หยุดหลายวันไปเจอบล็อคนึงมีเรื่องน่าอ่าน มาทำความรู้จักตลาดหุ้นในอดีตดีกว่าครับ
ที่มา :
http://www.oknation.net/blog/bankbank/2011/01/26/entry-2
วันพุธ ที่ 26 มกราคม 2554
มนุษย์ทองคำตลาดหุ้นไทยหายไปหมด ตอนที่ 1
Posted by 4BANK , ผู้อ่าน : 1493 , 00:02:51 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้ โหวต 1 คน
ช่วงปี 1992 ผมเริ่มต้นงานแรกโดยการเป็น data input ของ broker รายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
ผมเริ่มจากไม่เป็นอะไรเลยทั้งที่จบ Finance มาโดยตรง จริงๆ เขาต้องการรับ เจ้าหน้าที่การตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งค่าตัวแพงมากต้องแย่งกัน ผมโชคดีหน่อยที่เรียนต่อโท ด้าน computer
เวลานั้นตลาดหุ้นไทยเิพิ่งจะยกเลิกการซื้อขายแบบ เคาะกระดานไป การซื้อขายผ่าน computer ถือว่าใหม่มาก จำได้ว่า computer รุ่นนั้นไม่มี pentium มีแค่ รหัส 286 386 486 ทำนองนี้ ที่สำคัญ window ไม่มีครับ ใช้ dos คำสั่งต้องเริ่มจาก cd\ มี software สุดยอดคือ lotus123 และ cuword เท่าันั้น ผมสอบสัมภาษณ์ตกเพราะ เจอคำถามว่า หุ้นไทยพาณิชย์มีตัวย่อว่าอะไร หุ้น RR คือหุ้นอะไร
หุ้นซื้อขายกันอย่างไร ผมตอบไม่ได้เลย เพราะผมเรียนมามีแต่ NPV IRR PV FPV Bond Yeild
เจอแบบนี้ อดได้งานครับ กลับถึงบ้านแม่บอกว่า ที่ไปสีมภาษณ์นะโทรมาที่บ้าน บอกว่าพรุ่งนี้ให้ไปใหม่
ไม่ได้เป็น Marketing แต่ต้องไปเริ่มตำแหน่ง data input แทน เอาก็เอา เงินเดือนเริ่มต้น 8000 บาท
data input คือรับ order จากลูกค้าที่ตะโกนมาในห้องค้าหุ้นครับ สมัยนั้น hit ดูจอหุ้นกัน มานั่งกินกาแฟฟรี ขนมฟรี เ่ล่นหุ้นตะโกนสั่ง ผมนี่แหละ ต้อง Key order ตามใจท่านๆๆ ทำได้สัก 2 เดือนความรู้ผมเริ่มแกร่ง จำชื่อหุ้นได้หลายตัว งาน key order หุ้นซื้อขาย ผมเอาอยู่หมด ผมโชคดีพูดฝรั่งได้นิดๆ เจ้านายเป็น Trader ชื่อ Mr.Simon Heggin มาจาก london จบแค่ high school คุยกับผมทุกวัน ผมได้ลักจำแอบถามเขาประจำ สุดท้ายก็ได้วิชามารมาเพียบ ตำราไทยเรื่องหุ้นน้อยมาก ผมเจอหนังสือบนโต๊ะเจ้านายชื่อ Technical Analysis ผมจดอย่างรวดเร็ว กลับไปที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัย เจอ Technical Analysis อีกนับสิบเล่ม ผมดีใจสุดๆๆ ยืมมาอ่าน (ตอนเรียนปริญญาตรีไม่ีเคยยืมเลย) เจ้านายงง you นี่อ่านหนังสือฝรั่งออกด้วย อยากรู้อะไรถาม I ได้นะ คำถามแรกของผม บอกผมหน่อย signal buy or signal sell ดูอย่างไร เขาหัวเราะและตอบว่า ไม่มีหรอก
