LVT เตือนความจำ เอาข้อมูลเตือนความจำที่เคยเล่าไปมาทวนกันใหม่ ก่อนที่จ้าวมือจะทุบหรือลากยังไม่รู้ หลังจากเปลี่ยนผู้บริหาร

กระทู้สนทนา
จ้าวจะทุบหรือลากจะหาสตอรี่อะไรมาทุบหรือจะหาสตอรี่อะไรมาลากหุ้น  หลังจากผู้บริหารยอดแย่บริหารงานขาดทุนติดต่อ 3 ปีลาออกไป  ไปทำหน้าที่หางานอย่างเดียวซึ่งเป็นงานถนัดของเสี่ยแฮนเซ่นเขา  เปิดโอกาสให้ผู้บริหารใหม่ไฟแรงมาบริหารส่วนเสี่ยแฮนเซ่นคอยเป็นพี่เลี้ยงและป้อนงานให้  มาทบทวนการวิเคราะห์ของนางฟ้ากันจ้า

*****************************************************************************************************************************************************************************

LVT หุ้นนี้มีดี  ไม่ต้องเพิ่มทุน (เพิ่มเรียบร้อย)  ไม่ต้องแตกพาร์  ไม่ต้องรอขาดทุนสะสมหมด เพราะทุกอย่างมันลงตัว
              1. ขายหุ้นบริษัทฯ ลูกที่อินเดียได้เงินจำนวน 260 ล้านบาท มีขาดทุนสะสม 255 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนสะสมไม่มี สุดยอดจริงๆ ไม่เหมือนกับหุ้นปั่นตัวอื่นๆ ที่ราคาไปไกลแต่ขาดทุนสะสมยังเยอะแยะ  เมื่อไรผู้ถือหุ้นจะได้เงินปันผล  ผิดกับ LVT ไม่มีขาดทุนสะสมมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว    LVT ไม่เพิ่มทุนเพื่อหลอกเงินรายย่อยไปล้างขาดทุนสะสม โดยการแจกวอร์แรนต์  แปลงเป็นเงิน  แปลงเป็นหุ้น  โอ๊ย สารพัด งงๆๆ  เพื่อทำให้บริษัทไม่มีขาดทุนสะสมโดยไม่มีการลงทุนจากบริษัทเองคอยจะดูดแต่เงินผู้ถือหุ้นบริษัทจำพวกนี้ต้องห่างให้ไกล  
                 บริษัท LVT มีสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินเพื่อล้างขาดทุนสะสม นั่นคือหุ้นในบริษัทฯ ลูก แต่ LVT เพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในโรงปูน  ส่วนล้างขาดทุนสะสมขายบริษัทฯลูกแถมได้กำไรจากการขายบริษัทฯ ลูกอีกต่างหากจำนวน 157 ล้านบาท   มีเงินสดเหลืออีกไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท  (หากรวมขายหุ้น PP) ที่จะเอาไปลงทุน เรียกว่าสภาพคล่องเกินรับประทาน ยังไม่รวมวอแรนต์ที่ออกมาเพื่อไปร่วมทุนโรงปูนที่พม่าซึ่งจะครบการแปลงสภาพเดือน ก.พ. ปี 2557
              2. หากเปรียบเทียบ LVT เป็นคนไข้ก็คือคนไข้ที่ออกจากห้องไอซียูได้ราวปาฏิหาริย์  รอดตายมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้เหมือนคนที่ไม่ได้เป็นโรคอะไรเลย  กรณีคนไข้แบบนี้มีน้อยมาก  เรียกว่าซุปเปอร์เทิร์นอะราวด์แบบเต็มๆ ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับ SET INDEX 400 จุด (ปี 2008 วิกฤติซับไพรม์)  และ 1000 จุด ราคาก็ไม่แตกต่างกันกับ SET INDEX 1500 กว่าจุด ณ ปัจจุบันนี้   เหลือเชื่อดัชนี SET INDEX ต่างกัน 1100 กว่าจุด และ 500 กว่าจุด แต่หุ้น LVT ยังย่ำอยู่กับที่เหมือนสมัย SET INDEX 400 จุด (ปี 2008 วิกฤติซับไพรม์) และ 1000 จุด  นางฟ้าจะไม่แปลกใจหรือตกใจหากภายใน 1 – 2 เดือนนี้  LVT จะวิ่งไปทะลุ 4 บาทได้เป็นอย่างต่ำ  
               3.  LVT  มี UPSIDE เหลือเฟือ บริษัทฯ มีเงินสด มีสภาพคล่อง ไม่มีขาดทุนสะสม มีคู่แข่งน้อยรายในอุตสาหกรรมเดียวกัน และคู่แข่งจะมีจำนวนน้อยลงอีกหากได้เป็นพันธมิตรกับ SINOMA จากประเทศจีนซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านซีเมนต์ในกรณีที่ SINOMA ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP  
