กระทู้ว่าด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา และ รูปลักษณ์ รูปทรง รูปร่างของขนม

ด้วยกระทู้มาม่าที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ถึง 2 เคสว่าด้วยเรื่องรูปลักษณ์ในอาหารการกิน กระทู้หนึ่งว่าด้วยขนมฝรั่ง อีกกระทู้หนึ่งว่าด้วยขนมไทย ใจความสำคัญของกระทู้อาจไม่ได้โต้เถียงกันอย่างเข้มข้นในแง่มุมของกฎหมายเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ทำให้เจ้าของกระทู้เกิดความสนใจว่าแท้ที่จริงแล้ว กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและรูปลักษณ์ของอาหารมีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงไร สามารถจะเป็นวัตถุที่ได้รับการคุ้มครองหรือไม่อย่างไร ?

ในเบื้องต้นคิด(เอง)ว่ารูปทรง รูปลักษณ์ของขนมควรจะนับเป็นงานสร้างสรรค์อย่างหนึ่งเหมือนกัน เพราะ เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบ และ จัดทำเป็นรูปทรงออกมา เป็นสิ่งที่ต้องใช้ฝีมือ และ ความมานะพยายาม อันนี้พูดในแง่รูปลักษณ์ของขนมที่มีความสวยงามโดดเด่นในตัวเป็นอันดับแรก  แต่ถ้าเป็นรูปทรงขนมที่บอกถึง ความคิดริเริ่ม (Originality) ไม่ได้ ส่วนตัวก็คิดว่าไม่น่าจะนับเป็นงานสร้างสรรค์ที่นำไปสู่ความคุ้มครองด้วยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา

โดยที่มาของกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญานั้น พูดง่าย ๆ ก็คือว่า เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิ่งที่เกิดจากการสร้างสรรค์และสติปัญญาของมนุษย์ เพื่อให้ผู้ที่สร้างสรรค์งานขึ้นมามีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้ประโยชน์และค่าตอบแทนจากการสร้างสรรค์ผลงานของตน ในปัจจุบันนี้ตามอนุสัญญา WIPO (the Convention Establishing the World Intellectual Property Organization) ได้แบ่งประเภททรัพย์สินทางปัญญาออกเป็นหลายชนิดด้วยกัน อาทิ งานวรรณกรรม ศิลปกรรม และ วิทยาศาสตร์ การแสดงของศิลปิน นักแสดง การออกแบบผลิตภัณฑ์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และ ในอนุสัญญาเดียวกันก็จัดกลุ่มแยกสาขาทรัพย์สินทางปัญญาออกเป็น 2 สาขาใหญ่ ๆ ได้แก่ ลิขสิทธิ์ (วรรณกรรม ศิลปกรรม นาฎกรรม ดนตรีกรรม ภาพยนตร์ ภาพถ่าย งานศิลปะประยุกต์) และ ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (เครื่องหมายการค้า การออกแบบอุตสาหกรรม) ซึ่งกฎหมายภายในแต่ละประเทศหลัก ๆ แล้วคล้ายคลึงกัน แต่อาจจะมีรายละเอียดบางประการที่แตกต่างกันไป

เมื่อพิจารณาแล้ว "รูปทรง หรือ รูปลักษณ์" ของขนมก็น่าจะตกอยู่ในขอบข่ายของกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์มากกว่าด้านอื่น จึงลองมาพิจารณาขอบเขตด้านกฎหมายว่า รูปทรง หรือ รูปลักษณ์ ของขนมนั้นจะได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายลิขสิทธิ์ได้หรือไม่ ?