ดู graph เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนว่าหุ้นขึ้นมานานยัง เริ่มปรับตัวลงหรือไม่ ราคาแพงไปไหม จะไปต่อได้หรือไม่ เป็นแค่การเดา ไม่มีหรอกคำ่ว่า signal buy or sell ทุกๆ เช้า เจ้านายฝรั่งผมจะวุ่นกับหน้าจอหุ้นประมาณ 5 จอ แบ่งเป็น sector และมีจอ รอยเตอร์อีก 1 อัน แต่วันนี้เจ้านายผมหน้าแดงมาก โทรศัพท์ไปต่างประเทศ ดูร้อนรน ผมสงสัยเลยถามว่า what happen ? คำตอบที่ได้คือ ค่าเงิน USdollar แกว่งรุนแรง น่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ผมฟังแล้วยังงงงงงง อะไรกันว้า
ก่อนตลาดหุ้นไทยจะเปิดซื้อขายสัก 10 นาที ผมเห็นรอยเตอร์มีข่าวว่า อิรักบุกคูเวต ผมรีบโทรหาเพื่อนซี้ เพื่อนผมยังงงง บอกว่าทำไงดี ตกลงขายหุ้นทิ้งทันทีแล้วกัน โทรไปขายล้าง port ทันที
ตลาดหุ้นไทยเปิดได้ 1 นาทีเอง มีข่าว cnn ช่อง 7 ออกมาว่าอิรักบุกคูเวต หุ้นไทยทั้งกระดาน
แดงไหลลงไม่หยุด ผมจำได้ดี อาเฮียที่ว่ามี inside อาม่าที่ว่าแน่ๆ ฮุบปากเงียบ แล้วเดินมาถามผมว่า ทำไงดี เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันแดงแบบนี้ละ ผมตอบว่าล้าง port ครับ ขาดทุนน้อยดีกว่าขาดทุนมาก
และแล้วผมก็มี order ขายทั้งวัน เจ้านายฝรั่งผมดีใจ ล้าง port ก่อนใครเสียหายน้อย
นี่คือความรู้ที่มีค่าสำหรับผมในช่วงแรกของการทำงานในตลาดหลักทรัพย์
ผมเริ่มฉลาดอ่านตำรามาก ถามฝรั่งทุกวัน และฝรั่งยังไว้ใจผมให้ผมทำ confirm letter การซื้อขายหุ้นให้กับ singapore ด้วย ทำเป็น cuword แล้ว fax ไป ทุกเย็นๆ ผมจีงทราบว่าฝรั่งเขาสั่งซื้อเป็นจำนวนหุ้น ไม่ได้ระบุว่าต้องเอาราคานี้เท่านั้น เป็นค่าเฉลี่ย ทำได้แค่ 3-4 เดือน ลูกค้าเริ่มไว้ใจผม ปรึกษาผมตลอดว่า ซื้ออะไรดี ถ้ากำไรจะได้ปากกา cross เป็นการตอบแทน ผมได้ปากกามา 3 ด้ามครับ เสียบไว้ที่เสื้อ show อวดเพื่อนๆๆ จนลูกค้าไม่กล้าซื้อให้อีกแล้ว 555555 จากเด็กจบใหม่ กลายมาเป็น researcher ภายในเวลา 4 เดือน เจ้าหน้าที่การตลาดหลายคนต้องมาถามผมว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร พอฝ่ายวิเคราะห์ต้องการคนเพิ่ม พวกเขาจึงถีบผมเข้าไปทำงาน เหตุผลคือ ฝ่ายวิเคราะห์ไม่กล้าฟังธงว่า หุ้นวันนี้จะเป็นอย่างไร ในขณะที่ลูกค้าเก็งกำไร ถามทุกวัน
วันจันทร์ ที่ 31 มกราคม 2554
มนุษย์ทองคำตลาดหุ้นไทยหายไปหมด ตอนที่ 2
Posted by 4BANK , ผู้อ่าน : 1208 , 00:53:45 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้ โหวต 0 คน