    4.  มี Growth Stock สุดยอดในเรื่องการผันตัวเองของบริษัทฯ ไปลงทุน Infrastructure ด้านโครงสร้างพื้นฐานของพม่าโดยร่วมทุนกับ MAX ซีเมนต์เป็นผู้จำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศพม่าเสียเองด้วย  และมาร์จินดีมากๆ ไม่ต่ำกว่า 15 – 25 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งแน่นอนการสร้างเมืองใหม่ของพม่า  การก่อสร้างทั้งหมดในพม่ารวมทั้งโครงการทวายย่อมต้องใช้ปูนซีเมนต์จาก MAX และ LVT จำนวนมหาศาลเช่นกัน  ซึ่งกำลังการผลิตปีละอย่างต่ำ 1500 ตัน/ต่อปี และจะเพิ่มเป็น 2100 ตัน/ต่อปี  กำไรสุทธิไม่น้อยกว่าปีละ 150 ล้านบาท (EPS 0.21 ต่อปี คิดจากจำนวนหุ้น 691,384,699 หุ้น) เฉพาะกำไรจากการลงทุนจำหน่ายปูนในพม่า (ไม่รวมกำไรจากการดำเนินงานด้านวิศวกรรม ออกแบบ  ที่ปรึกษาที่ LVT รับงานเหล่านี้เป็นหลัก)
              5.  เป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ที่นางฟ้าหามานาน  อย่างนี้ต้องจัดเต็มๆ ค่ะ ราคาไม่เกิน 3 บาท สู้ทุกราคา หากจ้าวจะกดหรือทุบก็ไม่ว่ากันหนูรอได้อย่างต่ำ 1 ปีขึ้นไป เพราะเงินแช่ห้องเย็นไว้ค่ะ สบายมาก
              6.  หุ้นตัวอื่นๆ มันแพงแล้ว หาหุ้นตัวเล็กๆ ที่เพิ่งฟื้นไข้ดีกว่า
                    -  ไม่ต้องเพิ่มทุน แตกพาร์ หลอกเงินรายย่อยเอาไปใช้หนี้  เอาไปหักขาดทุนสะสม  แจกวอแรนต์ให้เวียนหัวมึนงง อย่าง GEN
     -  ไม่เกินพื้นฐานมากมายและราคาเวอร์สุดๆ และมีขาดทุนสะสมบานเบอะอย่าง LIVE
     -  ไม่ต้องลุ้นตัวโก่งไตรมาสต่อไตรมาสว่าขาดทุนสะสมจะหมดเมื่อไรอย่าง APURE
                    -  ไม่ต้องอาศัยข่าวทางสื่อสิ่งพิมพ์  หรือการเข้ามาถือหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่บางท่าน  ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรจริงหรือเท็จ  เพราะไม่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าจะร่วมทุนกับใครหรือไม่  เพียงได้ยินแต่เสียงร่ำลือจากสื่อเท่านั้นและมีขาดทุนสะสมเยอะแยะอย่าง SLC
                    -  ไม่ต้องขายฝัน ขายอนาคต และราคาหุ้นไปยืนรออนาคตที่สูงลิบลิ่ว  เป็นอนาคตที่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมและยังจับต้องไม่ได้อีกหลายปีอย่าง EA
     -  ไม่ต้องเล่นข่าวหักขาดทุนสะสม หรือเทคโอเวอร์โครงการนู่น นี่ นั่น อย่าง GRAND
     -  ไม่ต้องรอว่าเมื่อไรจะหักขาดทุนสะสมหมด  และไปแข่งทำธุรกิจอาหารที่คู่แข่งระดับบิ๊กๆ และคู่แข่ง
เยอะแยะมากมายไม่ใช่ของหมูๆ กับบริษัทเล็กๆ ในธุรกิจอาหารอย่าง E
-  ไม่ต้องลุ้นกระแสโฆษณาแข่งกับยักษ์ใหญ่และลุ้นขาดทุนสะสมซึ่งไม่รู้เมื่อไรจะหมดเช่นกันอย่าง AQUA

               7.  บริษัท LVT โกอินเตอร์มาตั้งแต่แรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพราะ  LVT  รับงานระหว่างประเทศเป็นส่วนใหญ่  มีงานอยู่ในหลายประเทศ เช่น บราซิล  มาเลเซีย  พม่า  ยุโรป  ผิดกับหุ้นปั่นที่ราคาสูงลิบลิ่วในปัจจุบันราคาขึ้นมาสูงมากมายส่วนมากยังมีงานอยู่ในประเทศไม่ได้ขยายงานไปต่างประเทศแต่อย่างใด
                8.  LVT ไม่ต้องเล่นข่าวแตกพาร์  ไม่ต้องเล่นข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่  ราคาต่ำกว่าหุ้นปั่นทั่วๆ ไปหลายร้อยเปอร์เซ็นต์  และที่สำคัญคือไม่มีขาดทุนสะสมเหมือนหุ้นปั่นตัวอื่นๆ อีกต่อไป กลายเป็นแกะดำของหุ้นปั่นไปเสียแล้ว  ราคายังเหลือ Upside หลายร้อยเปอร์เซ็นต์  นี่ยังไม่รวมเงินเคลมอีก 180 กว่าล้านบาท  ที่บริษัทจะต้องกลับมาเป็นรายได้เมื่องานเสร็จซึ่งภายในปีนี้คาดว่าน่าจะได้เงินแน่นอน
      9.  มีการจ้างที่ปรึกษาระดับโลกมาดูแลเรื่องการทำสัญญาประมูลงานเพื่อไม่ให้มีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูง
เหมือนที่ผ่านมา  ซึ่งทำให้บริษัทขาดทุนมาตลอด  แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการกำจัดจุดอ่อนของการควบคุมต้นทุนที่มีบทเรียนในอดีต
