ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ใน Pantip ที่แชร์เรื่องราว ประสบการณ์การสัมภาษณ์วีซ่าให้ผมได้อ่าน ตอบคำถามบางข้อสงสัยให้กับผม
ขอบคุณสถานฑูตสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำ Clip วิธีการเข้าสัมภาษณ์วีซ่า ทำให้เข้าใจการเข้าสัมภาษณ์ได้มากขึ้นครับ แนะนำให้ดูเลยครับ

เข้าเรื่องวันสัมภาษณ์เลยละกันเนอะ
ผมมีคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่า วันนี้ เวลา 9.00 น. ครับ
เป็นวีซ่าแบบ F1 นะครับ จริงๆ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่ก็ยังอยากเป็นเด็กนักเรียนอยู่ 5555
ลองดูกันนะครับว่า คนอายุ 30+ แล้วไปขอวีซ่า F1 จะเป็นยังไงบ้าง
จากบ้าน - หน้าสถานฑูตฯ
ออกจากบ้าน 7.30 น. ขึ้นรถไฟฟ้า ลงสถานีเพลินจิต ต่อรถ Taxi ไปลงหน้าสถานฑูต (คือไปกับเพื่อนอ่ะครับ เลยนั่ง Taxi ดีกว่า ไม่อยากขึ้นมอไซค์ด้วย)
ถึงหน้าสถานฑูต เวลาประมาณ 8.20 น. (เค้าแนะนำว่าให้มาถึงก่อนเวลานัดจริง 30 นาที นี่เรามาก่อน 40 นาที โอเคละ) ยืนต่อคิวแถวซ้ายชิดกำแพง
รอสักพัก จนท. เสื้อเขียว เรียกคนที่มีคิว 9.00 น. ออกมาเข้าคิวอีกแถวนึง แล้วขอดูหน้า Passport ทีมีรูปเรา + หน้า Form DS-160 จากนั้น จนท. เขียนประเภทวีซ่า (คือ F1) ลงในหน้า DS-160 + แจกบัตรแข็ง 1 ใบ จากนั้น ยืนรอเข้าห้อง Security ต่อไป
เริ่มเข้าสถานฑูตฯ - ก่อนสัมภาษณ์
เราเริ่มเข้าสถานฑูตฯ โดยต้องผ่านห้อง Security ก่อนนะครับ ห้องนี้เราต้องฝากโทรศัพท์ + อุปกรณ์สื่อสาร + อุปกรณ์เกี่ยวเนื่องทุกชนิด ไว้กับ จนท. แลกบัตรประชาชน และเราจะได้ห่วงกุญแจคล้องมือมาด้วย กระเป๋าเป้ เอาเข้าได้นะครับ แต่ต้องผ่านเครื่องสแกน และตัวเราก็ต้องผ่านเครื่องสแกนด้วย จุดนี้ จนท.รปภ. จะเก็บบัตรแข็งที่ จนท. เสื้อเขียวแจกให้ และจะให้ฟอร์มสีฟ้าอ่อนขนาดครึ่ง A4 มาให้ 1 ใบ (เป็นฟอร์มส่งเอกสารคืนทางไปรษณีย์) ถ้าว่างๆ ก็กรอกใบสีฟ้าอ่อนได้เลยครับ
