เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจากประสบการณ์จริงของครอบครัวเราเองค่ะ
จริงๆก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เกือบ 7 ปีได้ ที่คำว่าครอบครัว เป็นคำที่แทบไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา
อาจจะนานนะคะ แต่น่าแปลกมาที่ทุกรายละเอียด ทุกอย่างมันยังเหมือนอยู่ในสมอง
เราเลยอยากจะนำมาเหล่าให้หลายๆท่านในพันทิปที่อาจจะกำลังมีปัญหาระหองระแหงภายในครอบครัวได้อ่านค่ะ
ว่าบางทีคำว่า "ทนอยู่เพื่อลูก" มันก็ไม่ได้ดีกับลูกเสมอไปหรอกค่ะ
เราเขียนสดนะคะ ถ้ามีคำผิดหรือเรียบเรียงแปลกๆไม่เข้าใจ ก็ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะคะ
ตอนที่คำว่าครอบครัวขาดสะบั้นลงจริงๆ ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ ตอนนั้นเราอายุ 14 ค่ะ
ปัญหาเดิมๆที่ทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงเลิกกันได้ในสังคมไทย ก็คงจะไม่มีอะไรเกินไปกว่า....ผู้ชายเจ้าชู้
พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้ค่ะ เจ้าชู้มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นลุงๆก็เจ้าชู้ หนักสุดมีเมียถึง 7 คน
ใช่ค่ะ...
7 คน แถมเลี้ยงดูส่งเสียมีลูกด้วยอีก 5 คนต่างหาก
โชคดีที่พ่อเราไม่เป็นอย่างนั้น เราจินตนาการภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าพ่อซ้ำรอยลุงขึ้นมาจะเป็นยังไง..
แม่เราแต่งงานกับพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยค่ะ จบม.6 ก็แต่งงานเลย ด้วยความที่บ้านยายเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆในต่างจังหวัดห่างไกลตัวเมือง
ถึงแม่เราจะเรียนในเมืองก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่พ้นค่านิยมแต่งงานตั้งแต่ยังสาวอยู่ดี
แม่เล่าว่า ยายนั่นล่ะที่ให้แต่ง แม่ได้อยากแต่งเลย แม่อยากเรียนมหาลัยต่อด้วยซ้ำ
ตอนแม่คลอดเราแม่ยังอายุไม่เต็ม 20 ด้วยซ้ำ ส่วนตอนนั้นพ่อเราอายุ 24 ค่ะ
ขอเล่าพื้นเพก่อนนะคะว่าตอนแรกครอบครัวของเราไม่ได้มีเงินมีทองอะไรเลย จนกระทั่งคุณลุงที่บอกว่ามีเมีย 7 คนนั่นล่ะค่ะ
เขาได้รับสัมประทานกับเหมืองแร่ที่แม่เมาะ ทำให้ความเป็นอยู่ของคนทั้งบ้านดีขึ้น เพราะพ่อเองก็ช่วยลุงทำงานด้วย
บวกกับบ้านยายที่เริ่มจับงานทำสายไฟประดับที่รายได้ดี จากเด็กบ้านนอก ก็เลยได้อัพเกรดขึ้นมาค่ะ
จริงๆแล้วครอบครัวเรามีปัญหาตั้งแต่เราอยู่อนุบาลค่ะ..
