คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
มีผู้ใหญ่ท่านนึง กล่าวกับเรา "ถ้าเราคิดว่าทำบุญกับพระ ไม่ว่าจะด้วยเงินหรือสิ่งของ ถ้าเราเอาแต่คิดว่าทำๆไปเถอะ จะได้บุญหรือไม่ได้บุญมันขึ้นอยู่กับความศรัทธาของเรา ส่วนพระท่านจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องท่าน เราได้บุญก็พอ ความเชื่อแบบนี้ไม่ถูกต้องทีเดียว หากเราคิดแต่ว่าให้เงินทำบุญเราก็ได้บุญ แต่เราไม่ได้สนใจว่า พระรูปนั้น จะเป็นพระแบบใด หากเป็นพระปฏิบัติชอบก็ดีไป แต่หากไม่ใช่ จะกลายเป็นว่าเรากำลังส่งเสริมให้คนทำในสิ่งไม่ดี ส่งเสริมให้พวกที่หากินกับศาสนา มีโอกาสมากขึ้น"
ส่วนอีกเรื่อง เป็นความเห็นของเราเอง การที่เราประเคนข้าวของมีราคา หรืออาหารรสเลิศ ไม่ได้แปลว่าเราจะได้บุญมาก เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกว่า ทำบุญมาก ทำด้วยของมีค่า ราคาแพง แล้วจะได้บุญมาก หากแต่การทำบุญขึ้นอยู่กับจิตใจที่ใฝ่บุญ แม้ข้าวเพียงทัพพีเดียว หากมีจิตใจใฝ่บุญ เต็มใจที่จะให้ นั่นแหละคือบุญ
การประเคนอาหารรสเลิศ นั่นก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ไม่ว่ายุคสมัยไหน บุคคลที่มีเงินมาก ก็ย่อมที่จะอยากทำบุญเลี้ยงพระด้วยอาหารราคาแพง รสชาติดี ส่วนบุคคลธรรมดา ก็ทำบุญเลี้ยงพระได้แค่อาหารพื้นๆ จะได้บุญมากบุญน้อยอย่างไร ขึ้นกับจิตใจและความศรัทธา
มีโอกาสได้สนทนากับพระรูปหนึ่ง ท่านบอกว่า "อาตมายังตัดกิเลสไม่หมดหรอก ตราบใดที่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ มาวางอยุ่ตรงหน้า จะให้ฉันแต่ผัก ก็ใจไม่แข็งพอ เรื่องทางโลก ก็ยังเป็นห่วง ครอบครัว ไม่สามารถตัดขาดได้ ให้ความช่วยเหลือในด้านที่พอทำได้ แต่ไม่เกินขอบเขตของสงฆ์ พวกหมาในวัด เวลามันกัดกัน ก็มีทำเสียงดัง หรือทำให้มันตกใจได้" ท่านยังบอกอีกว่า " รู้ตัวว่าตัดกิเลสไม่ได้หมด มันก็ยังทำให้รู้ว่า เรารุ้จักตัวเองดีแค่ไหน จะมานั่งฟอร์มกับญาติโยมทั้งหลายทำไม ว่าอาตมาสามารถตัดกิเลสได้นะ แต่ก็ยังฉันอาหารที่มีเนื้อสัตว์ที่ญาติโยมนำมาให้"
เราถามท่านต่อว่า "แล้วแบบนี้ ท่านเป็นพระที่ดีหรือไม่"
ท่านตอบกลับมาว่า " ดีหรือไม่ดี ในความหมายของโยมหมายถึงอะไรล่ะ มาตรฐานของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนคิดว่า แค่ไม่ไปหลอกลวง ทำให้ชาวบ้านหลงงมงาย นั่นก็ถือว่าดีแล้ว หรือว่าต้องถึงขนาดที่ว่า เทข้าวลงในบาตรรวมกันแล้วฉัน หรือการปฏิบัติอย่างเช่นพระในสมัยก่อนเลย มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคน"
