เริ่มจากเรื่องใหญ่เลย...การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ลงมือปฏิบัติมาจนเสร็จสิ้นวาระ 2 เหลือแต่โหวตในวาระ 3 เท่านั้น กลับตัดสินใจถอยกรูดจากการทักท้วงของกระบวนการ ขัดขวาง
ผ่าน ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่มือกฎหมายระดับเชี่ยวชาญของพรรคก็เห็นและรู้ทุกอย่างว่า "เป็นหน้าที่หลัก" ของรัฐสภาที่จะดำเนินการ
ในเรื่องดังกล่าว ไม่มีกฎหมายใดห้ามไว้ ผมเองด้วยความเคารพ รู้สึก"เซ็งมาก" ที่เห็นภาพประธานรัฐสภาไปนั่งตอบข้อซักถามต่อ
คณะศาลรัฐธรรมนูญ ใครจะมองว่ายังไงก็ตาม แต่ผมมองว่ามันเสียศักศรีประมุขสถาบันนิติบัญญัติ แล้วเมื่อเลือกทางถอย(กรูด) สิ่ง
ที่จะต้องทำคือ หาคำพูด เหตุผล เพื่อรองรับในการกระทำ เปลี่ยนจากสิ่งที่จะต้องกระทำให้เห็นในการปฏิบัติ มาใช้วิธีการพูดเพื่อให้
คนฟังเชื่อ...นั่นคือเรื่องแรก
เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจะมีเหตุผลใดก็ตาม ในส่วนตัวผมซึ่งเลือกพรรคนี้มา และ เอาใจช่วยมาตลอด ยังคิดว่า
การตัดสินใจเช่นนั้นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ทิ้งโอกาสสำคัญให้หลุดมือไป นั่นคือ การแสดงความจริงใจให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น
ถึงความมั่นคงต่อสิ่งที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน และแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตย
ในบ้านเมือง พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสู้โดยไม่กริ่งเกรงต่อการดำรงไว้ซึ่งอำนาจในการบริหาร หรือ การได้เป็นรัฐบาล
เรื่องต่อมา การแสดงออกถึงความห่วงใย และ พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาโอบอุ้ม ช่วยเหลือ "ผู้ที่ถูกคดีและถูกขังอยู่ในเรือนจำ"
ที่ผ่านมามีเพียงกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น ที่ยังคอยห่วงใย และเลือกที่จะต่อสู้ตามบทบาทที่สามารถกระทำได้ ในขณะที่พรรคเพื่อไทย
เริ่มถดถอยจากภารกิจเหล่านั้น อาจมีใครจะเถียงแทนว่าไม่จริง พรรคเพื่อไทยยังให้ความสำคัญและห่วงใยเขาเหล่านั้นอยู่ ผมก็อาจ
จะยังเชื่ออยู่บ้าง แต่อยากจะให้แสดงให้เห็นสิ่งเหล่านั้นให้ชัดเจน ทำไมจะต้องไปแคร์ต่อเสียงคัดค้าน ของฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม
เพราะพวกนั้นไม่มีวันที่จะเห็นด้วยในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำในทุกเรื่องอยู่แล้ว เราต้องเลือกที่จะแคร์คนที่เสียสละเพื่อเรา ทำได้แค่
ไหนก็ต้องทำให้เห็นเป็นประจักษ์ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยที่จะต้องพูดให้เชื่อ(อีกแล้ว) ว่าได้ทำ และ ต่อสู้เพื่อคนเหล่านั้น
เรื่องต่อมา...ความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อมิตรแท้ กรณีของคุณจตุพรฯ
ผมไม่ได้รู้จักเป็นส่วนตัว คุณจตุพร ไม่ได้ให้คุณให้โทษกับผมแต่อย่างใด เพียงแต่อยากเสนอมุมมองทางการเมืองในฐานะของคน
คนหนึ่งที่ยังมีจิตใจในการติดตามเรื่องราวทางการเมือง
คุณจตุพร ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ใน ครม. 5 ชุดนี้ ความมีตำแหน่งในรัฐบาลซึ่งหลายคนบอกว่าเป็น "หัวโขน" ก็แน่นอน แต่ถาม
ว่า มีใครสักกี่คนที่ไม่อยากมียศมีตำแหน่งที่ได้มาอย่างถูกต้อง คุณจตุพร ก็เป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ย่อมมีดีใจ เสียใจ ยังมีความต้องการ
ในลาภ ยศ ตำแหน่ง แต่จะให้เจ้าตัวออกมาโวยวาย ฟูมฟาย ตีอกชกหัว มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และ ผู้มีสติเขาคงเลือกที่จะไม่กระทำ