หลักการที่จะทำให้ "งาน" ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์มีดังต่อไปนี้

1. เป็นงานที่สร้างสรรค์ หมายความว่า เป็นงานที่ก่อให้เกิดขึ้นด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของบุคคล ซึ่งความคิดริเริ่ม (Originality) คือ ความความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างความคิด (idea) และ การแสดงออก (expression) ของผู้สร้างสรรค์ผ่านฝีมือและความอุตสาหะให้ออกมาเป็นชิ้นงาน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับความใหม่ (Novelty) ในเรื่องสิทธิบัตร ความใหม่ คือ ไม่มีใครคิด หรือ ทำออกมาก่อน ไม่เคยปรากฎมาก่อน แต่ความคิดริเริ่ม หรือ ความเป็น original มีพื้นฐานมากจากการใช้ทักษะ ประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ แรงงาน เงินทุน แล้วกลั่นออกมาเป็นผลงาน

เช่น ช่างภาพ 5 คน ไปงาน event เพื่อถ่ายภาพดารา A ทุกคนถ่ายภาพดารา A เหมือนกันหมด กรณีนี้ช่างภาพแต่ละคนถ่ายภาพดารา A โดยใช้ทักษะส่วนตัว วิธีการใช้อุปกรณ์ เทคนิคการกำหนดแสง และ มุมกล้อง ตามประสบการณ์ของช่างภาพแต่ละคน แม้ภาพที่ออกมาจะเป็นภาพของดารา A เหมือนกัน หากแต่ละภาพเกิดจากความคิดริเริ่มสวนบุคคลของช่างภาพจึงได้ออกมาเป็นผลงานที่ต่างกัน ภาพแต่ละภาพของดารา A จึงมีโอกาสได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์แยกจากกัน

การพิจารณาในเรื่องความคิดริเริ่มในงานสร้างสรรค์เป็นเรื่องสำคัญ และ มีข้อพิจารณาที่ละเอียดอ่อน ยิ่งความคิดริเริ่มมีระดับที่น้อยลงเท่าใด โอกาสที่จะได้รับความคุ้มครองก็ยิ่งน้อยลงไปด้วย เช่น หากใช้ทักษะ ความสามารถ เงินทุน ประกอบกันแล้วเป็นเพียงการลอกเลียนงานเดิม ก็ไม่ถือว่ามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในงาน แต่ถ้าเป็นการดัดแปลงงานจนเกิดความแตกต่างมากในระดับที่เพียงพอจนเกือบไม่เหลือเค้างานเดิมก็สามารถถือเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้เช่นกัน

2. มีรูปร่างปรากฎ หมายความว่า งานสร้างสรรค์จะต้องมีรูปแบบการปรากฎออกมาเป็นรูปธรรม มีความแน่นอน เช่น เป็นเสียงพูด เป็นตัวหนังสือ เป็นรูปทรง รูปร่าง เป็นเสียง หรือ ภาพ ตามแต่ลักษณะของชนิดงานนั้น ๆ แต่จะต้องมีการบันทึก (fixation) หรือไม่ ก็แล้วแต่กฎหมายภายในแต่ละประเทศ

3. เป็นงานตามที่กฎหมายกำหนด หมายความว่า เป็นงานชนิดใดชนิหนึ่งตามที่ปรากฎตามม.6 พรบ.ลิขสิทธิ์ 2537

4. ไม่ข้ดต่อความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน (หลักตามคำพิพากษาฎีกา) ข้อนี้ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้กลับหลักไปหรือยัง เนื่องจากมันนานมากแล้ว ฎีกานั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิดีโอที่มีภาพลามกบางส่วนประกอบอยู่ ศาลจึงมีการขยายหลักเกณฑ์งานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ให้มีหลักความสงบเรียบร้อยออกมาด้วย

เมื่อนำหลักข้างต้นมาพิจารณากับรูปลักษณ์ หรือ รูปทรงของขนม ขอข้ามไปหลักเกณฑ์ข้อที่ 2 ก่อน จริง ๆ ขั้นตอนแรกน่าจะดูก่อนเลยว่า "รูปทรง และ รูปลักษณ์" ขนมนี่จะจัดอยู่ในประเภทของงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์หรือไม่ ? พอนำมาเทียบกับนิยามแล้วคิดว่าน่าจะตกอยู่ในงานศิลปกรรม (Artistic Works) ในหัวข้อ ศิลปประยุกต์ (Work of applied arts) ที่เป็นการรวมเอางานศิลปกรรมอย่างหนึ่ง หรือ หลาย ๆ อย่างมารวมกันเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นนอกจากชื่นชมในคุณค่าของความงาม เช่น ไปใช้สอยตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ หรือ ทำอย่างอื่นเพื่อประโยชน์ทางการค้า อาทิ วอลเปเปอร์ลายดอกไม้ใบหญ้า แม่เหล็กติดตู้เย็นลายกังหันลมฮอลแลนด์ รูปทรงรูปลักษณ์ของขนมก็น่าจะเป็นไปในทำนองเดียวกัน (แต่ถ้าอยากเก็บไว้คงทนถาวรเก็บไว้เป็นงานศิลปะภาพวาดภาพถ่ายก็น่าจะได้เหมือนกัน แต่ในที่นี้พูดถึงอันที่มันออกมาเป็นของกิน)