สมัยก่อนใครทำงานหุ้นๆ นี่เท่ห์ระเบิด เพราะโบนัสสูงมาก ออกหนังสือพิมพ์เกทับกันจำได้ว่า ของ JF Thanakom ของคึณกรณ์ นี่จ่ายโบนัส 18 เดือน ผมเห็นจากหนังสือพิมพ์ครับ จ่ายจริงเท่าไหร่ไม่รู้
นอกจากนี้เป็นงานที่เข้างานช้ามาก จำได้ว่าบริษัทอื่น 8 โมงต้องตอกบัตรแล้ว ตอนนั้นรถไฟฟ้าไม่ีมีนะครับ วิกฤตสุดๆๆ ใครอยู่สีลมละก็ 1 ชั่วโมงแน่ๆ ทำงานหุ้นมา 9 โมงยังทัน เพราะหุ้นซื้อขาย 10 โมง กินข้าวช้าหน่อยเลิก เที่ยงครั่ง ทำงานอีกทีบ่ายสอง สี่โมงกว่า กลับบ้านแล้ว กลางวันไม่ต้องซื้อข้าวกินเองด้วย ลูกค้ากำไรหุ้นมักจะเรียกไปกินติ่มซำกัน ตอนเย็นก็กินอีก มนุษย์ทองคำจริงๆ ชื่อนี่ผมเดาว่าแปลมาจากพวก goldman saches ครับ เล่าต่อแล้วกัน ย้ายมาทำ research เวรกรรม ผมต้องมาถึง office เวลา 7 โมง เพราะต้องทำข่าวรายวัน Daily Report อ่านหนังสือพิมพ์อย่างรวดเร็ว และรีบสรุปข่าว และมี graph หุ้นเด็ดรายวัน ทำบน window 95 ตอนนั้นถือว่าสุดยอดแล้วใครใช้ window เป็น
อาทิตย์แรกเครียดจัดพิมพ์ไม่ทันสักที ทำได้เดือนเดียว พิมพ์เร็วและดัง จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้พิมพ์งานที่ไร ลูกน้องมักถามว่าพี่จบพาณิชย์มาหรือไม่ เห็นพิมพ์งานเร็วมาก พวกผมจบสายสามัญเขาไม่สอนพิมพ์ดีดกัน ผมต้องสวนกับอย่างรวดเร็ว จบอัสสัมชัญ่ว่ะ ไม่ใช่พาณิชย์ 5555555 เมื่อทำ Daily report เสร็จแล้วต้องออกไปอ่านให้เจ้าหน้าที่การตลาดฟังก่อนตลาดหุ้นเปิด พอตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขาย เวลานั้นแหละคือเวลาพักของผม ตอนเช้าๆ ผมมักเพิ่มพลังด้วยน้ำเต้าหู้เป็นประจำ ดูดไปพิมพ์ไป บางวันสำลักสาคูและลูกเดือย วันไหนเพื่อนป่วยมาไม่ได้ งานของผมจะ load เป็น 2 เท่า ระหว่างวันก็ทำบทวิจัย วิเคราะห์ไปตามเรื่อง ออกไปเยี่ยมบริษัทบ้าง เท่ห์จะตายไป ตำแหน่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ตอนนั้นไปฟังคุณมาริษ ท่าราบ ที่ตลาดหลักทรัพย์เก่า อาคารสินธร ปลื้มมากๆ
ลืมบอกไปสมัยนั้นไม่มี internet นะ มือถือก็ไม่มี หาอะไรยากมาก ต้องใช้โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว มีอยู่วัน ฝรั่งอยากได้อัตราดอกเบี้ย เงินฝาก เงินกู้ MLR MOR MRR ของทุกธนาคารตอน 5 โมงเย็น หัวผมฟูเลย บ่นในใจฝรั่งทำไมชอบขออะไรตอนเย็นๆๆ พอคิดได้ก็เวลาบ้านเขากับบ้านเรามันไม่ตรงกันไง ทุกเย็นผมจะผวาว่า จะมีการขออะไรอีกไหมนี่ วันไหนมีนัดสาวๆๆ บ่ายสามโมง ผมยกหูโทรศัพท์ค้างไว้เลย 4 โมงกว่าๆ รีบเผ่น การทำ research ทำให้ผมได้วิชามาเพียบ เอาไปเรียนปริญญาโทภาคค่ำได้สบาย ประกอบกับฝีมือ Microsoft word and excel นี่ ผมเฉียบมาก
