มิเนียนยกพลถล่ม หน้ากากพิฆาตอธรรมยับ หนังทำเงินอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านมา

US BOX OFFICE July 5-7, 2013

(ข้อมูล/แปล-เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)

เป็นสุดสัปดาห์วันชาติอเมริกาที่แสนวุ่นวาย และ Despicable Me 2 ก็เบียดตัวเองกลายเป็นหนึ่งในหนังแอนิเมชั่นที่เปิดตัวดีที่สุดตลอดกาล ส่วนคู่ปรับ The Lone Ranger ออกตัวได้อย่างย่ำแย่ ที่น่าสนใจก็คือ Kevin Hart: Let Me Explain ทำได้ดีเกินคาด และถือเป็นรายได้ที่ดีมากๆ สำหรับหนังเดี่ยวไมโครโฟน

สำหรับรายได้สามวันในช่วงสุดสัปดาห์ หนังใน 12 อันดับแรกทำรายได้รวมกันถึง 221.6 ล้านเหรียญ รั้งอันดับ 10 รายได้ประจำสัปดาห์สูงสุดตลอดกาล และเป็นสัปดาห์ที่สาม จากสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สามารถทำรายได้รวมอยู่ใน 15 อันดับแรกรายได้ประจำสัปดาห์สูงสุดตลอดกาลได้ สำหรับอันดับหนังทำเงินในอเมริกาสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา คลิกดูได้ที่ http://www.sadaos.com/category/one-short/us-box-office/

ในช่วงห้าวันแรกของการฉาย Despicable Me 2 ฟันรายได้ถึง 143.1 ล้านเหรียญ มากกว่าที่ Toy Story 3 ทำไว้ 141 ล้านเหรียญ สำหรับรายได้เปิดตัวรวม 5 วันของหนังแอนิเมชั่น ขณะที่รูปแบบการออกฉายที่แตกต่าง ทำให้ไม่มีการเปรียบเทียบกัน และยังให้แนวความคิดดีๆ ว่า หนังภาคต่อที่ออกฉายในช่วงวันหยุดยาวๆ นั้น ได้รับความนิยมขนาดไหน

กับรายได้ในช่วง 3 วัน  Despicable Me 2 เก็บไป 83.5 ล้านเหรียญ พอๆ กับรายได้เปิดตัวของ Monsters University เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และมากกว่ารายได้เปิดตัวหนังภาคแรกเมื่อปี 2010 ที่ทำไว้ 56.4 ล้านเหรียญ

แผนการตลาดของ Despicable Me 2 เดินหน้าเต็มตัวกับโดยไม่พยายามสร้างความแตกต่างจากหนังภาคแรก โดยใช้ท่อนที่ว่า Guess who’s back จากเพลง Without Me เป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกศิลปินที่ไม่ค่อยเข้ากับความเป็นหนังครอบครัวสักเท่าไหร่ แล้วก็โชว์การท่าทางแปลกๆ ขำๆ ของพวกมิเนียน ซึ่งเป็นตัวละครที่ทำให้หนังภาคแรกได้รับความนิยม โดยปกติแล้วหนังภาคต่อ มักจะล้มเหลวหากไม่ได้นำเสนออะไรใหม่ๆ แต่กับการทวนกระแสที่ว่า แสดงให้เห็นว่า Despicable Me 2 เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงมากขนาดไหน

คนดู 60% ของหนังเป็นผู้หญิง และ 55% อายุต่ำกว่า 25 ปี คะแนนจากซีนีมาสกอร์อยู่ที่ A ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเสียงบอกปากต่อปากน่าจะดี Despicable Me 2 ไม่น่าจะมีปัญหากับการทำรายได้เกินกว่า 300 ล้านเหรียญในตอนปิดโปรแกรม และถ้ายืนระยะได้พอๆ กับ Ice Age: Dawn of the Dinosaurs หนังแอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายที่ออกฉายในสุดสัปดาห์วันชาติ หนังก็น่าจะผ่าน 400 ล้านเหรียญ

อันดับ 2  เป็น The Lone Ranger ที่ทำรายได้ห้าวันแรกแค่ 48.7 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับหนังแนวตะวันตกด้วยกัน หนังทำได้ดีกว่า Cowboys & Aliens (45 ล้านเหรียญ) และ Wild Wild West (41 ล้านเหรียญ) แต่ Cowboys & Aliens ก็ไม่ได้ออกฉายในวันชาติ และ Wild Wild West แม้จะเปิดฉายในวันชาติ แต่ก็ตั้ง 14 ปีมาแล้ว