แต่เรื่องดังกล่าวนี้ ผู้ที่นั่งชมอยู่รอบนอกซึ่งไม่อาจทราบได้ว่า ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจมีเหตุผลใดรองรับอยู่ แต่เขาคิดไปแล้ว ว่า เรื่องดัง
กล่าวเป็นความไม่จริงใจ และ เห็นความสำคัญของคุณ จตุพร ทุกคนเห็นอยู่ว่า คุณจตุพรทุ่มเท และ เสียสละทุกอย่างแค่ไหน
เขาไม่ได้เสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง เพราะในตอนนั้นมันไม่มีอะไรที่จะมองเห็นได้เหมือนตอนนี้ ถ้าใครนึกไม่ออก ให้กลับไปดูภาพ
วันที่แกนนำเสื้อแดง ที่อยู่บนเวทีแล้วประกาศให้ผู้มาร่วมการชุมนุมแยกย้ายกันกลับไปบ้าน ภาพนั้น ผมมองเห็นหลายอย่าง แต่อย่าง
หนึ่งก็คือ ความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความห่วงใย นั่นคือความจริงใจ...ผมถามสักนิดเถอะครับ ว่าคนที่เขาต่อสู้ ทุ่มเทมา
ขนาดนั้น กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรมาเลย เพียงแต่มีโอกาสและใกล้ชิดกว่า ใครน่าจะได้รับการให้ความสำคัญมากกว่ากัน
ผมพร่ำมายาวยืดเพราะไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยเดินแต้มที่เสียน้ำใจพวกกันเอง โดยไปให้ความสำคัญกับพวกฝ่ายอื่นที่ไม่มีความ
ปรารถนาดีอยู่แล้ว
ให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญเถอะ จะได้รับความชื่นชมและน้ำใจจากประชาชนที่ยังเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมือง
ให้ความสำคัญกับผู้ต้องหาในคดีการชุมนุม คุณจะได้น้ำใจจากคนเสื้อแดงอีกเป็นจำนวนมากที่เฝ้ามองอยู่
ให้น้ำใจกับมิตรที่ทุ่มเท เสียสละ จริงใจ ดีกว่าให้ความสำคัญแค่คนใกล้ตัวที่อาจเลือกปกป้องบางสิ่งเพื่อการรักษาไว้ซึ่งผลพวง
ของอำนาจที่คงอยู่ และคุณจะได้น้ำใจจากหมู่มิตรที่มีความจริงใจตอบกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน
.
"ทำให้เห็น น่าจะดีกว่าพูดให้เชื่อ" ถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติแล้ว
ลงมือปฏิบัติมาจนเสร็จสิ้นวาระ 2 เหลือแต่โหวตในวาระ 3 เท่านั้น กลับตัดสินใจถอยกรูดจากการทักท้วงของกระบวนการ ขัดขวาง
ผ่าน ศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่มือกฎหมายระดับเชี่ยวชาญของพรรคก็เห็นและรู้ทุกอย่างว่า "เป็นหน้าที่หลัก" ของรัฐสภาที่จะดำเนินการ
ในเรื่องดังกล่าว ไม่มีกฎหมายใดห้ามไว้ ผมเองด้วยความเคารพ รู้สึก"เซ็งมาก" ที่เห็นภาพประธานรัฐสภาไปนั่งตอบข้อซักถามต่อ
คณะศาลรัฐธรรมนูญ ใครจะมองว่ายังไงก็ตาม แต่ผมมองว่ามันเสียศักศรีประมุขสถาบันนิติบัญญัติ แล้วเมื่อเลือกทางถอย(กรูด) สิ่ง
ที่จะต้องทำคือ หาคำพูด เหตุผล เพื่อรองรับในการกระทำ เปลี่ยนจากสิ่งที่จะต้องกระทำให้เห็นในการปฏิบัติ มาใช้วิธีการพูดเพื่อให้
คนฟังเชื่อ...นั่นคือเรื่องแรก
เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าฝ่ายยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจะมีเหตุผลใดก็ตาม ในส่วนตัวผมซึ่งเลือกพรรคนี้มา และ เอาใจช่วยมาตลอด ยังคิดว่า
การตัดสินใจเช่นนั้นน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ทิ้งโอกาสสำคัญให้หลุดมือไป นั่นคือ การแสดงความจริงใจให้ประชาชนทั่วไปได้เห็น
ถึงความมั่นคงต่อสิ่งที่ให้สัญญาไว้กับประชาชน และแสดงให้เห็นว่า เมื่อมีสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความเป็นประชาธิปไตย
ในบ้านเมือง พรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสู้โดยไม่กริ่งเกรงต่อการดำรงไว้ซึ่งอำนาจในการบริหาร หรือ การได้เป็นรัฐบาล
เรื่องต่อมา การแสดงออกถึงความห่วงใย และ พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาโอบอุ้ม ช่วยเหลือ "ผู้ที่ถูกคดีและถูกขังอยู่ในเรือนจำ"
