http://pantip.com/topic/30705141...
อ่านกะทู้นี้แล้ว ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารตามสั่งของฉัน
เย็นวันนั้นมี พ่อแม่ลูก(เด็กน้อยอายุน่าจะ3ขวบ)เข้ามาทานอาหารที่ร้าน
ฉันซึ่งรู้จักกับยายของเด็ก...ก็ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบ
...พ่อของเด็กบอกว่า "สวัสดียายซิลูก "

5555ได้ตำแหน่งยายแล้วค่ะ)
เด็กน้อยตอบว่า" ....ม่ายยอาวววว หนูม่ายรุจัก"
ฝ่ายพ่อก็บังคบลูก "สวัสดีก่อน...เร็ว"
เด็กก็ตอบคำเดิม คือ "ม่ายอาวววว หนูม่ายรุจากกก"
ถึงตอนนี้น้ำตาเริ่มมาแระ ปริ่มๆ
ฉันเห็นว่าสงครามเริ่มจะเกิดเดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย
จึงบอกว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยน้องเถอะ"
แต่คุณพ่อไม่ยอมค่ะ คงโมโหที่สั่งให้ลูกทำ แล้วลูกไม่ทำตาม
พ่อเดินไปหาไม้เรียวมาจะตีลูก
ทีนี้สงครามเกิดเลยค่ะ เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังลั่น...
ฉันคิด อืมมม แค่สอนให้ลูกสวัสดีนี่ก็สำคัญเนอะถ้าเราไม่ฝึกเค้าตั้งแต่ยังเล็กๆอาจทำให้สงครามเกิดได้
ส่วนตัวฉันเองผ่านช่วงนั้นมาแล้วค่ะ แล้วลูกๆสามารถสอบผ่านไปได้อย่างสวยงาม
(เค้าสองคนเรียนจบและมีงานทำสามารถใช้ชีวิตให้อยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นๆได้)
เริ่มจากคนในครอบครัวก่อนค่ะ
เวลาพ่อเค้าให้เงินที่ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ฉันสวัสดีทุกครั้ง
(ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ค่ะ...ขอบอกถ้าใครทำได้นะ รับรองหมดตรูด 555)
ตอนเช้าพ่อเค้าออกไปทำงานและเย็นกลับบ้าน เราก็สวัสดีกัน
เมื่อเริ่มพาลูกไปสู่สังคมภายนอก เมื่อเจอเพื่อนสามี หรือผู้ที่อาวุโสกว่าฉันก็สวัสดี
ลูกเห็นทุกวัน
วันละหลายเวลา
เค้าก็ซึบซับแล้วสามารถทำตามได้อย่างไม่เคอะเขิน
เมื่อลูกเข้าโรงเรียน เวลาไปส่งลูก เจอคุณครูฉันก็สวัสดี
เจอผู้ปกครองเพื่อนๆลูกที่อาวุโสกว่าฉันก็สวัสดี
พอเค้าโตขึ้นมาอีกหน่อย(ป.3-ป.4)ฉันสอนให้ลูกรู้จัก "ค่าของคน"
เช่นคนทุกคนมีค่าเหมือนกันหมด คนทุกคน ทุกอาชีพมีความสำคัญเท่าๆกัน
เช่น คนงานส่งนำแข็ง นักการภารโรง คนขับรถ
หนูว่าสำคัญมั้ย....
(ให้ลูกคิดให้ลูกตอบแล้วค่อยขยายความให้เค้าฟัง)
เหตุที่เลือกอาชีพพวกนี้เพราะ ลูกต้องพบ ต้องเจอทุกวัน
ฉันอธิบายให้ลูกฟังว่า อาชีพส่งน้ำแข็ง ถ้าไม่มีเค้า เราจะได้กินน้ำ ,น้ำหวานที่เย็นชื่นใจมั้ย
อาชีพนักการ ภารโรง ถ้าไม่มีเค้า โรงเรียนคงจะสกปรกรกรุงรัง
และอาชีพคนขับรถ... ถ้าไม่มีเค้าหนูจะไปถึงโรงเรียนมั้ย
เพราะฉันสอนแบบนี้ ลูกฉันสองคน เวลาจะขึ้นรถและลงรถ (รถรับส่งเวลาไปและกลับจากโรงเรียน)
เค้าจะยกมือสวัสดีลุงคนขับกับคนดูแลเด็กทุกครั้งและไหว้ได้อย่างสนิทใจเพราะเค้ารู้ว่า คนทุกคนมีค่าเท่ากัน
เพราะฉันเคยแอบถามคนดูแลเด็กว่า ลูกฉันทำความเคารพมั้ยเวลาขึ้นรถลงรถ
คนดูแลเด็กตอบว่า "โห ... พี่ มีแต่ลูกพี่นี่แหละที่สวัสดีหนูกับลุงคนขับทุกวัน"
มีบางวันฉันนึก

นขึ้นมา ฉันจะแอบถามคนพี่ว่า "เฮ้ย น้องสวัสดีลุงโชเฟอร์ป่าว "
แล้วไปแอบถามน้องว่า "พี่ สวัสดีลุงทุกครั้งมั้ย..."