               10.  เป็นธุรกิจที่คู่แข่งน้อยรายในระดับโลก  โดยเฉพาะในประเทศไทยเรียกได้ว่ามีแต่ LVT เท่านั้นที่ทำธุรกิจประเภทนี้  ซึ่งในประเทศไทย LVT ไม่มีคู่แข่งทางตรง  ผูกขาดในการรับงานกับบริษัทปูนในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
          11.  เป็นบริษัทเล็กๆ แต่การรับงานและการทำงานถือว่าระดับโลก เพราะมีงานส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศร้อยละ 90 งานในประเทศไทยมีน้อย  ถ้าเป็นงานในประเทศจะได้รับงานจากบริษัทปูนซีเมนต์ไทยเป็นส่วนใหญ่  มีบุคลากรของปูนซีเมนต์ไทยโดยเฉพาะวิศวกรที่ลาออกมาร่วมงานกับ LVT จำนวนพอสมควร   อาจจะเรื่องเงินเดือนและความท้าทายที่ปูนซีเมนต์ไทยอาจจะไม่มีในบางเรื่องแต่ LVT มีให้  เคยมีอดีตผู้บริหารของปูนซีเมนต์ไทยมาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่เช่นกัน  ก่อนที่จะมาเป็น มิสเตอร์จอห์น ในปัจจุบัน
               12.  มีการปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ เพื่ออนาคตในการทำกำไรที่ยั่งยืนของบริษัท เช่น จ้างที่ปรึกษาด้าน
บัญชี มาดูแลเรื่องการควบคุมต้นทุน  ปรับเปลี่ยนบุคลากรและกรรมการบางท่าน  ที่สำคัญซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาในการประชุมเดือนเมษายนนี้คือจะมีตัวแทนจากผู้ถือหุ้นรายย่อยไปร่วมเป็นกรรมการด้วย  นับเป็นบริษัทฯ แรกๆ ที่ได้มีตัวแทนของผู้ถือหุ้นรายย่อยร่วมเป็นกรรมการ ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทและผู้ถือหุ้นรายย่อย  นับว่าเป็นความใจกว้างของผู้บริหาร
      13.  มีบริษัทจากต่างประเทศซึ่งเป็นบริษัทปูนใหญ่ที่อาจจะมาร่วมในการเป็นพันธมิตร  (จริงๆ แล้วพันธมิตรอยากจะถือหุ้น PP มากกว่าที่ LVT ขายและอยากเทคโอเวอร์มากกว่า แต่ตัวกรรมการผู้จัดการคือคุณ จอห์น ท่านอยากจะให้เป็นแบบปัจจุบันไม่อยากให้ใครมาเทคโอเวอร์  อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อยู่ในช่วงเวลาของการต่อรอง)
                14.  งบทางบัญชีหมดจด เกลี้ยงเกลา ขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยง รอเงินก้อนใหม่ภายในปีนี้อีกประมาณ  180 กว่าล้านบาท  บริษัทได้ตั้งสำรองไว้เป็นเงินเคลมประกันผลงานโยกกลับมาเป็นรายได้เมื่องานแล้วเสร็จ   ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวแยกต่างหากไม่รวมกับเงินขายบริษัทลูกที่อินเดียจำนวน  260 ล้านบาท  ที่บริษัทฯได้รับเงินมาครบถ้วนแล้ว  ตามที่ LVT ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด  หากได้เงินเคลมเพิ่มอีกครบถ้วนก็จะทำให้ LVT มีกำไรสุทธิแบบหยาบๆ คือ 410 ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ  มีจำนวนหุ้น 691,384,699 หุ้น จะได้ EPS = 0.59 บาท ให้พีอี 10 เท่าจะได้ราคา 5.90 บาท  นี่ยังไม่รวมกำไรจากการดำเนินงานและจากแบ็กล็อกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีก 3,800 ล้านบาท หากควบคุมต้นทุนได้ดีก็จะมีกำไรจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท  คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มอีก 0.21 บาท/หุ้น  รวม EPS  0.59 + 0.21 = 0.80 บาท/หุ้น  คิดเป็นพีอี 10 เท่า ราคา 8 บาท
           15.  กำลังเจรจาเรื่องขายหุ้น PP ให้พันธมิตรอยู่ คาดว่าน่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 1.25 บาท แต่หนูคาดว่าน่าจะได้อย่างน้อย 2 บาทเป็นอย่างต่ำ ก็จะทำให้บริษัทมีเงินเข้ามาอย่างน้อยที่สุดหากขายได้ 1.25 บาท ประมาณ 63.75 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่