สมัยนั้นยังไม่มี power point นะ copy xerox ใส่แผ่นใส แต่ของผมมี clip art สุดยอด
ไปเรียนโทภาคค่ำ เพื่อนๆ มักขอราคาปิดหุ้น เพราะไม่อยากรอหนังสือพิมพ์ตอนเช้า มันเท่ห์ไหมครับ
นับดูแล้วก็ 15-19 ปีแล้วนะ สมัยนี้ ต่างกันมาก ลูกค้า key order ทาง internet ได้ ผมโหดกว่า key ทาง Iphone4 ได้เลย ตำแหน่ง marketing จึงลดบทบาทลง เจอแต่เด็กจบใหม่ ทำงานได้ 3 เืดือน หาลูกค้าใหม่ มา trade ไม่ cover เิงินเดือน 8000 บาท ก็ต้องลาออกไป รับคนใหม่เข้ามาอีก สรุปว่า มนุษย์ทองคำรุ่นใหม่ๆ อัตราการรอดชีวิตน้อยมาก การเปิด commission เสรี ทำให้ใครมีลูกค้ารายใหญ่ได้เปรียบ เด็กใหม่เสียเปรียบมาก วันก่อนเจอเพื่อนๆ ที่ทำงานรุ่นเดียวกันบอกว่า อีก 10 ปี ตลาดหุ้นไทยคงเป็นของต่างชาติไปละ เพราะจะลดค่า com เสรีอีกหลายรอบ marketing แก่ๆ รุ่นเพื่อนผมที่ว่าแน่ๆๆ มี volume หลัก ร้อยล้าน ยังต้องแพ้ทาง marketing ต่างประเทศที่มี order เป็น พันล้าน Broker ฝรั่งนี่ก็เก่งสุดๆๆ ทำทีมา merge กับ Broker ไทย ตอนแรกก็จูบปากกันดี พอตอนแยกทางกัน ออกมาแฉ โดนฝรั่งหรอก ฝรั่ง trade หุ้นไม่ยอมเสียค่า commission ฝรั่งกำไรจากการเล่นหุ้นไม่เสียค่า com และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วน Broker ไทยได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขี้น แต่กำไรไม่มี มีแปลกกว่านั้น มี marketing executive เด็กจบปริญญาโทเมืองนอก มาหัดรับ order ต่างชาติ key อย่างเดียว ไม่ต้องหาลูกค้าเอง จน marketing รุ่นโบราณอิจฉา key หุ้นทีละหลายล้านบาททุกวัน ในขณะที่อดีตมนุษย์ทองคำ นั่งเล่นหุ้น port ตัวเองกันเป็นแถว หาค่าขนม และอาหารกลางวัน ความลับไม่มีในโลก สุดท้าย ฝรั่งหัวดำ ไปเปิด port ที่เมืองนอก แล้วทำทีว่ามีคำสั่งจากเมืองนอก ที่แท้ก็ port บริษัท และลูกค้า VIP นี่เอง หมดแล้วครับ มนุษย์ทองคำ ยิ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลับมองว่าเป็น cost เคยได้ข่าวว่าจะลดนักวิเคราะห์ลงอีก ใครจะวิเคราะห์ได้ตรงละครับ
ยิ่งหุ้นตัวเล็กๆ ที่ชอบซื้อกันนัก ตัวละ ไม่ถึงบาท วิ่งกันไฟแลบ ฉีกตำรา CFA , CISA, MBA กันหมด
