จากมติชนออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่บ้านโนนจาน ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนางเผย สีหะวงษ์ อายุ 82 ปี ยายของ น.ส.เอ ซึ่งอ้างว่าเป็นเมียของเณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นางเผยได้รอผู้ที่จะมารับ เนื่องจากว่า มีการนัดหมายกันไว้ว่าในวันนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ จะนำนางเผยไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ เนื่องจาก น.ส.เออ้างว่าได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเณรคำตั้งแต่อายุ 14 ปี ในช่วงที่หลวงปู่เณรคำมาตั้งที่พักสงฆ์อยู่ที่ริมฝั่งห้วยสำราญ ใกล้กับบ้านของนางเผยและ น.ส.เอ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
ต่อมา ได้มีชายคนหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่า เป็นน้าชายของ น.ส.เอได้เข้ามาพบนางเผย จากนั้น ได้พานางเผยไปขึ้นรถเดินทางออกจากบ้าน โดยแจ้งเพียงสั้นๆ ว่า จะพานางเผยไปยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้เดินทางมาที่บ้านของนางเผย เพื่อมารับนางเผยจะไปแจ้งความ แต่ว่าเมื่อไม่พบนางเผย นายวิรอดจึงได้ไปที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับทราบ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยทางโทรศัพท์จากชายที่อ้างว่าเป็นน้าชายของ น.ส.เอ แจ้งว่า น.ส.เอและญาติพี่น้องจะพานางเผยไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษเอง
เนื่องจากหากให้เจ้าหน้าที่ของทางราชการนำไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน น.ส.เอจะไม่ได้เงินค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูจากหลวงปู่เณรคำ ดังนั้น น.ส.เอจึงจะให้ทนายความไปยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตนเอง เพื่อหวังว่าจะได้เงินค่าเลี้ยงดูและค่าเสียหายจากเณรคำ โดยเบื้องต้นแจ้งว่า จะเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูประมาณ 30-40 ล้านบาท
"เมียเณรคำ"ไม่แจ้งความ ตร. แต่จะไปฟ้องศาลเอง เรียกเงินค่าเลี้ยงดู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่บ้านโนนจาน ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนางเผย สีหะวงษ์ อายุ 82 ปี ยายของ น.ส.เอ ซึ่งอ้างว่าเป็นเมียของเณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นางเผยได้รอผู้ที่จะมารับ เนื่องจากว่า มีการนัดหมายกันไว้ว่าในวันนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ จะนำนางเผยไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ในข้อหาพรากผู้เยาว์ เนื่องจาก น.ส.เออ้างว่าได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเณรคำตั้งแต่อายุ 14 ปี ในช่วงที่หลวงปู่เณรคำมาตั้งที่พักสงฆ์อยู่ที่ริมฝั่งห้วยสำราญ ใกล้กับบ้านของนางเผยและ น.ส.เอ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา
ต่อมา ได้มีชายคนหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่า เป็นน้าชายของ น.ส.เอได้เข้ามาพบนางเผย จากนั้น ได้พานางเผยไปขึ้นรถเดินทางออกจากบ้าน โดยแจ้งเพียงสั้นๆ ว่า จะพานางเผยไปยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ และคณะ ได้เดินทางมาที่บ้านของนางเผย เพื่อมารับนางเผยจะไปแจ้งความ แต่ว่าเมื่อไม่พบนางเผย นายวิรอดจึงได้ไปที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อแจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับทราบ
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยทางโทรศัพท์จากชายที่อ้างว่าเป็นน้าชายของ น.ส.เอ แจ้งว่า น.ส.เอและญาติพี่น้องจะพานางเผยไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษเอง เนื่องจากหากให้เจ้าหน้าที่ของทางราชการนำไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน น.ส.เอจะไม่ได้เงินค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูจากหลวงปู่เณรคำ ดังนั้น น.ส.เอจึงจะให้ทนายความไปยื่นฟ้องต่อศาลด้วยตนเอง เพื่อหวังว่าจะได้เงินค่าเลี้ยงดูและค่าเสียหายจากเณรคำ โดยเบื้องต้นแจ้งว่า จะเรียกร้องค่าเสียหายและค่าเลี้ยงดูประมาณ 30-40 ล้านบาท