การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2556
พณ.เล็งระบายข้าวแบบการขายรัฐต่อรัฐ
"นิวัฒน์ธำรง" เผยต้นสัปดาห์หน้าประกาศขายข้าวสาร,ข้าวเปลือกในสต็อก ตั้งเป้าขายเดือนละ 9 แสนตัน เล็งบินนอกเพื่อติดต่อขายข้าว-ขยายตลาดส่งออกแบบจีทูจี
วันที่ 13 ก.ค.56 ผู้สื่อข่วรายว่า รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้งดจัดรายการ โดยมอบหมายให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิย์ ชี้แจงถึงผลการประชุมเวิร์กช็อป เพื่อแก้ปัญหาสินค้าแพง เมื่อวันที่ 12 ก.ค .ที่ผ่านมา โดยมี นางสร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมแก้ปัญหาราคาสินค้าในระยะยาว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้ระบุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงพลังงาน พิจารณาในรายละเอียดของสินค้า โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และพืชผัก ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตั้งแต่ต้นทุนการผลิต การส่งขายและวางจำหน่าย หรือให้ดูแบบต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้นายกฯ ได้ให้โจทย์ไปศึกษาจำนวน 6 ข้อก่อนจะที่นำมาพิจารณาในการประชุมเวิร์กชอปอีกครั้งใน 2 -3 สัปดาห์ข้างหน้า
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า สำหรับในภาคส่งออก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ประกอบการด้านเกษตรและอาหารมาหารือ เพื่อสอบถามถึงปัญหาและอุปสรรคที่อยากให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือเพื่อให้การส่งออกดีขึ้น โดยในสัปดาห์หน้าจะหารือกับผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์และไอที ส่วนประเด็นที่เป็นปัญหาเช่น การส่งไก่แช่แข็งไปประเทศญี่ปุ่น ภาครัฐอยู่ระหว่างการแก้ไข สำหรับเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ยังพอไปได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องหามาตรการพิเศษใดๆ ออกมา
รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลด้วยว่า ในต้นสัปดาห์หน้าทางหน่วยงานจะมีการประกาศประกวดราคาขายข้าวสาร และข้าวเปลือก ให้สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ เบื้องต้นข้าวสาร ตั้งเป้าระบายออกให้ได้เดือนละ 5 แสนตันและข้าวเปลือกตั้งเป้าระบายให้ได้เดือนละ 4 แสนตันทั้งนี้การระบายออกดังกล่าวจะเป็นการทยอยระบายเดือนละ 2-3 ครั้ง ส่วนเรื่องการระบายข้าวแบบการขายรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน ดังนั้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้าวหน้าจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ เช่น อิหร่าน เพื่อขยายตลาด ส่วนประเทศที่มีใบสั่งซื้อก็จะเดินทางไปด้วยเพื่อเร่งรัดการส่งมอบและเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อ และหลังจากที่เดินทางกลับมาแล้วเชื่อว่าจะมีตัวเลขปริมาณการสั่งซื้อและการระบายข้าวออกไปต่างประเทศ
ด้านนายดำรง จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวยืนยันว่า ข้าวไทยไม่มีสารพิษเจือปนหรือปนเปื้อนอย่างที่มีกระแสข่าวลือผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ทั้งนี้จากการสุ่มตรวจข้าวในโรงงานผลิต ขณะนี้ตัวอย่างข้าวที่เก็บมาจากโรงงาน รวม 40 ยี่ห้อได้ส่งมาถึงห้องตรวจที่กรุงเทพแล้ว ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. ทั้งนี้หน่วยงานมีเครื่องมือที่ทันสมัยจึงตรวจและสามารถยืนยันได้ว่าไม่พบแม้กระทั่งสิ่งตกค้าง