สมัยนี้มี internet ทำให้เกิด too much information คิดไม่ออกข่าวไหนจริง ไม่จริง มี facebook และ twister ทั้งวัน smartphone ก็ราคาลดลงทุกวัน วันก่อนผมยัง key ซื้อขายหุ้น บนรถขณะติดไฟแดงเลย Good bye มนุษย์ทองคำ
มนุษย์ทองคำตลาดหุ้นไทยหายไปหมด by 4BANK
ที่มา : http://www.oknation.net/blog/bankbank/2011/01/26/entry-2
วันพุธ ที่ 26 มกราคม 2554
มนุษย์ทองคำตลาดหุ้นไทยหายไปหมด ตอนที่ 1
Posted by 4BANK , ผู้อ่าน : 1493 , 00:02:51 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้ โหวต 1 คน
ช่วงปี 1992 ผมเริ่มต้นงานแรกโดยการเป็น data input ของ broker รายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
ผมเริ่มจากไม่เป็นอะไรเลยทั้งที่จบ Finance มาโดยตรง จริงๆ เขาต้องการรับ เจ้าหน้าที่การตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งค่าตัวแพงมากต้องแย่งกัน ผมโชคดีหน่อยที่เรียนต่อโท ด้าน computer
เวลานั้นตลาดหุ้นไทยเิพิ่งจะยกเลิกการซื้อขายแบบ เคาะกระดานไป การซื้อขายผ่าน computer ถือว่าใหม่มาก จำได้ว่า computer รุ่นนั้นไม่มี pentium มีแค่ รหัส 286 386 486 ทำนองนี้ ที่สำคัญ window ไม่มีครับ ใช้ dos คำสั่งต้องเริ่มจาก cd\ มี software สุดยอดคือ lotus123 และ cuword เท่าันั้น ผมสอบสัมภาษณ์ตกเพราะ เจอคำถามว่า หุ้นไทยพาณิชย์มีตัวย่อว่าอะไร หุ้น RR คือหุ้นอะไร
หุ้นซื้อขายกันอย่างไร ผมตอบไม่ได้เลย เพราะผมเรียนมามีแต่ NPV IRR PV FPV Bond Yeild
เจอแบบนี้ อดได้งานครับ กลับถึงบ้านแม่บอกว่า ที่ไปสีมภาษณ์นะโทรมาที่บ้าน บอกว่าพรุ่งนี้ให้ไปใหม่
ไม่ได้เป็น Marketing แต่ต้องไปเริ่มตำแหน่ง data input แทน เอาก็เอา เงินเดือนเริ่มต้น 8000 บาท
data input คือรับ order จากลูกค้าที่ตะโกนมาในห้องค้าหุ้นครับ สมัยนั้น hit ดูจอหุ้นกัน มานั่งกินกาแฟฟรี ขนมฟรี เ่ล่นหุ้นตะโกนสั่ง ผมนี่แหละ ต้อง Key order ตามใจท่านๆๆ ทำได้สัก 2 เดือนความรู้ผมเริ่มแกร่ง จำชื่อหุ้นได้หลายตัว งาน key order หุ้นซื้อขาย ผมเอาอยู่หมด ผมโชคดีพูดฝรั่งได้นิดๆ เจ้านายเป็น Trader ชื่อ Mr.Simon Heggin มาจาก london จบแค่ high school คุยกับผมทุกวัน ผมได้ลักจำแอบถามเขาประจำ สุดท้ายก็ได้วิชามารมาเพียบ ตำราไทยเรื่องหุ้นน้อยมาก ผมเจอหนังสือบนโต๊ะเจ้านายชื่อ Technical Analysis ผมจดอย่างรวดเร็ว กลับไปที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัย เจอ Technical Analysis อีกนับสิบเล่ม ผมดีใจสุดๆๆ ยืมมาอ่าน (ตอนเรียนปริญญาตรีไม่ีเคยยืมเลย) เจ้านายงง you นี่อ่านหนังสือฝรั่งออกด้วย อยากรู้อะไรถาม I ได้นะ คำถามแรกของผม บอกผมหน่อย signal buy or signal sell ดูอย่างไร เขาหัวเราะและตอบว่า ไม่มีหรอก