เดินผ่าน Security เข้ามาจะเจอน้อง จนท.เสื้อเขียวอีก 2-3 คน นั่งอยู่เพื่อคัดแยกเอกสาร เราก็ส่งเอกสารของเราทั้งหมดให้กับน้องเค้า น้องเค้าจะส่งเอกสารที่ไม่ใช้คืนเรากลับมา ส่วนเอกสารที่จำเป็นจะแยกใส่ซองใสให้พร้อมกับคลิปกระดาษโน๊ตว่าเราต้องไปสัมภาษณ์เบื้องต้นกับ จนท. คนไทยที่ช่องไหน (ของผมได้ช่องที่ 14-15 ด้านใน ส่วนของเพื่อนได้ช่อง 1-3 ด้านนอก ไม่รู้ว่าเค้าแบ่งยังไงนะครับ)
สัมภาษณ์กับ จนท.คนไทย
ผมเข้าไปข้างใน (ประตูหนักมากๆๆ นะครับขอบอก) ยืนรอคิวสัมภาษณ์กับพี่คนไทย
พอถึงคิวปุ๊ป ไหว้สวยๆ ไป 1 ที ส่งเอกสารให้กับพี่เค้า และเริ่มสัมภาษณ์ครับ บทสัมภาษณ์คร่าวๆ นะครับ
- ไปเรียนเหรอคะ / ใช่ครับ ไปเรียนภาษาครับ
- ใครกรอก DS 160 ให้คะ / กรอกเองครับ
- เอ๊ะ ทำไมไม่ใส่เงินเดือน เงินเดือนเท่าไรคะ / เงินเดือน ...... บาทครับ
- ตอนนี้ทำงานอยู่รึเปล่าคะ / ทำอยู่ครับ
- แล้วต้องลาออกรึเปล่า / ต้องลาออกครับ ที่บริษัทเค้ารอ 6-8 เดือนไม่ไหวครับ
- อ้าว แล้วไม่เสียดายเหรอ / ตอบตรงๆ ก็เสียดายนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เจ้านายบอกว่ากลับมาเค้า Welcome ให้มาสมัครใหม่ครับ
- ทำไมไม่ขอ Leave without pay ล่ะ / เค้าว่ารอไม่ได้ครับ
- อ๋อๆ อาจจะขัดกับนโยบาย / ใช่ครับ อาจจะเป็นอย่างงั้น
- แล้วเลือกไปเรียนที่ไหนล่ะ / เลือกไปที่ ........ ครับ
- รัฐนี้คนไทยเยอะนะ / จริงๆ เลือกไปทางตอนเหนือของรัฐครับ คนไทยไม่น่าเยอะเท่าไร
- ทำไมไม่ลองเรียนในเมืองไทยก่อนละ / ตอบตรงๆ นะครับพี่ เคยเรียนแล้ว แต่ทักษะเรื่องฟัง กะ พูด ยังไม่ค่อยได้ครับ นี่ผมก็พยายามดูซีรีส์ฝรั่งนะครับ แต่อดไม่ได้ต้องเหลือบดู Sub Title ไทยทุกที
- อืมม์ เข้าใจๆ / ครับผม
- กลับมาอย่าลืมเรียกค่าตัว เรียกเงินเดือนเพิ่มนะ / 555 ค๊าบพี่
- วาง 4 นิ้วซ้าย, 4 นิ้วขวา, 2 นิ้วโป้ง เลยค่ะ / ครับ
- รอคิวสัมภาษณ์ต่อเลยค่ะ อีกแป๊ปนึงก็คงเรียกละ คนไม่เยอะ / ขอบคุณมากครับพี่ (ไหว้สวยๆ ไปอีก 1 ที)
สัมภาษณ์กับกงศุล
รอไม่เกิน 5 นาที ก็ถูกเรียกให้ไปยืนต่อคิวรอสัมภาษณ์ครับ
ตอนแรกให้ไปรอที่ช่อง 9 (กงศุลเป็นผู้ชายหน้าคุ้นๆ อ้อ....ก็เป็นคนที่อยู่ในคลิปนี่นา ที่เป็นคนเปิดเรื่องอ่ะ หน้าตาใจดีมากกกกกก)