The Lone Ranger ย้ำว่าเป็นผลงานของทีมที่สร้าง Pirates of the Caribbean แต่รายได้เทียบกันไม่ติด เพราะหนัง Pirates ภาคแรกที่เปิดตัวตั้งแต่วันพุธทำเงินได้เกินกว่า 70 ล้านเหรียญเมื่อผ่านวันอาทิตย์ หากปรับค่าเงินก็จะเท่ากับ 93 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

สำหรับหนังแนวตะวันตก (หรือคาวบอยสำหรับคนไทย) The Lone Ranger ถือว่าเปิดตัวได้ดี แต่โชคไม่ดีที่มันต่ำกว่าที่คาดไว้มากๆ ด้วยความที่หนังลงทุนถึงกว่า 200 ล้านเหรียญ ดิสนีย์เองหวังว่า The Lone Ranger น่าจะทำรายได้มากกว่ากรอบรายได้ของหนังแนวนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl สามารถทำได้สำหรับหนังฟันดาบในปี 2003 อย่างไรก็ตามในตอนที่ Pirates เปิดตัว การแสดงของจอห์นนี่ เด็ปป์ในบทกัปตัน แจ็ค สแปร์โรว์ ยังดูสด ใหม่ น่าตื่นเต้น แต่หลังจาก 10 ปี กับการเล่นบทเดิมๆ การรับบทตอนโต้ของเขาใน The Lone Ranger กลายเป็นการให้ความรู้สึกซ้ำซาก

ขณะที่หนัง Pirates ภาคแรกเปิดตัวได้ดี และความสำเร็จแบบสุดๆ ของหนังก็มาจากเสียงบอกปากต่อปากที่ดี โชคไม่ดีที่ The Lone Ranger จะไม่ได้รับโอกาสแบบนั้น เมื่อได้คะแนนแค่ B+ จากซีนีมาสกอร์ และแค่ 25% จากเว็บมะเขือเน่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนังจะอยู่ในชะตากรรมเดียวกันกับหนังบิ๊กๆ อีกหลายเรื่องของซัมเมอร์ นั่นก็คือหายไปจากโรงอย่างรวดเร็ว โดยรายได้น่าจะไปได้อย่างมากก็เกิน 100 ล้านเหรียญนิดๆ

เรื่องด้านบวกของ  The Lone Ranger มีแค่หนังได้คนดูอายุเยอะเป็นหลัก เมื่อ 68% อายุมากกว่า 25 ปี และเป็นผู้ชาย 57% ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดยปกติมักจะไม่ค่อยเข้าโรงหนังสักเท่าไหร่

ในอันดับ 2 หนังของป้าซานดร้า บูลล็อค และเมลิสสา แม็คคาร์ธีย์ The Heat รายได้ตกแค่ 37% ทำเงินมาอีก 24.8 ล้านเหรียญ เทียบกับ Ted ที่รายได้ตก 41% จากการฉายในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มองรายได้รวมที่ The Heat ทำได้ 86.3 ล้านเหรียญ หากหนังยืนระยะได้พอๆ กับTed ก็น่าจะทำรายได้มากถึงกว่า 160 ล้านเหรียญ

เมื่อเจอกับงานยาก มีคู่แข่งตรงๆ อย่าง Despicable Me 2 หนัง Monsters University รายได้ร่วงถึง 57 % ทำเงินมาอีก 19.7 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 216.3 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นหนังเรื่องที่ 11 ของพิกซาร์ที่ทำรายได้ผ่าน 200 ล้านเหรียญ แต่ไม่น่าจะไปถึง 300 ล้านเหรียญได้

World War Z ตกมาอยู่ในอันดับ 5 ทำเงินไป 18.4 ล้านเหรียญ ซึ่งตกจากเดิมน้อยมากแค่ 38% รายได้รวมอยู่ที่ 159 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังที่ฮิตแบบเซอร์ไพรส์เรื่องนี้ น่าจะมองรายได้ปิดตัวแถวๆ 200 ล้านเหรียญ

หลังเปิดตัวได้แบบหายนะเมื่อสัปดาห์ก่อน White House Down รายได้ตกอีก 46% ทำเงินแค่ 13.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมย่ำแย่สุดๆ ที่ 50.5 ล้านเหรียญ และไม่มีทางทำรายได้ปิดโปรแกรมเท่ากับ 98.9 ล้านเหรียญของ Olympus Has Fallen แน่ๆ

กับการฉายในสัปดาห์ที่สี่  Man of Steel รายได้ตกแค่ 45% ทำเงินอีก 11.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 271.2 ล้านเหรียญ และมุ่งหน้าล่าตัวเลข 300 ล้านเหรียญต่อไป