“การเก็บสินค้า เช่น ข้าว, แป้ง, มัน ในโกดังเกิน 3 เดือน ต้องรมสารเคมีที่ได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและเกษตร และองค์กรการค้าโลก ซึ่งสารเคมีดังกล่าวถูกใช้มากว่า 80 ปีแล้ว อย่างไรก็ตามในทุกล็อตสินค้าส่งออก หน่วยงานจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ เพื่ออ้างอิงหากสินค้าที่ส่งออกไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาข้าวไทยที่ส่งออกไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนว่าข้าวไทยไม่มีคุณภาพเนื่องจากมีสารพิษตกค้างแม้แต่ครั้งเดียว” นายดำรง กล่าว
นายดำรง กล่าวต่อว่า สารเคมีที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค ตามกฎหมายได้บังคับให้เติมสี หรือ เติมกลิ่นลงไป ดังนั้นหากมีการเติมสารเคมีอันตราย ประชาชนจะได้กลิ่นทันทีเมื่อนำข้าวออกจากถุง ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้าวแล้วยืนยันว่าไม่มี ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้ระงับการปล่อยข่าวดังกล่าว เพราะอาชีพทำนาเป็นจิตวิญญาณของคนไทย และหากเรื่องดังล่าวปล่อยไปถึงต่างประเทศอาจจะกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย
ขณะที่ นพ.บุญชัย สมบุญสุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) กล่าวว่า จากกการนำข้าวมาตรวจ รวม 160 ตัวย่าง ล่าสุดตรวจสอบแล้วเสร็จ จำนวน 107 ตัวอย่างไม่พบสารเคมี หรือสารที่เป็นอันตราย ดังนั้นข้าวถุงจึงถือว่าปลอดภัย ส่วนตัวอย่างข้าวที่เก็บมาอีก 50 ตัวอย่างอยู่ระหว่างตรวจสอบคาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผล
ลิงค์ข่าว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.komchadluek.net/detail/20130713/163297/%E0%B8%9E%E0%B8%93.%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90.html#.UeDanayaNB0
พณ.เล็งระบายข้าวแบบการขายรัฐต่อรัฐ เผยต้นสัปดาห์หน้าประกาศขายข้าวสาร,ข้าวเปลือกในสต็อก ตั้งเป้าขายเดือนละ 9 แสนตัน
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2556
พณ.เล็งระบายข้าวแบบการขายรัฐต่อรัฐ
"นิวัฒน์ธำรง" เผยต้นสัปดาห์หน้าประกาศขายข้าวสาร,ข้าวเปลือกในสต็อก ตั้งเป้าขายเดือนละ 9 แสนตัน เล็งบินนอกเพื่อติดต่อขายข้าว-ขยายตลาดส่งออกแบบจีทูจี
วันที่ 13 ก.ค.56 ผู้สื่อข่วรายว่า รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้งดจัดรายการ โดยมอบหมายให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิย์ ชี้แจงถึงผลการประชุมเวิร์กช็อป เพื่อแก้ปัญหาสินค้าแพง เมื่อวันที่ 12 ก.ค .ที่ผ่านมา โดยมี นางสร้อยฟ้า โอสุคนธ์ทิพย์ รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเตรียมแก้ปัญหาราคาสินค้าในระยะยาว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้ระบุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงพลังงาน พิจารณาในรายละเอียดของสินค้า โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และพืชผัก ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตั้งแต่ต้นทุนการผลิต การส่งขายและวางจำหน่าย หรือให้ดูแบบต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้นายกฯ ได้ให้โจทย์ไปศึกษาจำนวน 6 ข้อก่อนจะที่นำมาพิจารณาในการประชุมเวิร์กชอปอีกครั้งใน 2 -3 สัปดาห์ข้างหน้า
