ความเดิมตอนที่แล้ว
http://pantip.com/topic/30431095
.....
ปี 2004
ช่วงนั้นเป็นปีสุดท้ายของชีวิตผมในประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่ตัวเองมั่นใจเกิน 100% แล้วว่าฟองสบู่อสังหาสหรัฐกำลังจะแตก
การเดินหน้าหางานทำเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นั่นในฐานะสัญชาติอเมริกันจึงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์สำหรับผม
การเดินทางกลับมาเมืองไทยตอนนั้นจะว่าแปลกใจในหมู่เพื่อนฝูงก็ว่าไม่
เพราะเราเป็นคนเดียวที่'ตกรถ'จากการบูมของอสังหา...
จนทุกคนเขามีบ้านกันหมดก็มองเราว่าเป็นคนโง่บ้างคนบ้าบ้างตามประสา
สมัยนั้นดอกเบี้ยเงินฝากแค่ 2% มีไอ้บ้าอย่างผมคนเดียวนี่แหละที่เลือกฝากประจำ
......... ไม่รู้สิ บางครั้งในช่วงชีวิต เรื่องเงินมันกลายเป็นเรื่องเล็กที่สุด .....
ก่อนจะหิ้วกระเป๋ากลับ มีคนมากมายโทรมาติดต่อผม
บางคนโทรมาแนะนำให้ผมเอาเงินทดอลล์ที่ผมทิ้งเอาไว้ฝากที่ 2% ให้เปลี่ยนไปฝากประจำธนาคารอื่นเขาเอาไปลงทุนตราสารให้ดอก 6-7%
บางคนก็โทรถามว่า 'ผมจะกลับมาอีกไหม ?' ถ้าไม่กลับแนะนำให้เอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อของให้หมดแล้วชักดาบไปเลย
บางคนก็โทรมาขอยืมเงินเอาไปลุยหุ้นที่ตอนนั้นกำลังทำท่าเป็นขาขึ้นระลอกใหญ่ ให้ดอกผม 3.5%
แต่สุดท้ายผมก็เลือกฝากเงินที่ 2% เหมือนเดิม ..... ไม่มีอะไรเพียงแต่ตอนนั้นผมไม่สนใจเรื่องเงินแค่นั้นเอง
เหมือนกับเราปักใจมากว่า.... ไซออนกำลังจะโดนทำลายแน่ๆ ( ช่วงนั้นกำลังบ้าหนัง Metrix อยู่ )
......
ปี 2006
ผมได้มีโอกาสเยี่ยมเยียนจากเพื่อนเก่า เขากลับมาเที่ยวเมืองไทย
เราไปนั่งดื่มๆคุยกันเรื่องเก่าเก็บต่างๆ ตามประสา
เขาก็บอกกับเราว่าเราพลาดอะไรไปบ้างในช่วง 2-3 ปี หุ้นขึ้น 1 เด้ง อสังหา 2 เด้ง
แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเรานะ เขากลับบอกว่า " กูก็ว่าอะไรมันแปลกๆ "
" ยังไงวะ ? " ผมถาม
...
นิยายปี 40 ตอน 4 : เมื่อไซออนกำลังจะถูกทำลาย
http://pantip.com/topic/30431095
.....
ปี 2004
ช่วงนั้นเป็นปีสุดท้ายของชีวิตผมในประเทศสหรัฐอเมริกา
หลังจากที่ตัวเองมั่นใจเกิน 100% แล้วว่าฟองสบู่อสังหาสหรัฐกำลังจะแตก
การเดินหน้าหางานทำเริ่มต้นใช้ชีวิตที่นั่นในฐานะสัญชาติอเมริกันจึงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์สำหรับผม
การเดินทางกลับมาเมืองไทยตอนนั้นจะว่าแปลกใจในหมู่เพื่อนฝูงก็ว่าไม่
เพราะเราเป็นคนเดียวที่'ตกรถ'จากการบูมของอสังหา...
จนทุกคนเขามีบ้านกันหมดก็มองเราว่าเป็นคนโง่บ้างคนบ้าบ้างตามประสา
สมัยนั้นดอกเบี้ยเงินฝากแค่ 2% มีไอ้บ้าอย่างผมคนเดียวนี่แหละที่เลือกฝากประจำ
......... ไม่รู้สิ บางครั้งในช่วงชีวิต เรื่องเงินมันกลายเป็นเรื่องเล็กที่สุด .....
ก่อนจะหิ้วกระเป๋ากลับ มีคนมากมายโทรมาติดต่อผม
บางคนโทรมาแนะนำให้ผมเอาเงินทดอลล์ที่ผมทิ้งเอาไว้ฝากที่ 2% ให้เปลี่ยนไปฝากประจำธนาคารอื่นเขาเอาไปลงทุนตราสารให้ดอก 6-7%
บางคนก็โทรถามว่า 'ผมจะกลับมาอีกไหม ?' ถ้าไม่กลับแนะนำให้เอาบัตรเครดิตไปรูดซื้อของให้หมดแล้วชักดาบไปเลย
บางคนก็โทรมาขอยืมเงินเอาไปลุยหุ้นที่ตอนนั้นกำลังทำท่าเป็นขาขึ้นระลอกใหญ่ ให้ดอกผม 3.5%
แต่สุดท้ายผมก็เลือกฝากเงินที่ 2% เหมือนเดิม ..... ไม่มีอะไรเพียงแต่ตอนนั้นผมไม่สนใจเรื่องเงินแค่นั้นเอง
เหมือนกับเราปักใจมากว่า.... ไซออนกำลังจะโดนทำลายแน่ๆ ( ช่วงนั้นกำลังบ้าหนัง Metrix อยู่ )
......
ปี 2006
ผมได้มีโอกาสเยี่ยมเยียนจากเพื่อนเก่า เขากลับมาเที่ยวเมืองไทย
เราไปนั่งดื่มๆคุยกันเรื่องเก่าเก็บต่างๆ ตามประสา
เขาก็บอกกับเราว่าเราพลาดอะไรไปบ้างในช่วง 2-3 ปี หุ้นขึ้น 1 เด้ง อสังหา 2 เด้ง
แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเรานะ เขากลับบอกว่า " กูก็ว่าอะไรมันแปลกๆ "
" ยังไงวะ ? " ผมถาม
...