แต่สรุป ช่อง 11 ว่างอยู่ เลยถูกเรียกให้ไปที่ช่อง 11 แทน (เป็นกงศุลผู้หญิงนะครับ หน้าคุ้นๆ อีกแล้ว นึกออกละ ก็เป็นคนที่อยู่ในคลิปอีกนั่นละ หน้าตาใจดีมากกกก เช่นกัน) เข้าไป ไหว้สวยๆ อีก 1 ครั้ง และพูดสวัสดีครับ จากนั้นบทสัมภาษณ์คร่าวๆ มีดังนี้ครับ
- ไปเรียนภาษาหรือคะ / ใช่ครับ ไปเรียนภาษาครับ
- ไปนานแค่ไหนคะ / 6-8 เดือนครับ
- ตอนนี้ยังทำงานอยู่มั๊ยคะ / ทำครับ
- ทำเกี่ยวกับอะไรคะ / บริษัททำเกี่ยวกับ ....... ส่วนผมทำงานตำแหน่ง ........ ครับ
- แล้วต้องลาออกมั๊ยคะ / ต้องครับ บริษัทรอไม่ไหวครับ แต่เจ้านายบอก Welcome ให้กลับมาสมัครงานอีกครั้งหลังเรียนจบครับ
- ใครออกค่าใช้จ่ายให้คะ / ออกเองครับ
- หลังจบคอร์สแล้ว มีแผนยังไงคะ / กลับเมืองไทย สมัครงาน หางานใหม่ เรียกเงินเดือนสูงขึ้นเลยครับ 555
- ค่ะ
จากนั้นกงศุลก็พิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ สักพัก แล้วก็บอกว่า
- วางนิ้วชี้ซ้ายที่เครื่องเลยค่ะ / ครับ
- เช็ดมือหน่อยค่ะ มือเปียกเหงื่อ / ค๊าบ 5555
- เรียบร้อยแล้วค่ะ เอาเอกสารนี้ไปซื้อซองที่ไปรษณีย์ด้านนอกได้เลยค่ะ / ไหว้สวยๆ อีก 1 ที ขอบคุณนะครับ
แต่ก่อนไป สบายใจแล้วไงครับ ผมเลยถามเพิ่ม ชวนคุยไปว่า "เอิ่ม คุณใช่คนที่อยู่ในคลิปรึเปล่าครับ?"
- (กงศุลยิ้มกว้างเลยอ่ะ) ใช่ค่ะ.......ได้ดูคลิปด้วยเหรอคะ? / ได้ดูครับ ดีมากๆ เลยครับ
- ใครแนะนำให้ดูคะ? / ดูจากในเวบครับ อีกอย่างเพื่อนแนะนำด้วยครับ
- มีประโยชน์มั๊ยคะ? / มีประโยชน์มากๆ เลยครับ เข้าใจง่ายเลยครับ
สรุปว่า ออกจากช่องนั้นด้วยความสุขใจของทั้ง 2 ฝ่ายครับ
พอเรื่องของผมเรียบร้อยละ ก็มองดูเพื่อน ปรากฎว่ายังไม่เข้ามาด้านใน เลยออกไปดู เพื่อนยังต่อคิวสัมภาษณ์กับ จนท. คนไทยอยู่เลยครับ
สักพักพอเพื่อนได้สัมภาษณ์จาก จนท. คนไทยละ (เห็นว่าถามแค่ 3 คำถามเอง ไรว๊า) ก็เดินเข้าข้างในไปต่อคิวที่ช่อง 12 ตามที่ จนท. ไทยบอกมา แต่สรุปว่าเพื่อนได้สัมภาษณ์ช่อง 11 เหมือนผม กงศุลคนเดียวกันเลยครับ โป๊ะเช๊ะเลย เห็นเพื่อนเล่าว่ากงศุลถามนิดเดียวเอง
- ไปเรียนภาษาเหรอคะ / ครับ
- ไปเรียนนานแค่ไหน / 6-8 เดือนครับ