ดู graph เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนว่าหุ้นขึ้นมานานยัง เริ่มปรับตัวลงหรือไม่ ราคาแพงไปไหม จะไปต่อได้หรือไม่ เป็นแค่การเดา ไม่มีหรอกคำ่ว่า signal buy or sell ทุกๆ เช้า เจ้านายฝรั่งผมจะวุ่นกับหน้าจอหุ้นประมาณ 5 จอ แบ่งเป็น sector และมีจอ รอยเตอร์อีก 1 อัน แต่วันนี้เจ้านายผมหน้าแดงมาก โทรศัพท์ไปต่างประเทศ ดูร้อนรน ผมสงสัยเลยถามว่า what happen ? คำตอบที่ได้คือ ค่าเงิน USdollar แกว่งรุนแรง น่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ผมฟังแล้วยังงงงงงง อะไรกันว้า
ก่อนตลาดหุ้นไทยจะเปิดซื้อขายสัก 10 นาที ผมเห็นรอยเตอร์มีข่าวว่า อิรักบุกคูเวต ผมรีบโทรหาเพื่อนซี้ เพื่อนผมยังงงง บอกว่าทำไงดี ตกลงขายหุ้นทิ้งทันทีแล้วกัน โทรไปขายล้าง port ทันที
ตลาดหุ้นไทยเปิดได้ 1 นาทีเอง มีข่าว cnn ช่อง 7 ออกมาว่าอิรักบุกคูเวต หุ้นไทยทั้งกระดาน
แดงไหลลงไม่หยุด ผมจำได้ดี อาเฮียที่ว่ามี inside อาม่าที่ว่าแน่ๆ ฮุบปากเงียบ แล้วเดินมาถามผมว่า ทำไงดี เกิดอะไรขึ้น ทำไมมันแดงแบบนี้ละ ผมตอบว่าล้าง port ครับ ขาดทุนน้อยดีกว่าขาดทุนมาก
และแล้วผมก็มี order ขายทั้งวัน เจ้านายฝรั่งผมดีใจ ล้าง port ก่อนใครเสียหายน้อย
นี่คือความรู้ที่มีค่าสำหรับผมในช่วงแรกของการทำงานในตลาดหลักทรัพย์
ผมเริ่มฉลาดอ่านตำรามาก ถามฝรั่งทุกวัน และฝรั่งยังไว้ใจผมให้ผมทำ confirm letter การซื้อขายหุ้นให้กับ singapore ด้วย ทำเป็น cuword แล้ว fax ไป ทุกเย็นๆ ผมจีงทราบว่าฝรั่งเขาสั่งซื้อเป็นจำนวนหุ้น ไม่ได้ระบุว่าต้องเอาราคานี้เท่านั้น เป็นค่าเฉลี่ย ทำได้แค่ 3-4 เดือน ลูกค้าเริ่มไว้ใจผม ปรึกษาผมตลอดว่า ซื้ออะไรดี ถ้ากำไรจะได้ปากกา cross เป็นการตอบแทน ผมได้ปากกามา 3 ด้ามครับ เสียบไว้ที่เสื้อ show อวดเพื่อนๆๆ จนลูกค้าไม่กล้าซื้อให้อีกแล้ว 555555 จากเด็กจบใหม่ กลายมาเป็น researcher ภายในเวลา 4 เดือน เจ้าหน้าที่การตลาดหลายคนต้องมาถามผมว่าแนวโน้มเป็นอย่างไร พอฝ่ายวิเคราะห์ต้องการคนเพิ่ม พวกเขาจึงถีบผมเข้าไปทำงาน เหตุผลคือ ฝ่ายวิเคราะห์ไม่กล้าฟังธงว่า หุ้นวันนี้จะเป็นอย่างไร ในขณะที่ลูกค้าเก็งกำไร ถามทุกวัน
วันจันทร์ ที่ 31 มกราคม 2554
มนุษย์ทองคำตลาดหุ้นไทยหายไปหมด ตอนที่ 2
Posted by 4BANK , ผู้อ่าน : 1208 , 00:53:45 น.