ต่อมาหลักข้อที่ 3 ปรากฎเป็นรูปร่าง แน่นอนว่าขนมนั้นมันต้องมีการปั้นแต่จัดทำออกมามีลักษณะเป็นรูปธรรมจับต้องได้นั่นแหละ แต่คงไม่ได้มีอยู่จนชั่วกัลปาวสานในชิ้นงานเดี่ยวแบบงานในลักษณะเดียวกัน โดยธรรมชาติขนมเป็นของกิน กินแล้วก็หมดไป ถ้าเป็นงานชิ้นเดียวอันเดียวความคุ้มครองก็น่าจะมีอยู่จนกระทั่งขนมนั้นหายไปในท้องเรา แต่ถ้าทำเป็นอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา หรือ ยักย้ายถ่ายเทเป็นประการอื่น เช่น วาดเป็นภาพเก็บไว้ ถ่ายเป็นภาพเก็บไว้ ก็น่าจะไม่ผิดกติกา (ซึ่งจะมีผลในเรื่องอายุการคุ้มครอง เพราะ งานแต่ละประเภทอายุความคุ้มครองแตกต่างกันไป)


หลักเกณฑ์ข้อที่ 4 ถ้าทำขนมรูปทรงออกมาในทางอนาจารก็คงจะเข้าข้อนี้ได้ละมัง (ปกติคงไม่มีใครทำหรอกเนาะ) แต่อย่างที่บอกกฎเกณฑ์ข้อนี้ ไม่ทราบว่ายังอยู่หรือไม่ เนื่องจากมันไม่ได้เป็นหลักที่ปรากฎในกฎหมายแต่ปรากฎในคำพิพากษาฏีกาอาจจะมีการกลับหลักไปแล้ว

หลักเกณฑ์ข้อที่ 1 นี่สิ ยุ่งสุดเลยเอาไว้ท้ายสุด การบ่งว่ารูปทรงลักษณะขนมแสดงความคิดริเริ่มค่อนข้างจะยุ่งยาก อาจจะต้องใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์เข้าช่วยด้วย ขนมบางชนิดเห็นมานมนานกาเลไม่รู้มันเริ่มต้นที่ไหนต้นฉบับเป็นยังไง เพราะ มันเป็นหนึ่งสิ่งที่ต้องอธิบายว่าผู้สร้างสรรค์รูปทรงขนมมีความคิดริเริ่มหรือไม่ อย่างไร สิ่งสำคัญอย่างที่บอก ไม่ใช่ความ "ใหม่" แต่เป็น "ความต่าง" ถึงใช้ทักษะเงินทุนแรงงานมากมาย แต่เป็นการเลียนแบบขนมที่มีมาแล้วนมนานก็ไม่ถือว่ามีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อันใด แม้นรูปทรงขนมนั้นจะกลายเป็น Public Domain (งานที่สิ้นอายุความคุ้มครองไปแล้ว) แต่เมื่อทำเลียนแบบออกมาใหม่ให้เป็นแบบเดิมที่เคยได้ทำมาแล้ว ก็จะแลดูว่ามีเจตนาหลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงไม่ควรได้รับความคุ้มครอง อะไรทำนองนี้ อันนี้ คิดว่าเป็นปัญหาสำหรับขนมอันเป็นที่รู้จักกันมานานาน พวก traditional dessert ทั้งหลาย ที่มีรูปร่างหน้าตามีแบบฟอร์มมาตรฐาน จะบอกว่าได้รับความคุ้มครองไหมก็ยาก จะพิสูจน์เรื่องใครละเมิดใครคงยากอีก แต่ถ้าเป็นขนมที่มีรูปร่างลักษณะอาร์ต ๆ สูง เช่น เป็น signature dish ของที่ใดที่หนึ่ง มีที่นี่ทีเดียวแบบนี้ คิดว่าแบบนี้จะทำให้ผู้สร้างสรรค์อธิบายให้เข้าหลักความคิดริเริ่มได้ง่ายกว่า คิดว่ามีทั้ง "ใหม่" และ "ต่าง" เลยทีเดียว หากรูปร่างรูปทรงมีลักษณะโดดเด่นกว่าที่อื่น ๆ