สำหรับเรา เราจะทำบุญด้วยปัจจัยกับพระที่ไหน อย่างไร เราต้องดูก่อนว่า เราให้เพราะอะไร ทำไมเราถึงให้ เราให้แล้วเราสบายใจมั้ย เราให้แล้วเราเดือดร้อนรึเปล่า
คำตอบเราอาจไม่มีประโยชน์ หรือไม่ได้ตอบข้อข้องใจ จขกท แต่อย่าโกดกันเลยนะ นี่เป็นสิ่งที่เราได้ฟัง มาจากหลายๆท่าน แล้วเรารุ้สึกว่า มันก็จริงอย่างที่ท่านว่า ทุกอย่างก็ขึ้นกับมุมมองเรานั่นแหละ
ส่วนอีกเรื่อง เป็นความเห็นของเราเอง การที่เราประเคนข้าวของมีราคา หรืออาหารรสเลิศ ไม่ได้แปลว่าเราจะได้บุญมาก เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกว่า ทำบุญมาก ทำด้วยของมีค่า ราคาแพง แล้วจะได้บุญมาก หากแต่การทำบุญขึ้นอยู่กับจิตใจที่ใฝ่บุญ แม้ข้าวเพียงทัพพีเดียว หากมีจิตใจใฝ่บุญ เต็มใจที่จะให้ นั่นแหละคือบุญ
การประเคนอาหารรสเลิศ นั่นก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ไม่ว่ายุคสมัยไหน บุคคลที่มีเงินมาก ก็ย่อมที่จะอยากทำบุญเลี้ยงพระด้วยอาหารราคาแพง รสชาติดี ส่วนบุคคลธรรมดา ก็ทำบุญเลี้ยงพระได้แค่อาหารพื้นๆ จะได้บุญมากบุญน้อยอย่างไร ขึ้นกับจิตใจและความศรัทธา
มีโอกาสได้สนทนากับพระรูปหนึ่ง ท่านบอกว่า "อาตมายังตัดกิเลสไม่หมดหรอก ตราบใดที่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ มาวางอยุ่ตรงหน้า จะให้ฉันแต่ผัก ก็ใจไม่แข็งพอ เรื่องทางโลก ก็ยังเป็นห่วง ครอบครัว ไม่สามารถตัดขาดได้ ให้ความช่วยเหลือในด้านที่พอทำได้ แต่ไม่เกินขอบเขตของสงฆ์ พวกหมาในวัด เวลามันกัดกัน ก็มีทำเสียงดัง หรือทำให้มันตกใจได้" ท่านยังบอกอีกว่า " รู้ตัวว่าตัดกิเลสไม่ได้หมด มันก็ยังทำให้รู้ว่า เรารุ้จักตัวเองดีแค่ไหน จะมานั่งฟอร์มกับญาติโยมทั้งหลายทำไม ว่าอาตมาสามารถตัดกิเลสได้นะ แต่ก็ยังฉันอาหารที่มีเนื้อสัตว์ที่ญาติโยมนำมาให้"
เราถามท่านต่อว่า "แล้วแบบนี้ ท่านเป็นพระที่ดีหรือไม่"
ท่านตอบกลับมาว่า " ดีหรือไม่ดี ในความหมายของโยมหมายถึงอะไรล่ะ มาตรฐานของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนคิดว่า แค่ไม่ไปหลอกลวง ทำให้ชาวบ้านหลงงมงาย นั่นก็ถือว่าดีแล้ว หรือว่าต้องถึงขนาดที่ว่า เทข้าวลงในบาตรรวมกันแล้วฉัน หรือการปฏิบัติอย่างเช่นพระในสมัยก่อนเลย มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคน"
