การทดสอบสารแพ้
เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นสารเคมีจาก ภายนอกร่างกาย เมื่อนำมาใช้กับร่างกายจึงมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่างๆ กับร่างกายได้ ปฏิกิริยาต่างๆที่ร่างกายไม่ต้องการ เรียกว่า การแพ้ การแพ้ที่พบบ่อยจากากรใช้เครื่องสำอางจะเป็นลักษณะ ผื่นแพ้ (Contact dermatitis) เกิดได้ หลายๆแบบ คือ ผื่นแดงนูน ตุ่มน้ำใส หรือมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ใช้ บริเวณของร่างกายที่มีดอกาสแพ้ได้มากที่สุด คือ บริเวณใบหน้าและที่เปลือกตา เพราะเป็นบริเวณที่ผิวหนังบางที่สุด
สาร บางชนิดในเครื่องสำอางอาจเกิดการแพ้เป็นรอยด่างดำหรือเกิดรอยด่างดำ เมื่อทาสารนั้นแล้วไปถูกแสงแดดได้ สารที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางแล้วทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อยคือ เครื่องสําอางเกาหลี น้ำหอม สารกันบูด และน้ำยาย้อมผม
การทดสอบว่าสารตัวไหนที่ทำให้เกิดการ แพ้ เรียกว่า การทำแพ็ทเทสต์ (Patch test) โดยการเอาสารที่สงสัย มาทาไว้ที่ผิวหนังและดูผลว่ามีผื่นเกิดขึ้นหรือไม่ การทำแพ็ทเทสต์ มี 2 วิธี คือ
1. Open patch test
เป็นการทดสอบโดยการ เอาสารมา ทาไว้ที่บริเวณท้องแขน หลัง หรือ หลังหู ขนาด 1 ตาราง เซนติเมตร โดยไม่มีการ ปิดทับด้วยวัสดุใดๆ สารที่ นำมาทดสอบด้วยวิธีนี้ มักเป็นสารที่มีประวัติให้ความระคายเคืองหรือเกิดการแพ้ได้บ่อบ เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำยาดัดผม แต่ถ้าเป้นสารที่เกิดปฏิกิริยามาก อาจทำการเจือจางเสียก่อน โดยให้ลดความเข้มข้นลงเหลือ 1 ใน 10 ก็พอ สารที่ทให้ระคายเคืองมักจะอ่านผลภายใน 12 ชั่วโมง ส่วนสารที่ทำให้เกิดการแพ้นั้นจะแสดงปฏิกิริยาภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง หรือทำการทดสอบง่ายๆ โดยการทาสารนั้นที่ใบหูทุกวันติดต่อกันนานประมาณ 10 วัน
2. Close patch test
เป็นการทดสอบโดยใช้ผ้าก๊อซและแผ่นพลาสเตอร์ที่มีสารเคมีหรือสารตัวอย่าง ที่จะทำการทดสอบ และนำมาติดที่ผิวหนัง ถ้าทำจำนวนน้อยก็อาจทำบริเวณต้นแขน หรือทำบริเวณแผ่นหลังในกรณีที่ต้องการทดสอบสารจำนวนมาก และจะอ่านผลหลังจาก 48 ชั่วโมง จะดึงแผ่นที่แปะออกและดูว่าบริเวณที่แปะมีอาการแพ้หรือไม่ อาการแพ้อาจเกิดที่บริเวณอื่นที่ไม่ได้ติดแผ่นทดสอบก็ได้ การทดสอบสารบางอย่างอาจจะมีการฉายแสงดดยใช้หลอดไฟ Mercury arc lamp เพื่อใช้แทนแสง UV ด้วย หากมีปฏิกิริยาการแพ้เกิดขึ้นเรียกว่า Photoallergic contact dermatitis
การรักษาอาการ แพ้จากเครื่องสำอาง
1. หยุดการใช้เครื่องสำอางนั้นทันที และพยายามเช็ดหรือชะล้างบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางนั้นให้สะอาดที่สุดเท่าที่ จะทำได้ โดยปกติอาการแพ้ไม่รุนแรงมากนัก หลังจากนั้นสังเกตุดูว่ามีอาการแพ้ลุกลามมากขึ้นอีกหรือไม่ โดยมากมักจะหายภายใน 7-10 วัน แต่หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
2.หลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้ เมื่อทราบสาเหตุว่าแพ้เครื่องสำอางชนิดใดหรือสารเครื่องสําอางเกาหลี ที่เป็นส่วนผสมในเครื่อง สำอางนั้น ควรงดใช้หรือหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
3.รักษาอาการแพ้ให้ หาย หากเป็นผื่นแดง หรือเป็นตุ่มบวม หรือเป็นตุ่มน้ำใสมีน้ำเหลืองซึมออกมา ก็ควรทำความสะอาดแผลและใส่ยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบเป็นหนอง นอกจากนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจดูว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้น จากการแพ้เครื่องสำอางหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอื่น เพื่อรักษาและหยุดปฏิกิริยาการแพ้ให้หายโดยเร็วที่สุด