- เอ๊ะ ไปกับเพื่อนที่เมื่อกี๊เพิ่งมาสัมภาษณ์รึเปล่า / ใช่ครับ
- กลับมาแล้วจะทำงานอะไร / คุยกับเจ้านายไว้บ้างแล้ว เค้าบอกว่าให้กลับมาร่วมงานกันใหม่ได้ครับ
- อืมม์...ทำไมถึงเลือกไปเมืองนี้ล่ะ / เชื่อมั่นในคุณภาพของมหาวิทยาลัยนี้ และดูแล้วว่าปลอดภัยดีครับ
- มีคนรู้จักอยู่ที่นู่นมั๊ย / ไม่มีครับ
- โอเค วางนิ้วที่เครื่องเลยค่ะ .... ไปซื้อซองที่ไปรษณีย์ด้านนอกได้เลยค่ะ / ขอบคุณครับ
จากนั้น ผมและเพื่อก็ออกมาซื้อซอง + จ่ายเงิน 80 บาท + จ่าหน้าซองที่อยู่ที่ให้จัดส่ง และคืนให้กับ จนท. ไปรษณีย์
ก่อนเดินแบบสบายๆ ออกมารับมือถือคืน และขึ้น Taxi ไปทำงานต่อครับ ดูเวลา ณ ตอนที่ออกมาจากสถานฑูตฯ ก็ประมาณ 9.45 น. ครับ
สรุปนะครับ
- สัมภาษณ์วีซ่าไม่ยากอย่างที่คิด
- เตรียมพร้อมให้ดีๆ กรอก DS 160 ให้ครบถ้วน (เจอช่องข้างๆ ถูก จนท. คนไทยว่าเล็กน้อยเรื่องเปลี่ยนชื่อแล้วไม่ยอมกรอกลงใน DS 160)
- มาถึงที่สถานฑูต ไม่ต้องตั้งแต่ไก่โห่ มาก่อนเวลานัด 30 นาทีก็พอ
- แต่งตัวให้ดูดี สุภาพ เรียบร้อย
- เอกสารเตรียมให้ครบ จะได้ไม่มีปัญหา
- สัมภาษณ์กับ จนท. คนไทย ให้ตอบคำถามดีๆ ตอบให้ครบถ้วน ตอบแบบจริงใจ มั่นใจ ยิ้มแย้มด้วยจะดีมากมายครับ ผมว่า สัมภาษณ์กับพี่คนไทยมีผลกับการได้วีซ่ามากพอสมควรเลยนะครับ ดังนั้นใส่ใจตรงนี้ด้วยนะครับ
- สัมภาษณ์กับกงศุล ก็ตอบเหมือนกับที่ตอบพี่ จนท. คนไทยล่ะครับ ยิ้มแย้ม มั่นใจ จริงใจ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์ เพราะผมเตรียมตอบเป็นภาษาอังกฤษไป แต่ปรากฎว่ากงศุลพูดไทยกับผมปร๋อเลยครับ เลยสบายบรื๋อออออ
- เอกสารทางการเงิน เตรียมไปด้วยดีที่สุดครับ แต่ของผมไม่มีใครขอดูเลยนะครับ
ตั้งใจไว้ครับว่าถ้าวีซ่าผ่าน จะเก็บมาเล่าให้เพื่อนๆ ใน Pantip ได้ทราบกัน เพราะเราเองก็อาศัยอ่านจากในนี้นี้ล่ะ
วันนี้ผ่านแล้ว...เลยมาทำตามสัญญา (ใจ) ที่เคยคิดไว้ครับ
สุดท้าย....อย่าลืมไปแก้บน ที่บนๆ กันไว้ ก่อนสัมภาษณ์ด้วยนะครับ 555
ของผมบนไว้ที่หลวงพ่อโต วัดบางพลี ตอนแรกบนไข่ต้ม 50 ฟอง เมื่อเช้าเอาใหม่ ตั้งใจบอกหลวงพ่อขอเพิ่มเป็น 100 ฟองเลย 55555
