เราได้รู้จักกับคนคนหนึ่งที่ทำงานเขามาทำงานหลังเราเดือนหนึ่งช่วงแรกก็ไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะอยู่คนหล่ะส่วนงานคือเขาเป็นbell boy ส่วนเราอยู่front
พอเราย้ายมาอยู่ดึก พอเราเข้างานมาช่วงเเรกเขาก็มาแหย่เราแกล้งเรา ซักพักก็กลายเป็นมายืนกับเราอยู่นานสองนาน เเล้วก็รอเราไปกินข้าวด้วยก่อนที่เขาจะกลับบ้าน
พอมาเดือนที่สองที่รู้จักกันเขาก็ถามเราว่าคิดถึงเขามั้ย เราก็ไม่ได้ตอบอะไรตอนแรก แต่เขาก็เหมือนจะเเหย่เราโดยบังคับให้เราตอบว่าคิดถึง เขาคำถามนี้อยู่สองวัน
พอเดือนที่สามเรากับเขาเข้าเช้าพร้อมกันช่วงต้นเดือนเขาก็มาแกล้งมาแหย่เราเรื่อยๆ แต่เขามักจะไปกินข้าวกลางวันกับน้องนักศึกษาฝึกงานทุกวัน จนเราอดคิดไม่ได้ว่าเขากับน้องคบกันหรือเปล่า แต่เขาก็เคยมาบ่นๆกับเราว่า เขาไม่ชอบให้ใครมาจับคู่ เขาจะเดินกับใครไปไหนกับใคร มันก็เรื่องของเขาเพราะเขาโสด
จากนั้นเขาก็มีเรื่องผิดใจกับคนในแผนกของเรา เขาเลยมาพาลใส่เรา เหมือนประมาณว่ามาด่าเราเพื่อให้กระทบกับคนที่เขามีปัญหา พอซักพักเราไปส่งแขกแล้วสวนทางกัน เขาก็บอกว่า เมื่อกี้ไม่ได้ด่าเรา แต่กะจะด่ากระทบเฉยๆ แต่เราก็บอกว่าเราไม่รู้เรื่องด้วยเราไม่ชอบ เขาก็ว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย วันนี้ทั้งวันเขาก็ไม่คุยกับเรา
พอวันรุ่งขึ้นเขาก็พยายามมาพูดกับเรา มาชวนคุย สุดท้ายเราก็ใจอ่อนยอมคุยด้วย
เวลาเขาคุยกับเราไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าวด้วยกันบางวัน(น้อยมาก) ตอนที่ขึ้นไปส่งแขกแล้วลงมาพร้อมกัน(อันนี้เราพยายามให้เกิดขึ้นวันล่ะครั้ง เพราะเขามักจะขึ้นไปส่งกระเป๋าแขกบ่อยกว่าคนอื่น) หรือไม่ก็ตอนที่เขาเดินมาคุยกับเราที่หน้าเคาน์เตอร์ มีอยู่ครั้งเขามาบ่นกับเราว่า แผนกเราชอบใช้แผนกเขาไปเอาเวลคัมดริ๊งบ่อยทั้งๆที่แผนกเรางานก็ไม่ยุ่ง เราก็เลยบอกว่าถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปเอาเอง จังหวะที่เราไปเอาเวลคัมดริ๊งเเล้วสวนกับเขา เขาพูดว่าอะไรไม่รู้เราไม่ได้ยินแต่คงพูดกับเราอะแหละ เพราะเราได้ยินเขาพูดว่า

งอน พออีกวันเขาก็ทักเราเป็นการหยั่งเชิงก่อน(มั่ง)เเต่เราไม่ได้โกรธก็เลยคุยปกติ
เขากับเราก็หยอกกันเล่นปกติ ช่วงแรกก็มีบิดหู ปิดคอม มาตีเข่า มาแกล้งดีดหน้า เอาปากกาเขียนมืิอ แต่ประเด็นคือเขาก็ทำลักษณะอย่างนี้กับคนอื่น