ที่มา..piggygaga.com
การทดสอบสารแพ้เครื่องสำอาง
การทดสอบสารแพ้
เนื่องจากเครื่องสำอางเป็นสารเคมีจาก ภายนอกร่างกาย เมื่อนำมาใช้กับร่างกายจึงมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่างๆ กับร่างกายได้ ปฏิกิริยาต่างๆที่ร่างกายไม่ต้องการ เรียกว่า การแพ้ การแพ้ที่พบบ่อยจากากรใช้เครื่องสำอางจะเป็นลักษณะ ผื่นแพ้ (Contact dermatitis) เกิดได้ หลายๆแบบ คือ ผื่นแดงนูน ตุ่มน้ำใส หรือมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนบริเวณที่ใช้ บริเวณของร่างกายที่มีดอกาสแพ้ได้มากที่สุด คือ บริเวณใบหน้าและที่เปลือกตา เพราะเป็นบริเวณที่ผิวหนังบางที่สุด
สาร บางชนิดในเครื่องสำอางอาจเกิดการแพ้เป็นรอยด่างดำหรือเกิดรอยด่างดำ เมื่อทาสารนั้นแล้วไปถูกแสงแดดได้ สารที่เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางแล้วทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อยคือ เครื่องสําอางเกาหลี น้ำหอม สารกันบูด และน้ำยาย้อมผม
การทดสอบว่าสารตัวไหนที่ทำให้เกิดการ แพ้ เรียกว่า การทำแพ็ทเทสต์ (Patch test) โดยการเอาสารที่สงสัย มาทาไว้ที่ผิวหนังและดูผลว่ามีผื่นเกิดขึ้นหรือไม่ การทำแพ็ทเทสต์ มี 2 วิธี คือ
1. Open patch test
เป็นการทดสอบโดยการ เอาสารมา ทาไว้ที่บริเวณท้องแขน หลัง หรือ หลังหู ขนาด 1 ตาราง เซนติเมตร โดยไม่มีการ ปิดทับด้วยวัสดุใดๆ สารที่ นำมาทดสอบด้วยวิธีนี้ มักเป็นสารที่มีประวัติให้ความระคายเคืองหรือเกิดการแพ้ได้บ่อบ เช่น ผงซักฟอก สบู่ น้ำยาดัดผม แต่ถ้าเป้นสารที่เกิดปฏิกิริยามาก อาจทำการเจือจางเสียก่อน โดยให้ลดความเข้มข้นลงเหลือ 1 ใน 10 ก็พอ สารที่ทให้ระคายเคืองมักจะอ่านผลภายใน 12 ชั่วโมง ส่วนสารที่ทำให้เกิดการแพ้นั้นจะแสดงปฏิกิริยาภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง หรือทำการทดสอบง่ายๆ โดยการทาสารนั้นที่ใบหูทุกวันติดต่อกันนานประมาณ 10 วัน
2. Close patch test
เป็นการทดสอบโดยใช้ผ้าก๊อซและแผ่นพลาสเตอร์ที่มีสารเคมีหรือสารตัวอย่าง ที่จะทำการทดสอบ และนำมาติดที่ผิวหนัง ถ้าทำจำนวนน้อยก็อาจทำบริเวณต้นแขน หรือทำบริเวณแผ่นหลังในกรณีที่ต้องการทดสอบสารจำนวนมาก และจะอ่านผลหลังจาก 48 ชั่วโมง จะดึงแผ่นที่แปะออกและดูว่าบริเวณที่แปะมีอาการแพ้หรือไม่ อาการแพ้อาจเกิดที่บริเวณอื่นที่ไม่ได้ติดแผ่นทดสอบก็ได้ การทดสอบสารบางอย่างอาจจะมีการฉายแสงดดยใช้หลอดไฟ Mercury arc lamp เพื่อใช้แทนแสง UV ด้วย หากมีปฏิกิริยาการแพ้เกิดขึ้นเรียกว่า Photoallergic contact dermatitis
การรักษาอาการ แพ้จากเครื่องสำอาง
1. หยุดการใช้เครื่องสำอางนั้นทันที และพยายามเช็ดหรือชะล้างบริเวณที่ใช้เครื่องสำอางนั้นให้สะอาดที่สุดเท่าที่ จะทำได้ โดยปกติอาการแพ้ไม่รุนแรงมากนัก หลังจากนั้นสังเกตุดูว่ามีอาการแพ้ลุกลามมากขึ้นอีกหรือไม่ โดยมากมักจะหายภายใน 7-10 วัน แต่หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด
2.หลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้ เมื่อทราบสาเหตุว่าแพ้เครื่องสำอางชนิดใดหรือสารเครื่องสําอางเกาหลี ที่เป็นส่วนผสมในเครื่อง สำอางนั้น ควรงดใช้หรือหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด
3.รักษาอาการแพ้ให้ หาย หากเป็นผื่นแดง หรือเป็นตุ่มบวม หรือเป็นตุ่มน้ำใสมีน้ำเหลืองซึมออกมา ก็ควรทำความสะอาดแผลและใส่ยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบเป็นหนอง นอกจากนี้ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจดูว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้น จากการแพ้เครื่องสำอางหรือไม่ หรือเกิดจากสาเหตุอื่น เพื่อรักษาและหยุดปฏิกิริยาการแพ้ให้หายโดยเร็วที่สุด
ที่มา..piggygaga.com