อย่างไรก็ดีเมื่อลองเข้าไปลองค้นแนวคิดของฝรั่งมังค่าดูบ้างว่ามีเคส หรือ คดี เกี่ยวกับดีไซด์ขนมบ้างหรือไม่ ? ก็พบว่าในวงการขนมหวานที่มีการตกแต่ง(เช่น เค้ก) ดูจะมีธรรมเนียมที่ว่า Someone in the industry is welcome to take my work and adopt it into a useful structure to help the industry continue to grow in a successful fashion. ประมาณว่ายินดีนะจ๊ะ ... เชิญเอางานฉันไปใช้ไปดัดแปลงเป็นประโยชน์ต่อวงการได้เลยจ้ะ ทำนองนั้น ดังนั้นเคสฟ้องละเมิดเท่าที่ค้นหาจึงไม่เห็นเลย จะมีก็แต่พวกที่นำเอาตัวการ์ตูน หรือ เครื่องหมายการค้าต่าง ๆ เช่น คาแรคเตอร์จากเกมส์ World of Warcartf กระเป๋าชาแนล ตัดแปลงแต่งหน้าเค้กออกขาย หรือ ตามลูกค้าสั่ง อันนี้เห็นบ้างประปราย ยอมรับว่าแปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างน้อยขนมของหวานพวกที่เป็น signature dish ตามภัตตาคาร หรือ ร้านอาหารหรูหรา เป็นผลงานที่มีมูลค่า ลงทุนลงแรง และ ใช้ทักษะเยอะ การ copy เอาไปซึ่งน่าจะมีบ้าง แต่อย่างว่าในวงการคงจะมีธรรมเนียมที่เราไม่รู้ และ อีกย่างคือ จะเป็นคดีความใช้ทั้งเงินและเวลา ลูกค้าก็น่าจะคนละกลุ่มด้วย ไม่น่าจะคุ้ม ดังนั้นจากการค้นคว้าในเวลาน้อยนิดพอจะให้ความเห็นได้ว่า รูปทรงรูปลักษณ์ของขนมน่าจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นน่าจะขึ้นอยู่กับการพิสูจน์เงื่อนไขในแง่ "ความคิดริเริ่ม" เป็นสำคัญ

อนึ่งหลังจากที่ได้ลองค้นข้อมูลในเรื่องนี้ได้ไปพบข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยกฎหมายและอาหารที่น่าสนใจ คือ เรื่องสูตรอาหาร (recipe) และ รายการอาหาร (Menu Course ) เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามีการฟ้องร้องในแง่มุมทรัพย์สินทางปัญญาด้วย แต่ตอนนี้ข้อมูลยังไม่เพียงพอ ขออ่านต่ออีกหน่อยจะกลับมาคุยค่ะ

ป.ล.

1. ข้อเขียนนี้พูดถึงเฉพาะแง่ที่ว่ารูปทรงของขนมจะได้รับความคุ้มครองในขอบเขตกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่ ไม่ได้ลงลึกไปถึงเงื่อนไขการกระทำละเมิดและความรับผิด
2. เจ้าของกระทู้ไม่ได้เชี่ยวชาญทางด้าน IP Law พยายามให้ความเห็นโดยอาศัยหลักวิชาตามที่ศึกษา หากมีที่ผิดขอช่วยชี้แนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่