศิริศรว่า
"ลูกศรนัดกับผม จะไปทานอาหารเที่ยง ที่สีลม...เออ!!...คุณเอกมีธุระที่ไหนหรือเปล่า...เราจะได้ไป
รับประทานอาหารกัน...ผมจะได้ปรึกษาเรื่องการเลี้ยงหนอนไหม เพราะผมกำลังจะขยายงานด้านนี้
ได้ข่าวว่าคุณรู้จักหนอนไหมดีที่สุด...คงไม่เป็นการรบกวนคุณเอกนะครับ..."
คำว่าหนอนคือคำ-ดันถึง เอกโดยตรง เพราะสิทธิชัยกำลัง บอกว่าเอกคือหนอน ที่คอยบ่อนทำลาย
ศิริศรอยู่ เอกนั้นแค้นจนปลายนิ้วสั่น แต่ก็เก็บอาการได้ดีเยี่ยม ยิ้มตอบออกมาอย่างปกติ เอ่ยตอบโต้
สิทธิชัยไปบ้าง
"คุณสิทธิชัย คุณคงเข้าใจอะไรผิด ความจริงคุณต้องเรียก ตัวไหม ถ้าหนอนนั้นมันหมายถึง อาหารที่
นำไปป้อนให้ลูกนกกิน...ผมว่าคุณคงคุ้นเคยกับการป้อนอาหารลูกนก จึงใช้คำผิด...หึ..ๆ..ผมก็กำลัง
จะเลี้ยงลูกนก เพื่อเพาะพันธ์ขาย เห็นว่าคุณก็เชี่ยวชาญเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ เราจะได้แลกเปลี่ยนความรู้
ในด้านที่เราถนัดไงครับ...."
สิทธิชัยยิ้มอย่างกวนบาทา กล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี
"แน่นอนครับ...เราได้แชร์ประสบการณ์เรื่องที่เราถนัดกันอย่างแน่นอนครับ....ลูกศรไม่รังเกียจนะครับ
เพราะถ้าคุณเอกไม่ไปด้วย ผมคงเหงาปากแย่..."
แล้วทั้งสามก็เดินออกมา เพื่อไปขึ้นรถ เอกจึงบอกให้ศิริศรไปนั่งรถของเขา แต่ศิริศรกลับบอกว่า
ต้องไปนั่งรถของสิทธิชัย เพราะเธอมีเรื่องต้องคุยกัน เอกเก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่ใบหน้ายัง
แย้มยิ้ม...เมื่อเอกนั่งที่ตำแหน่งขับรถ เขาตีไปที่พวงมาลัยรถอย่างฉุนเฉียว สายตามองไปยังศิิริศร
ที่นั่งอยูบนรถยนต์ของสิทธิชัย แต่ทันใดเขาเห็นรถเก๋งสีฟ้า แบบสองประตู พุ่งออกมาขวางรถของ
สิทธิชัย!!!.....
..................................