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ว่าทำไมพ่อถึงทำงานที่ลำปาง แม่อยู่นครสวรรค์แล้วเราต้องอยู่กับยายที่สุโขทัย
พอขึ้นชั้นประถม 1 เราถูกย้ายโรงเรียนจากเอกชนแห่งหนึ่งในสุโขทัย ไปเรียนอัชสัมชัญ ลำปาง
สาเหตุไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ... เราไปเป็นก้างขวางคอของพ่อกับเมียน้อยคนแรกที่เรารู้จัก (ไม่ได้หมายความว่าคนแรกที่พ่อมีนะคะ)
จากความทรงจำอันยาวไกล..สิ่งที่เราจำได้คือ เมียน้อยคนนั้นยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลยค่ะ
(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ หนีไปคุยงานนิดนึง)
ถ้าความรักมันถึงทางตัน...ก็อย่าฝืนกันอยู่เพื่อหนูเลย [จากใจลูก]
จริงๆก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เกือบ 7 ปีได้ ที่คำว่าครอบครัว เป็นคำที่แทบไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา
อาจจะนานนะคะ แต่น่าแปลกมาที่ทุกรายละเอียด ทุกอย่างมันยังเหมือนอยู่ในสมอง
เราเลยอยากจะนำมาเหล่าให้หลายๆท่านในพันทิปที่อาจจะกำลังมีปัญหาระหองระแหงภายในครอบครัวได้อ่านค่ะ
ว่าบางทีคำว่า "ทนอยู่เพื่อลูก" มันก็ไม่ได้ดีกับลูกเสมอไปหรอกค่ะ
เราเขียนสดนะคะ ถ้ามีคำผิดหรือเรียบเรียงแปลกๆไม่เข้าใจ ก็ต้องขอโทษจริงๆด้วยนะคะ
ตอนที่คำว่าครอบครัวขาดสะบั้นลงจริงๆ ไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันแล้วจริงๆ ตอนนั้นเราอายุ 14 ค่ะ
ปัญหาเดิมๆที่ทำให้ผู้ชายกับผู้หญิงเลิกกันได้ในสังคมไทย ก็คงจะไม่มีอะไรเกินไปกว่า....ผู้ชายเจ้าชู้
พ่อเราเป็นคนเจ้าชู้ค่ะ เจ้าชู้มาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นลุงๆก็เจ้าชู้ หนักสุดมีเมียถึง 7 คน
ใช่ค่ะ... 7 คน แถมเลี้ยงดูส่งเสียมีลูกด้วยอีก 5 คนต่างหาก
โชคดีที่พ่อเราไม่เป็นอย่างนั้น เราจินตนาการภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าพ่อซ้ำรอยลุงขึ้นมาจะเป็นยังไง..
แม่เราแต่งงานกับพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยค่ะ จบม.6 ก็แต่งงานเลย ด้วยความที่บ้านยายเราเป็นหมู่บ้านเล็กๆในต่างจังหวัดห่างไกลตัวเมือง
ถึงแม่เราจะเรียนในเมืองก็เถอะ แต่ยังไงก็ไม่พ้นค่านิยมแต่งงานตั้งแต่ยังสาวอยู่ดี
แม่เล่าว่า ยายนั่นล่ะที่ให้แต่ง แม่ได้อยากแต่งเลย แม่อยากเรียนมหาลัยต่อด้วยซ้ำ
ตอนแม่คลอดเราแม่ยังอายุไม่เต็ม 20 ด้วยซ้ำ ส่วนตอนนั้นพ่อเราอายุ 24 ค่ะ
ขอเล่าพื้นเพก่อนนะคะว่าตอนแรกครอบครัวของเราไม่ได้มีเงินมีทองอะไรเลย จนกระทั่งคุณลุงที่บอกว่ามีเมีย 7 คนนั่นล่ะค่ะ
เขาได้รับสัมประทานกับเหมืองแร่ที่แม่เมาะ ทำให้ความเป็นอยู่ของคนทั้งบ้านดีขึ้น เพราะพ่อเองก็ช่วยลุงทำงานด้วย
บวกกับบ้านยายที่เริ่มจับงานทำสายไฟประดับที่รายได้ดี จากเด็กบ้านนอก ก็เลยได้อัพเกรดขึ้นมาค่ะ
จริงๆแล้วครอบครัวเรามีปัญหาตั้งแต่เราอยู่อนุบาลค่ะ..
ตอนนั้นเราไม่เข้าใจด้วยซ้ำ ว่าทำไมพ่อถึงทำงานที่ลำปาง แม่อยู่นครสวรรค์แล้วเราต้องอยู่กับยายที่สุโขทัย
พอขึ้นชั้นประถม 1 เราถูกย้ายโรงเรียนจากเอกชนแห่งหนึ่งในสุโขทัย ไปเรียนอัชสัมชัญ ลำปาง
สาเหตุไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ... เราไปเป็นก้างขวางคอของพ่อกับเมียน้อยคนแรกที่เรารู้จัก (ไม่ได้หมายความว่าคนแรกที่พ่อมีนะคะ)
จากความทรงจำอันยาวไกล..สิ่งที่เราจำได้คือ เมียน้อยคนนั้นยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลยค่ะ
(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ หนีไปคุยงานนิดนึง)