หมวด : เศรษฐกิจ
พิมพ์หน้านี้ โหวต 0 คน
สมัยก่อนใครทำงานหุ้นๆ นี่เท่ห์ระเบิด เพราะโบนัสสูงมาก ออกหนังสือพิมพ์เกทับกันจำได้ว่า ของ JF Thanakom ของคึณกรณ์ นี่จ่ายโบนัส 18 เดือน ผมเห็นจากหนังสือพิมพ์ครับ จ่ายจริงเท่าไหร่ไม่รู้
นอกจากนี้เป็นงานที่เข้างานช้ามาก จำได้ว่าบริษัทอื่น 8 โมงต้องตอกบัตรแล้ว ตอนนั้นรถไฟฟ้าไม่ีมีนะครับ วิกฤตสุดๆๆ ใครอยู่สีลมละก็ 1 ชั่วโมงแน่ๆ ทำงานหุ้นมา 9 โมงยังทัน เพราะหุ้นซื้อขาย 10 โมง กินข้าวช้าหน่อยเลิก เที่ยงครั่ง ทำงานอีกทีบ่ายสอง สี่โมงกว่า กลับบ้านแล้ว กลางวันไม่ต้องซื้อข้าวกินเองด้วย ลูกค้ากำไรหุ้นมักจะเรียกไปกินติ่มซำกัน ตอนเย็นก็กินอีก มนุษย์ทองคำจริงๆ ชื่อนี่ผมเดาว่าแปลมาจากพวก goldman saches ครับ เล่าต่อแล้วกัน ย้ายมาทำ research เวรกรรม ผมต้องมาถึง office เวลา 7 โมง เพราะต้องทำข่าวรายวัน Daily Report อ่านหนังสือพิมพ์อย่างรวดเร็ว และรีบสรุปข่าว และมี graph หุ้นเด็ดรายวัน ทำบน window 95 ตอนนั้นถือว่าสุดยอดแล้วใครใช้ window เป็น
อาทิตย์แรกเครียดจัดพิมพ์ไม่ทันสักที ทำได้เดือนเดียว พิมพ์เร็วและดัง จนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้พิมพ์งานที่ไร ลูกน้องมักถามว่าพี่จบพาณิชย์มาหรือไม่ เห็นพิมพ์งานเร็วมาก พวกผมจบสายสามัญเขาไม่สอนพิมพ์ดีดกัน ผมต้องสวนกับอย่างรวดเร็ว จบอัสสัมชัญ่ว่ะ ไม่ใช่พาณิชย์ 5555555 เมื่อทำ Daily report เสร็จแล้วต้องออกไปอ่านให้เจ้าหน้าที่การตลาดฟังก่อนตลาดหุ้นเปิด พอตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขาย เวลานั้นแหละคือเวลาพักของผม ตอนเช้าๆ ผมมักเพิ่มพลังด้วยน้ำเต้าหู้เป็นประจำ ดูดไปพิมพ์ไป บางวันสำลักสาคูและลูกเดือย วันไหนเพื่อนป่วยมาไม่ได้ งานของผมจะ load เป็น 2 เท่า ระหว่างวันก็ทำบทวิจัย วิเคราะห์ไปตามเรื่อง ออกไปเยี่ยมบริษัทบ้าง เท่ห์จะตายไป ตำแหน่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ตอนนั้นไปฟังคุณมาริษ ท่าราบ ที่ตลาดหลักทรัพย์เก่า อาคารสินธร ปลื้มมากๆ
ลืมบอกไปสมัยนั้นไม่มี internet นะ มือถือก็ไม่มี หาอะไรยากมาก ต้องใช้โทรศัพท์เพียงอย่างเดียว มีอยู่วัน ฝรั่งอยากได้อัตราดอกเบี้ย เงินฝาก เงินกู้ MLR MOR MRR ของทุกธนาคารตอน 5 โมงเย็น หัวผมฟูเลย บ่นในใจฝรั่งทำไมชอบขออะไรตอนเย็นๆๆ พอคิดได้ก็เวลาบ้านเขากับบ้านเรามันไม่ตรงกันไง ทุกเย็นผมจะผวาว่า จะมีการขออะไรอีกไหมนี่ วันไหนมีนัดสาวๆๆ บ่ายสามโมง ผมยกหูโทรศัพท์ค้างไว้เลย 4 โมงกว่าๆ รีบเผ่น การทำ research ทำให้ผมได้วิชามาเพียบ เอาไปเรียนปริญญาโทภาคค่ำได้สบาย ประกอบกับฝีมือ Microsoft word and excel นี่ ผมเฉียบมาก
