สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 28
ก่อนวิกฤติปี 40 ทุกภาคส่วนมีความพยายามที่จะผลักดันให้ปท.ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและอุตสาหกรรมเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่
ของเอเซีย มีการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีการลงทุนขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรม
วัตถุดิบตั้งต้น ปูนซิเมนต์ กระดาษ เหล็ก ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์ ที่ดินในตจว.ถูกเก็งกำไรโดยนักการเมือง นักลงทุนชาวญี่ปุ่น
ใต้หวัน เข้ามาซื้อจับจองที่ดินโดยใช้คนไทยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และความพยายามของคนไทยที่จะเปิดตลาดอาหารกระป๋อง
เพื่อเป็นเบอร์ 1 ของโลกโดยเทคโอเวอร์ Bumble Beeของ usa , ธนาคารBBC เริ่มอ่อนแอจากปัญหาทุจริตเป็นแหล่งเงินทุนนักการ
เมืองและปัญหาเรื่องโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมหนักไม่ได้ผลิตสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศ อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบ
ภายในประเทศก็ยังไม่พัฒนาเรียนรู้การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบกับกิจการต่างๆมีการกู้เงินอัตราดอกเบี้ย 3-4%
จากสถาบันการเงินของต่างชาติจำนวนมาก
ความแตกต่างชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงปี 30-40 และช่วงปี 40-50 แตกต่างกันมาก
ช่วงก่อนวิกฤติืปี 40 ผมเิริ่มต้นกิจการเป็นซัพพลายเออร์ค้าพลาสติกอุตสาหกรรมและวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ 2 ปี ยอดขายกำลังเติบโต
อย่างต่อเนื่อง มียอดสั่งซื้อจากโรงงานอุตสาหกรรมและเอเย่นต์ต่างๆทั่วประเทศ มีลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 10 กว่าราย ลูกค้ารายกลาง
รายย่อยรวมกันประมาณ 1,000 ราย พอเกิดวิกฤติปี 40 ลูกหนี้กว่า 60%เป็น NPL มียอดหนี้ค้างชำระกว่า 8 ล้านบาท บางรายใช้เวลา
ติดตามหนี้ 6-12 เดือน ลูกค้าส่วนใหญ่ปิดกิจการ มีบางรายที่เป็นองค์กรใหญ่ธนาคารเจ้าหนี้ไม่ปล่อยให้ล้ม ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ
ตามที่ธปท.กำหนดก็เข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ เมื่อสถาบันการเงินล้ม ลูกหนี้ของสถาบันที่ปิดกิจการไม่มีเงินทึุนหมุนเวียน
และมูลค่าที่ดินและทรัพย์สินเหลือประมาณ 25-40% ของทั้งระบบ ไฟแนนซ์และบริษัทเงินทุนต่างๆปิดกิจการ เครดิตวงเิงินขายลดเช็ค
และแฟคทอริ่งหายไปจากระบบ ระหว่างธนาคารรับตั๋วเงิน ตั๋วอาวัลมีดอกเบี้ยสูงถึง 18% นับจากนั้นปัญหาก็ยังไม่จบบริษัทชั้นนำกว่า
200 แห่งที่เข้าแผนฟื้นฟูกิจการมีปัญหามาอีกอย่างต่อเนื่อง ช่วงนั้นกิจการที่ทำเิงินได้ดีส่วนใหญ่เป็นกิจการด้านการเกษตรแปรููปโดยใช้
วัตถุดิบภายในประเทศโดยเฉพาะข้าว แป้ง น้ำตาล ได้กำไรและ่ออกได้มากจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ช่วงที่เกิดปัญหาขณะนั้นพยายามศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่เคยอยู่ไฟแนนซ์ต่างๆอยู่หลายท่าน เรียนรู้กรณีศึกษาเพื่อ
ประคองธุรกิจให้อยู่รอดเมื่อเกิดวิกฤติ การแก้ไำขปัญหาจัดลำดับความสำคัญ การย้อนกลับสู่พื้นฐาน การเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงิน
และซัพพลายเออร์โดยใช้ศิลปนักการฑูต ศึกษาเรื่องกฎหมายล้มละลายเพื่อเข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมสถาบันการเงิน ฯลฯ
ของเอเซีย มีการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีการลงทุนขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรม
วัตถุดิบตั้งต้น ปูนซิเมนต์ กระดาษ เหล็ก ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์ ที่ดินในตจว.ถูกเก็งกำไรโดยนักการเมือง นักลงทุนชาวญี่ปุ่น
ใต้หวัน เข้ามาซื้อจับจองที่ดินโดยใช้คนไทยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และความพยายามของคนไทยที่จะเปิดตลาดอาหารกระป๋อง
เพื่อเป็นเบอร์ 1 ของโลกโดยเทคโอเวอร์ Bumble Beeของ usa , ธนาคารBBC เริ่มอ่อนแอจากปัญหาทุจริตเป็นแหล่งเงินทุนนักการ
เมืองและปัญหาเรื่องโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมหนักไม่ได้ผลิตสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศ อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบ
ภายในประเทศก็ยังไม่พัฒนาเรียนรู้การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบกับกิจการต่างๆมีการกู้เงินอัตราดอกเบี้ย 3-4%
จากสถาบันการเงินของต่างชาติจำนวนมาก
ความแตกต่างชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงปี 30-40 และช่วงปี 40-50 แตกต่างกันมาก
ช่วงก่อนวิกฤติืปี 40 ผมเิริ่มต้นกิจการเป็นซัพพลายเออร์ค้าพลาสติกอุตสาหกรรมและวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ 2 ปี ยอดขายกำลังเติบโต
อย่างต่อเนื่อง มียอดสั่งซื้อจากโรงงานอุตสาหกรรมและเอเย่นต์ต่างๆทั่วประเทศ มีลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 10 กว่าราย ลูกค้ารายกลาง
รายย่อยรวมกันประมาณ 1,000 ราย พอเกิดวิกฤติปี 40 ลูกหนี้กว่า 60%เป็น NPL มียอดหนี้ค้างชำระกว่า 8 ล้านบาท บางรายใช้เวลา
ติดตามหนี้ 6-12 เดือน ลูกค้าส่วนใหญ่ปิดกิจการ มีบางรายที่เป็นองค์กรใหญ่ธนาคารเจ้าหนี้ไม่ปล่อยให้ล้ม ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ
ตามที่ธปท.กำหนดก็เข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ เมื่อสถาบันการเงินล้ม ลูกหนี้ของสถาบันที่ปิดกิจการไม่มีเงินทึุนหมุนเวียน
และมูลค่าที่ดินและทรัพย์สินเหลือประมาณ 25-40% ของทั้งระบบ ไฟแนนซ์และบริษัทเงินทุนต่างๆปิดกิจการ เครดิตวงเิงินขายลดเช็ค
และแฟคทอริ่งหายไปจากระบบ ระหว่างธนาคารรับตั๋วเงิน ตั๋วอาวัลมีดอกเบี้ยสูงถึง 18% นับจากนั้นปัญหาก็ยังไม่จบบริษัทชั้นนำกว่า
200 แห่งที่เข้าแผนฟื้นฟูกิจการมีปัญหามาอีกอย่างต่อเนื่อง ช่วงนั้นกิจการที่ทำเิงินได้ดีส่วนใหญ่เป็นกิจการด้านการเกษตรแปรููปโดยใช้
วัตถุดิบภายในประเทศโดยเฉพาะข้าว แป้ง น้ำตาล ได้กำไรและ่ออกได้มากจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ช่วงที่เกิดปัญหาขณะนั้นพยายามศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่เคยอยู่ไฟแนนซ์ต่างๆอยู่หลายท่าน เรียนรู้กรณีศึกษาเพื่อ
ประคองธุรกิจให้อยู่รอดเมื่อเกิดวิกฤติ การแก้ไำขปัญหาจัดลำดับความสำคัญ การย้อนกลับสู่พื้นฐาน การเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงิน
และซัพพลายเออร์โดยใช้ศิลปนักการฑูต ศึกษาเรื่องกฎหมายล้มละลายเพื่อเข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมสถาบันการเงิน ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
ย้อนรอยปี40 เหตุการณ์ตอนนั้นส่งผลต่อพี่ๆยังไงกันบ้างหรอครับ
แต่อยากถามพี่ๆน้าๆอาๆ ว่าช่วงนั้นทำอะไรกันอยู่ครับ
แล้วต้มยำกุ้งส่งผลยังไงต่อพวกท่านหรือครอบครัวกันกันบ้างครับ
เปลี่ยนวิถีดำเนินชีวิตเลยรึเปล่าครับ หรือจากเคยมี กลายเป็น ไม่เหลืออะไร
หรือประหยัดสุดๆ หรืออะไรอื่นๆ
แล้วสังคไทยช่วงก่อนหน้าต้มยำกุ้ง เค้าว่ากันว่า ฟุ้งเฟ้อ จริงรึเปล่าครับ
แล้วขอถามอีกนิดนะครับว่าช่วงสังคมไทยยุค30ไป40 แตกต่างจาก 40ไป50 รึเปล่าครับ
ทั้งด้านความเจริญต่างๆ ค่านิยม เปล่ี่ยนแปลงไปมากรึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