ช่วงหลังเขาก็ไม่ค่อยจะได้เล่นเเหย่เราเท่าไหร่ จะมีก็แค่คุยกันเรื่องเดิม แล้วพอพักหลังเขามักจะมาสายเพราะไม่ยอมตื่น เราเลยกะตะโทรไปปลุก เราเลยถามเขาว่าอยากให็โทรไปปลุกเปล่า เพราะเขาเคยบ่นว่าตื่นสายเพราะบางทีลืมชาร์ตแบตบ้าง เลื่อนเวลาจนเพลินบาง แต่ทุกครั้งเขามักจะบอกประมาณว่าอยู่คนเดียวก็ยังงี้ คนโสดก็ยังงี้
แต่เขาก็ตอบเราว่าไม่ วันนั้นเราก็เลยเจื่อนๆไป แล้วก็เหมือนเขาจะรู้เพราะลงลิฟต์มาพร้อมกันหลังจากส่งแขก ธรรมดาก็จะคุยกันนู่นนี่ แต่กลับพากันเงียบไม่พูดอะไร
พอตอนเช้าก่อนไปทำงานเขาก็โทรมาฝากเราซื้อของ โดยเบอร์ที่โชว์เป็นทึ่เราโทรเข้าไปเพราะเขาบอกว่าโทรศัพท์ของเขาวางไว้ตรงไหนไม่รู้ยืมโทรออกหน่อย แล้วโทรศัพท์อันนี้เป็นของทางศูนย์ได้เอามาให้ใช้ก่อนเพราะไอโฟนเขาเอาไปซ่อมอยู่
เรามักจะถามเขาว่าเป็นอะไรเวลาเขาทำหน้าตุ่นๆ(แบบคิ้วขมวด) แต่เขาเคยมาถามเราครั้งเดียวตอนที่เขาจะปล่อยเเขกแล้วมาถามเราว่ามีอะไรต้องจ่ายไหม แต่ด้วยความงงของตอนเช้าเราก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาเลยปล่อยแขก สรุปมีค่ามินิบาร์ซึ่งเราเป็นคนรัยเรื่องเราเลยต้องรับผิดชอบ วันนั้นเราเลยหน้าเซ็งเขาก็มาถามว่าทำหน้าอย่างนั้นทำไม แล้วเขาก็บอกว่าเขาก็มีส่วนที่ต้องจ่ายเพราะเป็นคนปล่อยไปเหมือนกัน
หลังๆมานี่เขาไม่ค่อยได้เล่นได้แหย่เราเท่าไหร่ แน่ตอนนี้เขาทำกับอีกคนหนึ่งลักษณะคล้ายกับที่เขาเล่นกับเราทุกอย่าง
เราไม่เเน่ใจเลยว่าสรุปคืออะไรเราคิดไปเองทั้งหมด หรือว่าเขาก็มีใจให้เราเหมือนกัน หรือว่าเขาแค่อัธยาศัยดีเท่านั้น
มาจีบหรือแค่อัธยาศัยดี?
พอเราย้ายมาอยู่ดึก พอเราเข้างานมาช่วงเเรกเขาก็มาแหย่เราแกล้งเรา ซักพักก็กลายเป็นมายืนกับเราอยู่นานสองนาน เเล้วก็รอเราไปกินข้าวด้วยก่อนที่เขาจะกลับบ้าน
พอมาเดือนที่สองที่รู้จักกันเขาก็ถามเราว่าคิดถึงเขามั้ย เราก็ไม่ได้ตอบอะไรตอนแรก แต่เขาก็เหมือนจะเเหย่เราโดยบังคับให้เราตอบว่าคิดถึง เขาคำถามนี้อยู่สองวัน
พอเดือนที่สามเรากับเขาเข้าเช้าพร้อมกันช่วงต้นเดือนเขาก็มาแกล้งมาแหย่เราเรื่อยๆ แต่เขามักจะไปกินข้าวกลางวันกับน้องนักศึกษาฝึกงานทุกวัน จนเราอดคิดไม่ได้ว่าเขากับน้องคบกันหรือเปล่า แต่เขาก็เคยมาบ่นๆกับเราว่า เขาไม่ชอบให้ใครมาจับคู่ เขาจะเดินกับใครไปไหนกับใคร มันก็เรื่องของเขาเพราะเขาโสด
จากนั้นเขาก็มีเรื่องผิดใจกับคนในแผนกของเรา เขาเลยมาพาลใส่เรา เหมือนประมาณว่ามาด่าเราเพื่อให้กระทบกับคนที่เขามีปัญหา พอซักพักเราไปส่งแขกแล้วสวนทางกัน เขาก็บอกว่า เมื่อกี้ไม่ได้ด่าเรา แต่กะจะด่ากระทบเฉยๆ แต่เราก็บอกว่าเราไม่รู้เรื่องด้วยเราไม่ชอบ เขาก็ว่าไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องคุย วันนี้ทั้งวันเขาก็ไม่คุยกับเรา