สมัยนั้นยังไม่มี power point นะ copy xerox ใส่แผ่นใส แต่ของผมมี clip art สุดยอด
ไปเรียนโทภาคค่ำ เพื่อนๆ มักขอราคาปิดหุ้น เพราะไม่อยากรอหนังสือพิมพ์ตอนเช้า มันเท่ห์ไหมครับ
นับดูแล้วก็ 15-19 ปีแล้วนะ สมัยนี้ ต่างกันมาก ลูกค้า key order ทาง internet ได้ ผมโหดกว่า key ทาง Iphone4 ได้เลย ตำแหน่ง marketing จึงลดบทบาทลง เจอแต่เด็กจบใหม่ ทำงานได้ 3 เืดือน หาลูกค้าใหม่ มา trade ไม่ cover เิงินเดือน 8000 บาท ก็ต้องลาออกไป รับคนใหม่เข้ามาอีก สรุปว่า มนุษย์ทองคำรุ่นใหม่ๆ อัตราการรอดชีวิตน้อยมาก การเปิด commission เสรี ทำให้ใครมีลูกค้ารายใหญ่ได้เปรียบ เด็กใหม่เสียเปรียบมาก วันก่อนเจอเพื่อนๆ ที่ทำงานรุ่นเดียวกันบอกว่า อีก 10 ปี ตลาดหุ้นไทยคงเป็นของต่างชาติไปละ เพราะจะลดค่า com เสรีอีกหลายรอบ marketing แก่ๆ รุ่นเพื่อนผมที่ว่าแน่ๆๆ มี volume หลัก ร้อยล้าน ยังต้องแพ้ทาง marketing ต่างประเทศที่มี order เป็น พันล้าน Broker ฝรั่งนี่ก็เก่งสุดๆๆ ทำทีมา merge กับ Broker ไทย ตอนแรกก็จูบปากกันดี พอตอนแยกทางกัน ออกมาแฉ โดนฝรั่งหรอก ฝรั่ง trade หุ้นไม่ยอมเสียค่า commission ฝรั่งกำไรจากการเล่นหุ้นไม่เสียค่า com และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วน Broker ไทยได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขี้น แต่กำไรไม่มี มีแปลกกว่านั้น มี marketing executive เด็กจบปริญญาโทเมืองนอก มาหัดรับ order ต่างชาติ key อย่างเดียว ไม่ต้องหาลูกค้าเอง จน marketing รุ่นโบราณอิจฉา key หุ้นทีละหลายล้านบาททุกวัน ในขณะที่อดีตมนุษย์ทองคำ นั่งเล่นหุ้น port ตัวเองกันเป็นแถว หาค่าขนม และอาหารกลางวัน ความลับไม่มีในโลก สุดท้าย ฝรั่งหัวดำ ไปเปิด port ที่เมืองนอก แล้วทำทีว่ามีคำสั่งจากเมืองนอก ที่แท้ก็ port บริษัท และลูกค้า VIP นี่เอง หมดแล้วครับ มนุษย์ทองคำ ยิ่งนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลับมองว่าเป็น cost เคยได้ข่าวว่าจะลดนักวิเคราะห์ลงอีก ใครจะวิเคราะห์ได้ตรงละครับ
ยิ่งหุ้นตัวเล็กๆ ที่ชอบซื้อกันนัก ตัวละ ไม่ถึงบาท วิ่งกันไฟแลบ ฉีกตำรา CFA , CISA, MBA กันหมด
สมัยนี้มี internet ทำให้เกิด too much information คิดไม่ออกข่าวไหนจริง ไม่จริง มี facebook และ twister ทั้งวัน smartphone ก็ราคาลดลงทุกวัน วันก่อนผมยัง key ซื้อขายหุ้น บนรถขณะติดไฟแดงเลย Good bye มนุษย์ทองคำ