กะว่าจะทำเมนูไข่เลี้ยงอาหารเด็กๆ ยากจนต่อด้วยเลยไงครับ
ขอให้ทุกคนที่จะไปสัมภาษณ์วีซ่า โชคดีกันทุกคนครับ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่า F1 USA ไม่ยาก...ถ้าพร้อมครับ
ขอบคุณสถานฑูตสหรัฐอเมริกา ที่จัดทำ Clip วิธีการเข้าสัมภาษณ์วีซ่า ทำให้เข้าใจการเข้าสัมภาษณ์ได้มากขึ้นครับ แนะนำให้ดูเลยครับ
เข้าเรื่องวันสัมภาษณ์เลยละกันเนอะ
ผมมีคิวนัดสัมภาษณ์วีซ่า วันนี้ เวลา 9.00 น. ครับ
เป็นวีซ่าแบบ F1 นะครับ จริงๆ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่ก็ยังอยากเป็นเด็กนักเรียนอยู่ 5555
ลองดูกันนะครับว่า คนอายุ 30+ แล้วไปขอวีซ่า F1 จะเป็นยังไงบ้าง
จากบ้าน - หน้าสถานฑูตฯ
ออกจากบ้าน 7.30 น. ขึ้นรถไฟฟ้า ลงสถานีเพลินจิต ต่อรถ Taxi ไปลงหน้าสถานฑูต (คือไปกับเพื่อนอ่ะครับ เลยนั่ง Taxi ดีกว่า ไม่อยากขึ้นมอไซค์ด้วย)
ถึงหน้าสถานฑูต เวลาประมาณ 8.20 น. (เค้าแนะนำว่าให้มาถึงก่อนเวลานัดจริง 30 นาที นี่เรามาก่อน 40 นาที โอเคละ) ยืนต่อคิวแถวซ้ายชิดกำแพง
รอสักพัก จนท. เสื้อเขียว เรียกคนที่มีคิว 9.00 น. ออกมาเข้าคิวอีกแถวนึง แล้วขอดูหน้า Passport ทีมีรูปเรา + หน้า Form DS-160 จากนั้น จนท. เขียนประเภทวีซ่า (คือ F1) ลงในหน้า DS-160 + แจกบัตรแข็ง 1 ใบ จากนั้น ยืนรอเข้าห้อง Security ต่อไป
เริ่มเข้าสถานฑูตฯ - ก่อนสัมภาษณ์
เราเริ่มเข้าสถานฑูตฯ โดยต้องผ่านห้อง Security ก่อนนะครับ ห้องนี้เราต้องฝากโทรศัพท์ + อุปกรณ์สื่อสาร + อุปกรณ์เกี่ยวเนื่องทุกชนิด ไว้กับ จนท. แลกบัตรประชาชน และเราจะได้ห่วงกุญแจคล้องมือมาด้วย กระเป๋าเป้ เอาเข้าได้นะครับ แต่ต้องผ่านเครื่องสแกน และตัวเราก็ต้องผ่านเครื่องสแกนด้วย จุดนี้ จนท.รปภ. จะเก็บบัตรแข็งที่ จนท. เสื้อเขียวแจกให้ และจะให้ฟอร์มสีฟ้าอ่อนขนาดครึ่ง A4 มาให้ 1 ใบ (เป็นฟอร์มส่งเอกสารคืนทางไปรษณีย์) ถ้าว่างๆ ก็กรอกใบสีฟ้าอ่อนได้เลยครับ
เดินผ่าน Security เข้ามาจะเจอน้อง จนท.เสื้อเขียวอีก 2-3 คน นั่งอยู่เพื่อคัดแยกเอกสาร เราก็ส่งเอกสารของเราทั้งหมดให้กับน้องเค้า น้องเค้าจะส่งเอกสารที่ไม่ใช้คืนเรากลับมา ส่วนเอกสารที่จำเป็นจะแยกใส่ซองใสให้พร้อมกับคลิปกระดาษโน๊ตว่าเราต้องไปสัมภาษณ์เบื้องต้นกับ จนท. คนไทยที่ช่องไหน (ของผมได้ช่องที่ 14-15 ด้านใน ส่วนของเพื่อนได้ช่อง 1-3 ด้านนอก ไม่รู้ว่าเค้าแบ่งยังไงนะครับ)