เดี๋ยวเค้าสองคนไปคุยกันเองว่า แม่ถาม )
อ้อ ลูกสาวและลูกชาย อยู่โรงเรียนเดียวกัน ขึ้นรถคันเดียวกัน ตั้งแต่ อ.1- ม.3
พอเค้าโตมาอีกหน่อยเข้าสู่วัยรุ่น ฉันจะสอนลูกว่า แค่เรายกมือสวัสดี เราจะได้อะไรดีๆกลับมาเยอะแยะ
เวลาไปไหนเราจะตกลงกันเลยว่า เวลาแม่คุยกับใคร สวัสดีเลยนะ
ไม่ต้องรอให้แม่บอกว่า สวัสดีซิลูก แม่อายเค้า
ครั้งหนึ่ง เราตกลงกันแบบนี้ แล้วฉันเดินเข้าตลาด (ตลาดในตัวอำเภอใน ตจว)
ตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาดฉันรู้จักเกือบหมด ฉันพูดคุยเกือบทุกคน ผลคือ
ลูกๆฉันยกมือสวัสดีทุกคนมือเป็นระวิง พอเดินออกมาพ้นตลาดสิ่งที่ฉันได้ยินคือ
พี่ชายพูดกับน้องสาวว่า
"เส้น(ชื่อน้อง)แม่เรารู้จักคนเยอะเน๊าะ ^^(5555ฉันหมดเสี้ยนหนามในการเดินตามแล้วขอตังส์ซื้อหนม)"
ฝึก-สอน เค้าเถอะค่ะ แล้วคุณจะได้รับเรื่องเล่าดีๆจากลูกที่มาจากการ "สวัสดี"
ปล. ทุกวันนี้เวลาลูกค้าเดินเข้าร้านฉันจะเอ่ยทักทายว่า ... สวัสดีค่ะ ทานอะไรดีคะ
จนแม่ค้าด้วยกันที่อยู่ข้างๆเค้าว่าฉัน ดจร แต่ฉันไม่แคร์ค่ะ "คำพูด"ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้หา
และไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย แถมเพิ่มยอดขายให้ฉันอีกต่างหาก
ขอบคุณค่ะ สวัสดี...
.
สอนให้ลูกสวัสดีลูกบอก ... หนูไม่รู้จัก...
อ่านกะทู้นี้แล้ว ทำให้คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารตามสั่งของฉัน
เย็นวันนั้นมี พ่อแม่ลูก(เด็กน้อยอายุน่าจะ3ขวบ)เข้ามาทานอาหารที่ร้าน
ฉันซึ่งรู้จักกับยายของเด็ก...ก็ทักทายถามสารทุกข์สุกดิบ
...พ่อของเด็กบอกว่า "สวัสดียายซิลูก "
เด็กน้อยตอบว่า" ....ม่ายยอาวววว หนูม่ายรุจัก"
ฝ่ายพ่อก็บังคบลูก "สวัสดีก่อน...เร็ว"
เด็กก็ตอบคำเดิม คือ "ม่ายอาวววว หนูม่ายรุจากกก"
ถึงตอนนี้น้ำตาเริ่มมาแระ ปริ่มๆ
ฉันเห็นว่าสงครามเริ่มจะเกิดเดี๋ยวจะกินข้าวไม่อร่อย
จึงบอกว่า "ไม่เป็นไร ปล่อยน้องเถอะ"
แต่คุณพ่อไม่ยอมค่ะ คงโมโหที่สั่งให้ลูกทำ แล้วลูกไม่ทำตาม
พ่อเดินไปหาไม้เรียวมาจะตีลูก
ทีนี้สงครามเกิดเลยค่ะ เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังลั่น...