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า สำหรับในภาคส่งออก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เชิญผู้ประกอบการด้านเกษตรและอาหารมาหารือ เพื่อสอบถามถึงปัญหาและอุปสรรคที่อยากให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือเพื่อให้การส่งออกดีขึ้น โดยในสัปดาห์หน้าจะหารือกับผู้ประกอบการด้านอิเล็กทรอนิกส์และไอที ส่วนประเด็นที่เป็นปัญหาเช่น การส่งไก่แช่แข็งไปประเทศญี่ปุ่น ภาครัฐอยู่ระหว่างการแก้ไข สำหรับเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ยังพอไปได้ดี จึงไม่จำเป็นต้องหามาตรการพิเศษใดๆ ออกมา
รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวถึงการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลด้วยว่า ในต้นสัปดาห์หน้าทางหน่วยงานจะมีการประกาศประกวดราคาขายข้าวสาร และข้าวเปลือก ให้สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจ เบื้องต้นข้าวสาร ตั้งเป้าระบายออกให้ได้เดือนละ 5 แสนตันและข้าวเปลือกตั้งเป้าระบายให้ได้เดือนละ 4 แสนตันทั้งนี้การระบายออกดังกล่าวจะเป็นการทยอยระบายเดือนละ 2-3 ครั้ง ส่วนเรื่องการระบายข้าวแบบการขายรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอน ดังนั้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้าวหน้าจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ เช่น อิหร่าน เพื่อขยายตลาด ส่วนประเทศที่มีใบสั่งซื้อก็จะเดินทางไปด้วยเพื่อเร่งรัดการส่งมอบและเพิ่มปริมาณการสั่งซื้อ และหลังจากที่เดินทางกลับมาแล้วเชื่อว่าจะมีตัวเลขปริมาณการสั่งซื้อและการระบายข้าวออกไปต่างประเทศ
ด้านนายดำรง จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวยืนยันว่า ข้าวไทยไม่มีสารพิษเจือปนหรือปนเปื้อนอย่างที่มีกระแสข่าวลือผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ทั้งนี้จากการสุ่มตรวจข้าวในโรงงานผลิต ขณะนี้ตัวอย่างข้าวที่เก็บมาจากโรงงาน รวม 40 ยี่ห้อได้ส่งมาถึงห้องตรวจที่กรุงเทพแล้ว ตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. ทั้งนี้หน่วยงานมีเครื่องมือที่ทันสมัยจึงตรวจและสามารถยืนยันได้ว่าไม่พบแม้กระทั่งสิ่งตกค้าง
“การเก็บสินค้า เช่น ข้าว, แป้ง, มัน ในโกดังเกิน 3 เดือน ต้องรมสารเคมีที่ได้รับการอนุญาตจากองค์การอาหารและเกษตร และองค์กรการค้าโลก ซึ่งสารเคมีดังกล่าวถูกใช้มากว่า 80 ปีแล้ว อย่างไรก็ตามในทุกล็อตสินค้าส่งออก หน่วยงานจะมีการเก็บตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ เพื่ออ้างอิงหากสินค้าที่ส่งออกไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาข้าวไทยที่ส่งออกไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนว่าข้าวไทยไม่มีคุณภาพเนื่องจากมีสารพิษตกค้างแม้แต่ครั้งเดียว” นายดำรง กล่าว
นายดำรง กล่าวต่อว่า สารเคมีที่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค ตามกฎหมายได้บังคับให้เติมสี หรือ เติมกลิ่นลงไป ดังนั้นหากมีการเติมสารเคมีอันตราย ประชาชนจะได้กลิ่นทันทีเมื่อนำข้าวออกจากถุง ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้าวแล้วยืนยันว่าไม่มี ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้ระงับการปล่อยข่าวดังกล่าว เพราะอาชีพทำนาเป็นจิตวิญญาณของคนไทย และหากเรื่องดังล่าวปล่อยไปถึงต่างประเทศอาจจะกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย
ขณะที่ นพ.บุญชัย สมบุญสุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) กล่าวว่า จากกการนำข้าวมาตรวจ รวม 160 ตัวย่าง ล่าสุดตรวจสอบแล้วเสร็จ จำนวน 107 ตัวอย่างไม่พบสารเคมี หรือสารที่เป็นอันตราย ดังนั้นข้าวถุงจึงถือว่าปลอดภัย ส่วนตัวอย่างข้าวที่เก็บมาอีก 50 ตัวอย่างอยู่ระหว่างตรวจสอบคาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผล
ลิงค์ข่าว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้