สัมภาษณ์กับ จนท.คนไทย
ผมเข้าไปข้างใน (ประตูหนักมากๆๆ นะครับขอบอก) ยืนรอคิวสัมภาษณ์กับพี่คนไทย
พอถึงคิวปุ๊ป ไหว้สวยๆ ไป 1 ที ส่งเอกสารให้กับพี่เค้า และเริ่มสัมภาษณ์ครับ บทสัมภาษณ์คร่าวๆ นะครับ
- ไปเรียนเหรอคะ / ใช่ครับ ไปเรียนภาษาครับ
- ใครกรอก DS 160 ให้คะ / กรอกเองครับ
- เอ๊ะ ทำไมไม่ใส่เงินเดือน เงินเดือนเท่าไรคะ / เงินเดือน ...... บาทครับ
- ตอนนี้ทำงานอยู่รึเปล่าคะ / ทำอยู่ครับ
- แล้วต้องลาออกรึเปล่า / ต้องลาออกครับ ที่บริษัทเค้ารอ 6-8 เดือนไม่ไหวครับ
- อ้าว แล้วไม่เสียดายเหรอ / ตอบตรงๆ ก็เสียดายนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เจ้านายบอกว่ากลับมาเค้า Welcome ให้มาสมัครใหม่ครับ
- ทำไมไม่ขอ Leave without pay ล่ะ / เค้าว่ารอไม่ได้ครับ
- อ๋อๆ อาจจะขัดกับนโยบาย / ใช่ครับ อาจจะเป็นอย่างงั้น
- แล้วเลือกไปเรียนที่ไหนล่ะ / เลือกไปที่ ........ ครับ
- รัฐนี้คนไทยเยอะนะ / จริงๆ เลือกไปทางตอนเหนือของรัฐครับ คนไทยไม่น่าเยอะเท่าไร
- ทำไมไม่ลองเรียนในเมืองไทยก่อนละ / ตอบตรงๆ นะครับพี่ เคยเรียนแล้ว แต่ทักษะเรื่องฟัง กะ พูด ยังไม่ค่อยได้ครับ นี่ผมก็พยายามดูซีรีส์ฝรั่งนะครับ แต่อดไม่ได้ต้องเหลือบดู Sub Title ไทยทุกที
- อืมม์ เข้าใจๆ / ครับผม
- กลับมาอย่าลืมเรียกค่าตัว เรียกเงินเดือนเพิ่มนะ / 555 ค๊าบพี่
- วาง 4 นิ้วซ้าย, 4 นิ้วขวา, 2 นิ้วโป้ง เลยค่ะ / ครับ
- รอคิวสัมภาษณ์ต่อเลยค่ะ อีกแป๊ปนึงก็คงเรียกละ คนไม่เยอะ / ขอบคุณมากครับพี่ (ไหว้สวยๆ ไปอีก 1 ที)
สัมภาษณ์กับกงศุล
รอไม่เกิน 5 นาที ก็ถูกเรียกให้ไปยืนต่อคิวรอสัมภาษณ์ครับ
ตอนแรกให้ไปรอที่ช่อง 9 (กงศุลเป็นผู้ชายหน้าคุ้นๆ อ้อ....ก็เป็นคนที่อยู่ในคลิปนี่นา ที่เป็นคนเปิดเรื่องอ่ะ หน้าตาใจดีมากกกกกก)