กับการเปิดตัวตั้งแต่วันพุธด้วยโรง 876 โรง Kevin Hart: Let Me Explain ทำเงินถึง 17.4 ล้านเหรียญ ซึี่งมากพอจะทำให้กลายเป็นหนังเดี่ยวไมโครโฟนทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 5 และทำรายได้มากกว่าที่หนังเรื่องก่อนของฮาร์ท Laugh at My Pain เมื่อปี 2011 ทำได้ถึง 2 เท่า แสดงให้เห็นว่าเขาเรียกความสนใจได้มากทีเดียว ปีหน้าเขาจะเล่นหนังถึง 2 เรื่องคือ Ride Along และ About Last Night ฉบับสร้างใหม่ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากเสน่ห์ของเขา

คนดู 55% เป็นหญิง และ 54% อายุ 25 ปีขึ้นไป และได้คะแนน A จากซีนีมาสกอร์ นี่คือความประหลาดใจหนที่ 2 ที่ ไลออนเกทส์-ซัมมิท ทำได้ในซัมเมอร์นี้ต่อจาก Now You See Me ที่ทำรายได้ไปแล้ว 110 ล้านเหรียญ

ฟ็อกซ์ เซิร์ชไลท์ เปิดตัวหนังฮิตจากเทศกาลซันแดนซ์ The Way, Way Back เพียแค่ 19 โรง และทำรายได้ 552,788 เหรียญ คิดเป็นรายได้ต่อโรง 29,094 เหรียญ น้อยกว่ารายได้เฉลี่ยที่ Little Miss Sunshine ทำไว้โรงละ 53,000 เหรียญจากการฉายเปิดตัวแค่ 7 โรง แต่ฟ็อกซ์ เชิร์ชไลท์ก็จะเพิ่มโรงอีก 75 โรงในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะเปิดตัววงกว้าในวันที่ 26 กรกฎาคม

สำหรับรายได้นอกอเมริกา Despicable Me 2 ก็ทำได้ดี หนังทำเงินรวม 88.8 ล้านเหรียญ ใน 45 ตลาด รายได้รวมตอนนี้อยู่ที่ 151.1 ล้านเหรียญ โดยเปิดตัวอันดับ 1 ที่ เม็กซิโก 15.8 ล้านเหรียญ, บราซิล 6.7 ล้านเหรียญ, เยอรมันนี 6.2 ล้านเหรียญ และสเปน 3.3 ล้านเหรียญ ส่วนที่ฝรั่งเศสเปิดตัวในอันดับ 2  ที่ 7 ล้านเหรียญ ที่น่าสนใจก็คือ หนังทำได้ดีเป็น 2 เท่าที่หนังภาคแรกทำไว้ในตลาดเดียวกัน โดย Despicable Me ทำรายได้นอกอเมริกาเอาไว้กว่า 291 ล้านเหรียญ ซึ่งหนังภาค 2 น่าจะทำได้ราวๆ 500 ล้านเหรียญ

World War Z ก็ยังไปได้สวย เมื่อได้เงินมาอีก 45.2 ล้านเหรียญใน 54 ตลาด โดยเปิดตัวในตลาดหลักๆ แค่ที่ฝรั่งเศส ซึ่งทำเงินเป็นอันดับ 1 7.8 ล้านเหรียญ ตอนนี้หนังทำรายได้นอกอเมริกาไปแล้ว 207.4 ล้านเหรียญ โดยยังไม่เปิดตัวที่ญี่ปุ่นกับสเปน (และอาจจะเข้าฉายที่จีน) ตอนนี้สามารถมองรายได้รวมที่กว่า 300 ล้านเหรียญเอาไว้ได้แล้ว

กับการออกฉายถึง 62% ในตลาดนอกอเมริกา Monsters University ทำรายได้รวมของสัปดาห์นี้อีก 29.5 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 184.4 ล้านเหรียญ และเป็นหนังพิกซาร์เรื่องที่ 12 ติดต่อกัน ที่ทำรายได้เกิน 400 ล้านเหรียญจากการฉายทั่วโลก สุดสัปดาห์นี้หนังจะเปิดตัวที่ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ขณะที่ The Lone Ranger เปิดตัวใน 30% ของตลาด และทำรายได้ไป 29.4 ล้านเหรียญ

Man of Steel เก็บเงินเพิ่มได้ 21.3 ล้านเหรียญจาก 62 ตลาดมาถึงตอนนี้หนังทำเงินนอกอเมริกาไปแล้ว 315.6 ล้านเหรียญ และคงเก็บเงินได้ราวๆ  400 ล้านเหรียญหลังเปิดฉายในสุดสัปดาห์นี้ที่บราซิล และญี่ปุ่นในเดือนสิงหาฯ

อ่านแล้วชอบคลิก Like ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos
และติดตามข่าวสาร, อ่านเรื่องราว บทวิจารณ์หนัง-เพลงมากมายได้ที่ www.sadaos.com
อันดับหนังทำเงินในบ้านเรา คลิกชมได้ที่ http://www.sadaos.com/tag/thailand-box-office-2013/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่