ฉันคิด อืมมม แค่สอนให้ลูกสวัสดีนี่ก็สำคัญเนอะถ้าเราไม่ฝึกเค้าตั้งแต่ยังเล็กๆอาจทำให้สงครามเกิดได้
ส่วนตัวฉันเองผ่านช่วงนั้นมาแล้วค่ะ แล้วลูกๆสามารถสอบผ่านไปได้อย่างสวยงาม
(เค้าสองคนเรียนจบและมีงานทำสามารถใช้ชีวิตให้อยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นๆได้)
เริ่มจากคนในครอบครัวก่อนค่ะ
เวลาพ่อเค้าให้เงินที่ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ฉันสวัสดีทุกครั้ง
(ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ค่ะ...ขอบอกถ้าใครทำได้นะ รับรองหมดตรูด 555)
ตอนเช้าพ่อเค้าออกไปทำงานและเย็นกลับบ้าน เราก็สวัสดีกัน
เมื่อเริ่มพาลูกไปสู่สังคมภายนอก เมื่อเจอเพื่อนสามี หรือผู้ที่อาวุโสกว่าฉันก็สวัสดี
ลูกเห็นทุกวัน
วันละหลายเวลา
เค้าก็ซึบซับแล้วสามารถทำตามได้อย่างไม่เคอะเขิน
เมื่อลูกเข้าโรงเรียน เวลาไปส่งลูก เจอคุณครูฉันก็สวัสดี
เจอผู้ปกครองเพื่อนๆลูกที่อาวุโสกว่าฉันก็สวัสดี
พอเค้าโตขึ้นมาอีกหน่อย(ป.3-ป.4)ฉันสอนให้ลูกรู้จัก "ค่าของคน"
เช่นคนทุกคนมีค่าเหมือนกันหมด คนทุกคน ทุกอาชีพมีความสำคัญเท่าๆกัน
เช่น คนงานส่งนำแข็ง นักการภารโรง คนขับรถ
หนูว่าสำคัญมั้ย....
(ให้ลูกคิดให้ลูกตอบแล้วค่อยขยายความให้เค้าฟัง)
เหตุที่เลือกอาชีพพวกนี้เพราะ ลูกต้องพบ ต้องเจอทุกวัน
ฉันอธิบายให้ลูกฟังว่า อาชีพส่งน้ำแข็ง ถ้าไม่มีเค้า เราจะได้กินน้ำ ,น้ำหวานที่เย็นชื่นใจมั้ย
อาชีพนักการ ภารโรง ถ้าไม่มีเค้า โรงเรียนคงจะสกปรกรกรุงรัง
และอาชีพคนขับรถ... ถ้าไม่มีเค้าหนูจะไปถึงโรงเรียนมั้ย
เพราะฉันสอนแบบนี้ ลูกฉันสองคน เวลาจะขึ้นรถและลงรถ (รถรับส่งเวลาไปและกลับจากโรงเรียน)
เค้าจะยกมือสวัสดีลุงคนขับกับคนดูแลเด็กทุกครั้งและไหว้ได้อย่างสนิทใจเพราะเค้ารู้ว่า คนทุกคนมีค่าเท่ากัน
เพราะฉันเคยแอบถามคนดูแลเด็กว่า ลูกฉันทำความเคารพมั้ยเวลาขึ้นรถลงรถ
คนดูแลเด็กตอบว่า "โห ... พี่ มีแต่ลูกพี่นี่แหละที่สวัสดีหนูกับลุงคนขับทุกวัน"
มีบางวันฉันนึก
แล้วไปแอบถามน้องว่า "พี่ สวัสดีลุงทุกครั้งมั้ย..."
อ้อ ลูกสาวและลูกชาย อยู่โรงเรียนเดียวกัน ขึ้นรถคันเดียวกัน ตั้งแต่ อ.1- ม.3
พอเค้าโตมาอีกหน่อยเข้าสู่วัยรุ่น ฉันจะสอนลูกว่า แค่เรายกมือสวัสดี เราจะได้อะไรดีๆกลับมาเยอะแยะ
เวลาไปไหนเราจะตกลงกันเลยว่า เวลาแม่คุยกับใคร สวัสดีเลยนะ
ไม่ต้องรอให้แม่บอกว่า สวัสดีซิลูก แม่อายเค้า
ครั้งหนึ่ง เราตกลงกันแบบนี้ แล้วฉันเดินเข้าตลาด (ตลาดในตัวอำเภอใน ตจว)
ตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาดฉันรู้จักเกือบหมด ฉันพูดคุยเกือบทุกคน ผลคือ
ลูกๆฉันยกมือสวัสดีทุกคนมือเป็นระวิง พอเดินออกมาพ้นตลาดสิ่งที่ฉันได้ยินคือ
พี่ชายพูดกับน้องสาวว่า
"เส้น(ชื่อน้อง)แม่เรารู้จักคนเยอะเน๊าะ ^^(5555ฉันหมดเสี้ยนหนามในการเดินตามแล้วขอตังส์ซื้อหนม)"
ฝึก-สอน เค้าเถอะค่ะ แล้วคุณจะได้รับเรื่องเล่าดีๆจากลูกที่มาจากการ "สวัสดี"
ปล. ทุกวันนี้เวลาลูกค้าเดินเข้าร้านฉันจะเอ่ยทักทายว่า ... สวัสดีค่ะ ทานอะไรดีคะ
จนแม่ค้าด้วยกันที่อยู่ข้างๆเค้าว่าฉัน ดจร แต่ฉันไม่แคร์ค่ะ "คำพูด"ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้หา
และไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย แถมเพิ่มยอดขายให้ฉันอีกต่างหาก
ขอบคุณค่ะ สวัสดี...
.