แต่สรุป ช่อง 11 ว่างอยู่ เลยถูกเรียกให้ไปที่ช่อง 11 แทน (เป็นกงศุลผู้หญิงนะครับ หน้าคุ้นๆ อีกแล้ว นึกออกละ ก็เป็นคนที่อยู่ในคลิปอีกนั่นละ หน้าตาใจดีมากกกก เช่นกัน) เข้าไป ไหว้สวยๆ อีก 1 ครั้ง และพูดสวัสดีครับ จากนั้นบทสัมภาษณ์คร่าวๆ มีดังนี้ครับ
- ไปเรียนภาษาหรือคะ / ใช่ครับ ไปเรียนภาษาครับ
- ไปนานแค่ไหนคะ / 6-8 เดือนครับ
- ตอนนี้ยังทำงานอยู่มั๊ยคะ / ทำครับ
- ทำเกี่ยวกับอะไรคะ / บริษัททำเกี่ยวกับ ....... ส่วนผมทำงานตำแหน่ง ........ ครับ
- แล้วต้องลาออกมั๊ยคะ / ต้องครับ บริษัทรอไม่ไหวครับ แต่เจ้านายบอก Welcome ให้กลับมาสมัครงานอีกครั้งหลังเรียนจบครับ
- ใครออกค่าใช้จ่ายให้คะ / ออกเองครับ
- หลังจบคอร์สแล้ว มีแผนยังไงคะ / กลับเมืองไทย สมัครงาน หางานใหม่ เรียกเงินเดือนสูงขึ้นเลยครับ 555
- ค่ะ
จากนั้นกงศุลก็พิมพ์ก๊อกๆ แก๊กๆ สักพัก แล้วก็บอกว่า
- วางนิ้วชี้ซ้ายที่เครื่องเลยค่ะ / ครับ
- เช็ดมือหน่อยค่ะ มือเปียกเหงื่อ / ค๊าบ 5555
- เรียบร้อยแล้วค่ะ เอาเอกสารนี้ไปซื้อซองที่ไปรษณีย์ด้านนอกได้เลยค่ะ / ไหว้สวยๆ อีก 1 ที ขอบคุณนะครับ
แต่ก่อนไป สบายใจแล้วไงครับ ผมเลยถามเพิ่ม ชวนคุยไปว่า "เอิ่ม คุณใช่คนที่อยู่ในคลิปรึเปล่าครับ?"
- (กงศุลยิ้มกว้างเลยอ่ะ) ใช่ค่ะ.......ได้ดูคลิปด้วยเหรอคะ? / ได้ดูครับ ดีมากๆ เลยครับ
- ใครแนะนำให้ดูคะ? / ดูจากในเวบครับ อีกอย่างเพื่อนแนะนำด้วยครับ
- มีประโยชน์มั๊ยคะ? / มีประโยชน์มากๆ เลยครับ เข้าใจง่ายเลยครับ
สรุปว่า ออกจากช่องนั้นด้วยความสุขใจของทั้ง 2 ฝ่ายครับ
พอเรื่องของผมเรียบร้อยละ ก็มองดูเพื่อน ปรากฎว่ายังไม่เข้ามาด้านใน เลยออกไปดู เพื่อนยังต่อคิวสัมภาษณ์กับ จนท. คนไทยอยู่เลยครับ
สักพักพอเพื่อนได้สัมภาษณ์จาก จนท. คนไทยละ (เห็นว่าถามแค่ 3 คำถามเอง ไรว๊า) ก็เดินเข้าข้างในไปต่อคิวที่ช่อง 12 ตามที่ จนท. ไทยบอกมา แต่สรุปว่าเพื่อนได้สัมภาษณ์ช่อง 11 เหมือนผม กงศุลคนเดียวกันเลยครับ โป๊ะเช๊ะเลย เห็นเพื่อนเล่าว่ากงศุลถามนิดเดียวเอง
- ไปเรียนภาษาเหรอคะ / ครับ
- ไปเรียนนานแค่ไหน / 6-8 เดือนครับ
- เอ๊ะ ไปกับเพื่อนที่เมื่อกี๊เพิ่งมาสัมภาษณ์รึเปล่า / ใช่ครับ
- กลับมาแล้วจะทำงานอะไร / คุยกับเจ้านายไว้บ้างแล้ว เค้าบอกว่าให้กลับมาร่วมงานกันใหม่ได้ครับ
