ดูเรื่องขวัญใน hormones ตอน 9 แล้วอยากเป็นคนดี (ติดเรท และ 18+) ตอน 3 {กระทู้แตกจาก 30755231}

แตกมาจาก http://pantip.com/topic/30755231

--------
ผมรีบแพ็คกระเป๋า บอกเจนนี่ว่าจะไปทำธุระที่ฮ่องกงเพราะต้องเอาเอกสารสำคัญไปให้ไอ้เต้ และอาจจะต้องอยู่ต่ออีกซักประมาณ 4 วันได้ น้องเจนนี่ก็ดูเหมือนไม่ว่าไร แต่ใจผมตื่นเต้นซะมัด เพราะหนึ่งในหกหนุ่มหื่นนั้น ชื่อสตีฟ เป็นชาวจีน และแน่นอนมีอาชีพปล่อยเงินกู้ในเซึ่ยงไฮ้ จริงๆมันมีออฟฟิสอยู่ในหลายประเทศ มันบินไปบินมาอยู่บ่อยๆ แล้วรู้จักเจ้าของร้าน KTV หลายที่ เพราะมันปล่อยกู้ให้เค้าอยู่ ผมลงเครื่องที่ฮ่องกงเสร็จรีบเอาเอกสารไปให้ไอ้เต้ ไอ้เต้ไม่ยอมอยู่เที่ยวด้วยบอกว่ามันจะรีบกลับเมืองไทย อ่าวอดเลย ไม่เป็นไร ผมก็รีบโทรหาสตีฟก่อนเลย

สตีฟเป็นคนตัวสูงเด่น เห็นแต่ไกล ฉลาดมากแล้วก็มีความมั่นใจในตัวเองสุดๆ สมัยเรียนโทสตีฟเป็นคนช่างคิด เป็นจอมโปรเจค ชอบทำนู่นทำนี่อยู่เรื่อย ข้อเสียของมันคือบางทีมันก็ชอบพูดมาก สตีฟพูดได้หลายภาษาตั้งแต่อังกฤษ จีนกลาง กวางตุ้ง แล้วก็ไต้หวัน ด้วยทีมันเป็นคนตัวสูงไปไหนมาไหนก็จะเด่นเป็นพิเศษ ปกติมันชอบบินสายการบินหมวยแห่งหนึ่ง มันจีบแอร์สายการบินนั้นดะไปหมด ไม่รู้ว่าแอร์สายการบินนี้ได้มันไปกี่คนแล้ว เวลาไปประชุมต่างเมืองบางทีมันก็ไม่ได้จองโรงแรม เพราะมันจะไปค้างโรงแรมของแอร์พวกนั้นแหละ และเพราะว่ามันเดินทางบ่อย มันมีบ้านอยู่ในหลายประเทศ เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง แล้วก็ไต้หวัน ซึ่งแต่ละที่ก็มีแฟนของมันอยู่ เรียกได้ว่าเดินทางไปไหนไม่มีเหงาจริงๆ มันเป็นฮีโร่ผมเลย ฮ่าๆๆๆๆ สตีฟพาผมไปเช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่มีชื่อคล้ายมังกรทอง

ผมกับสตีฟเป็นสองคนแรกที่มาถึง ระหว่างรอคนอื่นอยู่เราก็ไปกินข้าวกันสตีฟเลือกร้านประจำที่เค้าชอบไปกิน พูดจริงๆผมไม่ประทับใจไอ้ร้านนี้เลย บะหมี่อะไรก็ไม่รู้จีดชิปเป๋ง พอกินเสร็จ พวกเราขี้เกียจรอคนอื่น สตีฟเลยพาผมไปฆ่าเวลาที่ร้านนวดร้านนึงก่อนชื่อ D ครับ ซึ่งมันก็คือ ออน ดีๆนี่เอง สตีฟรู้จักกับเจ้าของร้านนี้เพราะบริษัทสตีฟปล่อยกู้ให้เค้า เราสองคนเลยได้รับการต้อนรับดีเป็นพิเศษ

ร้าน D นั้นทางเข้าเป็นตรอกบันไดทางขึ้นเล็กๆ แต่มีป้ายไฟใหญ่อยู่หน้าร้าน ขึ้นบันไดไปเสร็จก็ไปขึ้นสิฟต่อลิฟก็เป็นลิฟเล็กๆ อัดเข้าไปได้ไม่กี่คน แต่พอลิฟเปิดออกมาเท่านั้นโอ้โห แม่เจ้า...