ที่ผ่านมามีเพียงกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น ที่ยังคอยห่วงใย และเลือกที่จะต่อสู้ตามบทบาทที่สามารถกระทำได้ ในขณะที่พรรคเพื่อไทย
เริ่มถดถอยจากภารกิจเหล่านั้น อาจมีใครจะเถียงแทนว่าไม่จริง พรรคเพื่อไทยยังให้ความสำคัญและห่วงใยเขาเหล่านั้นอยู่ ผมก็อาจ
จะยังเชื่ออยู่บ้าง แต่อยากจะให้แสดงให้เห็นสิ่งเหล่านั้นให้ชัดเจน ทำไมจะต้องไปแคร์ต่อเสียงคัดค้าน ของฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม
เพราะพวกนั้นไม่มีวันที่จะเห็นด้วยในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำในทุกเรื่องอยู่แล้ว เราต้องเลือกที่จะแคร์คนที่เสียสละเพื่อเรา ทำได้แค่
ไหนก็ต้องทำให้เห็นเป็นประจักษ์ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยที่จะต้องพูดให้เชื่อ(อีกแล้ว) ว่าได้ทำ และ ต่อสู้เพื่อคนเหล่านั้น
เรื่องต่อมา...ความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อมิตรแท้ กรณีของคุณจตุพรฯ
ผมไม่ได้รู้จักเป็นส่วนตัว คุณจตุพร ไม่ได้ให้คุณให้โทษกับผมแต่อย่างใด เพียงแต่อยากเสนอมุมมองทางการเมืองในฐานะของคน
คนหนึ่งที่ยังมีจิตใจในการติดตามเรื่องราวทางการเมือง
คุณจตุพร ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ใน ครม. 5 ชุดนี้ ความมีตำแหน่งในรัฐบาลซึ่งหลายคนบอกว่าเป็น "หัวโขน" ก็แน่นอน แต่ถาม
ว่า มีใครสักกี่คนที่ไม่อยากมียศมีตำแหน่งที่ได้มาอย่างถูกต้อง คุณจตุพร ก็เป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ย่อมมีดีใจ เสียใจ ยังมีความต้องการ
ในลาภ ยศ ตำแหน่ง แต่จะให้เจ้าตัวออกมาโวยวาย ฟูมฟาย ตีอกชกหัว มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และ ผู้มีสติเขาคงเลือกที่จะไม่กระทำ
แต่เรื่องดังกล่าวนี้ ผู้ที่นั่งชมอยู่รอบนอกซึ่งไม่อาจทราบได้ว่า ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจมีเหตุผลใดรองรับอยู่ แต่เขาคิดไปแล้ว ว่า เรื่องดัง
กล่าวเป็นความไม่จริงใจ และ เห็นความสำคัญของคุณ จตุพร ทุกคนเห็นอยู่ว่า คุณจตุพรทุ่มเท และ เสียสละทุกอย่างแค่ไหน
เขาไม่ได้เสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง เพราะในตอนนั้นมันไม่มีอะไรที่จะมองเห็นได้เหมือนตอนนี้ ถ้าใครนึกไม่ออก ให้กลับไปดูภาพ
วันที่แกนนำเสื้อแดง ที่อยู่บนเวทีแล้วประกาศให้ผู้มาร่วมการชุมนุมแยกย้ายกันกลับไปบ้าน ภาพนั้น ผมมองเห็นหลายอย่าง แต่อย่าง
หนึ่งก็คือ ความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความห่วงใย นั่นคือความจริงใจ...ผมถามสักนิดเถอะครับ ว่าคนที่เขาต่อสู้ ทุ่มเทมา
ขนาดนั้น กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรมาเลย เพียงแต่มีโอกาสและใกล้ชิดกว่า ใครน่าจะได้รับการให้ความสำคัญมากกว่ากัน
ผมพร่ำมายาวยืดเพราะไม่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยเดินแต้มที่เสียน้ำใจพวกกันเอง โดยไปให้ความสำคัญกับพวกฝ่ายอื่นที่ไม่มีความ
ปรารถนาดีอยู่แล้ว
ให้ความสำคัญกับการแก้รัฐธรรมนูญเถอะ จะได้รับความชื่นชมและน้ำใจจากประชาชนที่ยังเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมือง
ให้ความสำคัญกับผู้ต้องหาในคดีการชุมนุม คุณจะได้น้ำใจจากคนเสื้อแดงอีกเป็นจำนวนมากที่เฝ้ามองอยู่
ให้น้ำใจกับมิตรที่ทุ่มเท เสียสละ จริงใจ ดีกว่าให้ความสำคัญแค่คนใกล้ตัวที่อาจเลือกปกป้องบางสิ่งเพื่อการรักษาไว้ซึ่งผลพวง
ของอำนาจที่คงอยู่ และคุณจะได้น้ำใจจากหมู่มิตรที่มีความจริงใจตอบกลับมาด้วยเช่นเดียวกัน
.