- อืมม์...ทำไมถึงเลือกไปเมืองนี้ล่ะ / เชื่อมั่นในคุณภาพของมหาวิทยาลัยนี้ และดูแล้วว่าปลอดภัยดีครับ
- มีคนรู้จักอยู่ที่นู่นมั๊ย / ไม่มีครับ
- โอเค วางนิ้วที่เครื่องเลยค่ะ .... ไปซื้อซองที่ไปรษณีย์ด้านนอกได้เลยค่ะ / ขอบคุณครับ
จากนั้น ผมและเพื่อก็ออกมาซื้อซอง + จ่ายเงิน 80 บาท + จ่าหน้าซองที่อยู่ที่ให้จัดส่ง และคืนให้กับ จนท. ไปรษณีย์
ก่อนเดินแบบสบายๆ ออกมารับมือถือคืน และขึ้น Taxi ไปทำงานต่อครับ ดูเวลา ณ ตอนที่ออกมาจากสถานฑูตฯ ก็ประมาณ 9.45 น. ครับ
สรุปนะครับ
- สัมภาษณ์วีซ่าไม่ยากอย่างที่คิด
- เตรียมพร้อมให้ดีๆ กรอก DS 160 ให้ครบถ้วน (เจอช่องข้างๆ ถูก จนท. คนไทยว่าเล็กน้อยเรื่องเปลี่ยนชื่อแล้วไม่ยอมกรอกลงใน DS 160)
- มาถึงที่สถานฑูต ไม่ต้องตั้งแต่ไก่โห่ มาก่อนเวลานัด 30 นาทีก็พอ
- แต่งตัวให้ดูดี สุภาพ เรียบร้อย
- เอกสารเตรียมให้ครบ จะได้ไม่มีปัญหา
- สัมภาษณ์กับ จนท. คนไทย ให้ตอบคำถามดีๆ ตอบให้ครบถ้วน ตอบแบบจริงใจ มั่นใจ ยิ้มแย้มด้วยจะดีมากมายครับ ผมว่า สัมภาษณ์กับพี่คนไทยมีผลกับการได้วีซ่ามากพอสมควรเลยนะครับ ดังนั้นใส่ใจตรงนี้ด้วยนะครับ
- สัมภาษณ์กับกงศุล ก็ตอบเหมือนกับที่ตอบพี่ จนท. คนไทยล่ะครับ ยิ้มแย้ม มั่นใจ จริงใจ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษาที่ใช้ในการสัมภาษณ์ เพราะผมเตรียมตอบเป็นภาษาอังกฤษไป แต่ปรากฎว่ากงศุลพูดไทยกับผมปร๋อเลยครับ เลยสบายบรื๋อออออ
- เอกสารทางการเงิน เตรียมไปด้วยดีที่สุดครับ แต่ของผมไม่มีใครขอดูเลยนะครับ
ตั้งใจไว้ครับว่าถ้าวีซ่าผ่าน จะเก็บมาเล่าให้เพื่อนๆ ใน Pantip ได้ทราบกัน เพราะเราเองก็อาศัยอ่านจากในนี้นี้ล่ะ
วันนี้ผ่านแล้ว...เลยมาทำตามสัญญา (ใจ) ที่เคยคิดไว้ครับ
สุดท้าย....อย่าลืมไปแก้บน ที่บนๆ กันไว้ ก่อนสัมภาษณ์ด้วยนะครับ 555
ของผมบนไว้ที่หลวงพ่อโต วัดบางพลี ตอนแรกบนไข่ต้ม 50 ฟอง เมื่อเช้าเอาใหม่ ตั้งใจบอกหลวงพ่อขอเพิ่มเป็น 100 ฟองเลย 55555
กะว่าจะทำเมนูไข่เลี้ยงอาหารเด็กๆ ยากจนต่อด้วยเลยไงครับ
ขอให้ทุกคนที่จะไปสัมภาษณ์วีซ่า โชคดีกันทุกคนครับ