มีสาวหมวยหน้าตาจิ้มลิ้มในชุดดำซีทรูออกมาต้อนรับสองคน เจ้าของร้านเดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง แล้วสตีฟก็พาผมเข้าไปข้างในร้าน ข้างในร้านเปิดไฟสลัวๆค่อนข้างคับแคบ มีสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งบนเก้าอีกกลมเรียงรายรอบร้านเต็มไปหมด ผมดูแล้วตาลายไปเลยครับ สาวๆที่นี่จะนั่งแยกเป็นกลุ่มๆ ตามราคาและเชื้อชาติ ใช้แล้วครับเชื้อชาติ เพราะมีตั้งแต่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย เวียดนาม หรือแม้กระทั่งรัสเซีย! แค่สาวหมวยสองคนหน้าร้านก็ทำเอาผมใจละลายแล้ว มาเจอทีมลูกผสมอินเตอร์นี่อีกผมถึงกับอึ้งไปเลย ผมถามสนนราคาก็ได้ความมาว่าประมาณ 6000 บาทเมื่อคิดเป็นเงินไทย ผมมองไปยังกลุ่มสาวไทยแล้วก็พยักหน้ายิ้มให้ ทักทาย กลุ่มสาวไทยยิ้มตอบกลับแบบแหยๆแล้วก็มองไปทางอื่นทำนองว่า ยิ้มไอ้นี่มันไม่เลือกกรูแน่ๆ อ่าวก็แน่ล่ะสิครับ กลุ่มสาวไทยเหล่านั้นยังสู้น้องเจนี่ไม่ได้เลย อ้วนอวบเกือบทุกคนเลยใครจะไปเลือกฟระเนี่ย แค่เห็นก็คิดถึงข้าวคากิแล้ว ร้านรับแต่เงินสดเท่านั้น ผมมีแต่บัตรเครดิตแล้วไม่ได้แลกเงินสดมาเยอะขนาดนั้นด้วย สตีฟก็มีเงินให้ยืมไม่พอ แต่ผมก็ไม่ได้หื่นอะไรมากตอนนั้นไม่อยากเสียเวลาไปกดตัง เพราะจริงๆแล้วร้านมันก็ดูเก่าๆโทรมๆ กลัวว่าเข้าไปแล้วจะโดนตีหัวลอกคราบหรือไม่ก็วันรุ่งขึ้นจะเป็นผื่นคันไปทั้งตัว ดังนั้นตำนานร้าน D เลยมีอันต้องจบไปโดยไม่มีอะไรตื่นเต้น

ผมขออนุญาตข้ามเรื่องในฮ่องกงในกระทู้นี้ละกันครับเพราะไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหาเท่าไหร่ กลัวกระทู้นี้จะไม่จบ (ไว้อาทิตย์หน้าจะมาเปิดกระทู้นำเที่ยวฮ่องกงใหม่ดีกว่า ฮ่าๆๆๆ) ที่จะเล่าก็คือพอผมกลับมาเมืองไทยแล้ววันรุ่งขึ้นผมโทรหาเจนนี่ น้องเจนนี่รับโทรศัพท์ผมแต่ฟังดูเสียงเหมือนอยู่ในรถ

ผม พี่กลับมาแล้วมีของฝากมาด้วยล่ะ
เจนนี่ อ่อค่ะ ขอบคุณค่ะ (ทำเสียงดุๆ แล้วก็เงียบ)
ผม อ่าวเหรอ นี่อยู่บนรถเหรอ
เจนนี่ ใช่ค่ะ (แล้วก็เงียบ...)

เจนนี่ตอบผมคำนึงแบบสั้นๆ เสร็จแล้วก็ไปคุยหัวเราะสนุกสนานกับคนข้างๆ ผมฟังเสียงเหมือนว่าเป็นผช ที่กำลังขับรถอยู่ เสร็จแล้วก็มาคุยกับผมต่อ

เจนนี่ ฮัลโหล
ผม อ่าว ยุ่งอยู่เหรอ
เจนนี่ ใช่ค่ะ  (เงียบ)

ถามคำตอบคำแบบนี้ ณ วินาทีนั้น ผมรู้ตัวว่าผมตกกระป๋องไปซะแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่