พอวันรุ่งขึ้นเขาก็พยายามมาพูดกับเรา มาชวนคุย สุดท้ายเราก็ใจอ่อนยอมคุยด้วย
เวลาเขาคุยกับเราไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าวด้วยกันบางวัน(น้อยมาก) ตอนที่ขึ้นไปส่งแขกแล้วลงมาพร้อมกัน(อันนี้เราพยายามให้เกิดขึ้นวันล่ะครั้ง เพราะเขามักจะขึ้นไปส่งกระเป๋าแขกบ่อยกว่าคนอื่น) หรือไม่ก็ตอนที่เขาเดินมาคุยกับเราที่หน้าเคาน์เตอร์ มีอยู่ครั้งเขามาบ่นกับเราว่า แผนกเราชอบใช้แผนกเขาไปเอาเวลคัมดริ๊งบ่อยทั้งๆที่แผนกเรางานก็ไม่ยุ่ง เราก็เลยบอกว่าถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปเอาเอง จังหวะที่เราไปเอาเวลคัมดริ๊งเเล้วสวนกับเขา เขาพูดว่าอะไรไม่รู้เราไม่ได้ยินแต่คงพูดกับเราอะแหละ เพราะเราได้ยินเขาพูดว่า
เขากับเราก็หยอกกันเล่นปกติ ช่วงแรกก็มีบิดหู ปิดคอม มาตีเข่า มาแกล้งดีดหน้า เอาปากกาเขียนมืิอ แต่ประเด็นคือเขาก็ทำลักษณะอย่างนี้กับคนอื่น
ช่วงหลังเขาก็ไม่ค่อยจะได้เล่นเเหย่เราเท่าไหร่ จะมีก็แค่คุยกันเรื่องเดิม แล้วพอพักหลังเขามักจะมาสายเพราะไม่ยอมตื่น เราเลยกะตะโทรไปปลุก เราเลยถามเขาว่าอยากให็โทรไปปลุกเปล่า เพราะเขาเคยบ่นว่าตื่นสายเพราะบางทีลืมชาร์ตแบตบ้าง เลื่อนเวลาจนเพลินบาง แต่ทุกครั้งเขามักจะบอกประมาณว่าอยู่คนเดียวก็ยังงี้ คนโสดก็ยังงี้
แต่เขาก็ตอบเราว่าไม่ วันนั้นเราก็เลยเจื่อนๆไป แล้วก็เหมือนเขาจะรู้เพราะลงลิฟต์มาพร้อมกันหลังจากส่งแขก ธรรมดาก็จะคุยกันนู่นนี่ แต่กลับพากันเงียบไม่พูดอะไร
พอตอนเช้าก่อนไปทำงานเขาก็โทรมาฝากเราซื้อของ โดยเบอร์ที่โชว์เป็นทึ่เราโทรเข้าไปเพราะเขาบอกว่าโทรศัพท์ของเขาวางไว้ตรงไหนไม่รู้ยืมโทรออกหน่อย แล้วโทรศัพท์อันนี้เป็นของทางศูนย์ได้เอามาให้ใช้ก่อนเพราะไอโฟนเขาเอาไปซ่อมอยู่
เรามักจะถามเขาว่าเป็นอะไรเวลาเขาทำหน้าตุ่นๆ(แบบคิ้วขมวด) แต่เขาเคยมาถามเราครั้งเดียวตอนที่เขาจะปล่อยเเขกแล้วมาถามเราว่ามีอะไรต้องจ่ายไหม แต่ด้วยความงงของตอนเช้าเราก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาเลยปล่อยแขก สรุปมีค่ามินิบาร์ซึ่งเราเป็นคนรัยเรื่องเราเลยต้องรับผิดชอบ วันนั้นเราเลยหน้าเซ็งเขาก็มาถามว่าทำหน้าอย่างนั้นทำไม แล้วเขาก็บอกว่าเขาก็มีส่วนที่ต้องจ่ายเพราะเป็นคนปล่อยไปเหมือนกัน
หลังๆมานี่เขาไม่ค่อยได้เล่นได้แหย่เราเท่าไหร่ แน่ตอนนี้เขาทำกับอีกคนหนึ่งลักษณะคล้ายกับที่เขาเล่นกับเราทุกอย่าง
เราไม่เเน่ใจเลยว่าสรุปคืออะไรเราคิดไปเองทั้งหมด หรือว่าเขาก็มีใจให้เราเหมือนกัน หรือว่าเขาแค่อัธยาศัยดีเท่านั้น