ย้อนรอยปี40 เหตุการณ์ตอนนั้นส่งผลต่อพี่ๆยังไงกันบ้างหรอครับ

ก่อนอื่นเลย ผมอายุ18ครับ ตอนนั้นผมก็แค่2ขวบ ยังไม่รู้อะไรมาก
แต่อยากถามพี่ๆน้าๆอาๆ ว่าช่วงนั้นทำอะไรกันอยู่ครับ
แล้วต้มยำกุ้งส่งผลยังไงต่อพวกท่านหรือครอบครัวกันกันบ้างครับ
เปลี่ยนวิถีดำเนินชีวิตเลยรึเปล่าครับ หรือจากเคยมี กลายเป็น ไม่เหลืออะไร
หรือประหยัดสุดๆ หรืออะไรอื่นๆ
แล้วสังคไทยช่วงก่อนหน้าต้มยำกุ้ง เค้าว่ากันว่า ฟุ้งเฟ้อ จริงรึเปล่าครับ

แล้วขอถามอีกนิดนะครับว่าช่วงสังคมไทยยุค30ไป40 แตกต่างจาก 40ไป50 รึเปล่าครับ
ทั้งด้านความเจริญต่างๆ ค่านิยม เปล่ี่ยนแปลงไปมากรึเปล่าครับ

ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
แต่มีคนขี้โกงรวยจากการรู้ข้อมูลลดค่าเงิน  ตอนนี้เป็นนักโทษหนีคดี
ความคิดเห็นที่ 31
บ้านผมจน

เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความคิดเห็นที่ 28
ก่อนวิกฤติปี 40 ทุกภาคส่วนมีความพยายามที่จะผลักดันให้ปท.ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและอุตสาหกรรมเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่
ของเอเซีย มีการเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีการลงทุนขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรม
วัตถุดิบตั้งต้น ปูนซิเมนต์ กระดาษ เหล็ก ปิโตรเคมี อสังหาริมทรัพย์  ที่ดินในตจว.ถูกเก็งกำไรโดยนักการเมือง นักลงทุนชาวญี่ปุ่น
ใต้หวัน เข้ามาซื้อจับจองที่ดินโดยใช้คนไทยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน และความพยายามของคนไทยที่จะเปิดตลาดอาหารกระป๋อง
เพื่อเป็นเบอร์ 1 ของโลกโดยเทคโอเวอร์ Bumble Beeของ usa , ธนาคารBBC เริ่มอ่อนแอจากปัญหาทุจริตเป็นแหล่งเงินทุนนักการ
เมืองและปัญหาเรื่องโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมหนักไม่ได้ผลิตสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบภายในประเทศ อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบ
ภายในประเทศก็ยังไม่พัฒนาเรียนรู้การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบกับกิจการต่างๆมีการกู้เงินอัตราดอกเบี้ย 3-4%
จากสถาบันการเงินของต่างชาติจำนวนมาก
ความแตกต่างชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงปี 30-40 และช่วงปี 40-50 แตกต่างกันมาก
ช่วงก่อนวิกฤติืปี 40 ผมเิริ่มต้นกิจการเป็นซัพพลายเออร์ค้าพลาสติกอุตสาหกรรมและวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ 2 ปี ยอดขายกำลังเติบโต
อย่างต่อเนื่อง มียอดสั่งซื้อจากโรงงานอุตสาหกรรมและเอเย่นต์ต่างๆทั่วประเทศ มีลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 10 กว่าราย ลูกค้ารายกลาง
รายย่อยรวมกันประมาณ 1,000 ราย พอเกิดวิกฤติปี 40 ลูกหนี้กว่า 60%เป็น NPL มียอดหนี้ค้างชำระกว่า 8 ล้านบาท บางรายใช้เวลา
ติดตามหนี้ 6-12 เดือน ลูกค้าส่วนใหญ่ปิดกิจการ มีบางรายที่เป็นองค์กรใหญ่ธนาคารเจ้าหนี้ไม่ปล่อยให้ล้ม ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ
ตามที่ธปท.กำหนดก็เข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมกับเจ้าหนี้รายอื่นๆ เมื่อสถาบันการเงินล้ม ลูกหนี้ของสถาบันที่ปิดกิจการไม่มีเงินทึุนหมุนเวียน
และมูลค่าที่ดินและทรัพย์สินเหลือประมาณ 25-40% ของทั้งระบบ ไฟแนนซ์และบริษัทเงินทุนต่างๆปิดกิจการ เครดิตวงเิงินขายลดเช็ค
และแฟคทอริ่งหายไปจากระบบ ระหว่างธนาคารรับตั๋วเงิน ตั๋วอาวัลมีดอกเบี้ยสูงถึง 18% นับจากนั้นปัญหาก็ยังไม่จบบริษัทชั้นนำกว่า
200 แห่งที่เข้าแผนฟื้นฟูกิจการมีปัญหามาอีกอย่างต่อเนื่อง ช่วงนั้นกิจการที่ทำเิงินได้ดีส่วนใหญ่เป็นกิจการด้านการเกษตรแปรููปโดยใช้
วัตถุดิบภายในประเทศโดยเฉพาะข้าว แป้ง น้ำตาล ได้กำไรและ่ออกได้มากจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

ช่วงที่เกิดปัญหาขณะนั้นพยายามศึกษาและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่เคยอยู่ไฟแนนซ์ต่างๆอยู่หลายท่าน เรียนรู้กรณีศึกษาเพื่อ
ประคองธุรกิจให้อยู่รอดเมื่อเกิดวิกฤติ การแก้ไำขปัญหาจัดลำดับความสำคัญ การย้อนกลับสู่พื้นฐาน การเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงิน
และซัพพลายเออร์โดยใช้ศิลปนักการฑูต ศึกษาเรื่องกฎหมายล้มละลายเพื่อเข้าไปเป็นเจ้าหนี้ร่วมสถาบันการเงิน ฯลฯ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่