สำหรับเรา เราจะทำบุญด้วยปัจจัยกับพระที่ไหน อย่างไร เราต้องดูก่อนว่า เราให้เพราะอะไร ทำไมเราถึงให้ เราให้แล้วเราสบายใจมั้ย เราให้แล้วเราเดือดร้อนรึเปล่า
คำตอบเราอาจไม่มีประโยชน์ หรือไม่ได้ตอบข้อข้องใจ จขกท แต่อย่าโกดกันเลยนะ นี่เป็นสิ่งที่เราได้ฟัง มาจากหลายๆท่าน แล้วเรารุ้สึกว่า มันก็จริงอย่างที่ท่านว่า ทุกอย่างก็ขึ้นกับมุมมองเรานั่นแหละ
แสดงความคิดเห็น
ถามครับ "ควรทำบุญกับพระด้วยเงินหรือไม่" และ "ตกลงแล้วฆราวาสสมควรถวายสิ่งที่ดีๆแก่พระหรือไม่"
ข้อแรก คือ ควรทำบุญกับพระด้วยเงินหรือไม่ครับ
สำหรับผมตอนนี้กำลังคิดเลิกทำบุญกับพระด้วยเงินแล้วครับ รู้สึกเหมือนเอางูไปคล้องคอพระ (ถ้าทำบุญให้พระดี) ทำบุญไปตอนนี้ไม่แน่ใจว่า พระท่านที่เราเห็นจะสู้กิเลสไหวหรือเปล่า หรือ เอาลูกไก่ไปหย่อนใส่ปากจระเข้ (ถ้าทำบุญให้พระไม่ดี)
แต่...กำลังชั่งใจเพราะเคยฟังช่างตัดผมบอกว่า พระจะเอาเงินเราไปทำอะไรก็เรื่องของท่าน ตอนที่เราหยิบเงินออกมาแล้วจบ(พนมมือเอาเงินไว้บนหัวแล้วอธิษฐาน) มันก็แปลว่า จบแล้ว เงินนั่นไม่ใช่ของเราแล้วนะ เขาถึงได้เรียกว่า จบ ไง เออ แฮะ
ช่วงนี้เลยต้องงดดูข่าวไปก่อน ได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่า ผู้ดูแลจะตระหนักถึงเรื่องนี้บ้าง ไม่ใช่ว่า ปล่อยไปเพราะเหตุที่ว่า ไม่ใช่โทษหนัก
ข้อที่สอง คือ ตกลงแล้วฆราวาสสมควรถวายสิ่งที่ดีๆแก่พระหรือไม่ เช่น รถหรูๆ อาหารรสเลิศ เป็นต้น
สำหรับผมจากประสบการณ์ที่บวชมา 2 เดือน ถ้ารวมบวชนาคด้วยก็เกือบ 3 เดือน พบว่า..
เวลาที่ญาติโยมถวายอาหารดีๆ เช่น ส้มตำ (จำไม่ค่อยได้แล้ว) แต่ที่จำได้เลย คือ มันฝรั่งทอดพวก เลย์ ประมาณนี้ เวลาผมจะทานจะใช้เวลานานกว่าอาหารอย่างอื่น เพราะต้องมานั่งไล่ตามความรู้สึกตัวเอง ว่าตอนนี้อยากกินเพราะเห็นว่ามันน่าอร่อยใช่มั้ย (ประมาณว่าต้องรุ้ให้ทันกิเลส ไม่งั้นไม่เอาเข้าปาก) ซึ่งมันจะทรมานมาก กว่าจะได้กินแต่ละคำ
ถ้าถามว่าทำไมไม่เทรวมกันไปเลย ต้องบอกว่า ญาติโยมเอามาถวายไม่พร้อมกัน อาหารทยอยมา ผลไม้ ของว่างตามหลัง โชคดีที่ทางวัดสอนให้ฝึกมารยาทในการรับประทานอาหาร และเรียนรู้การครองสติในการทางอาหาร ทำให้รู้ทันกิเลสได้บ้าง
ตามที่ผมเข้าใจและคาดว่าหลายๆท่านก็คงคิดแบบผม คือ ต้องถวายสิ่งที่ดีๆให้แก่พระ แล้วตัวเองจะได้บุญมาก
แต่ว่า พอทำบุญไป พระดันติดกิเลสอีก แถมมีพวกมารศาสนามาแฝงตัวอีก
คิดไปคิดมาเลยมีความเห็นอยู่สองอย่างคือ
1.จะถวายของธรรมดาไปเลยดีมั้ย พระมีแค่ปัจจัย 4 ก็พอแล้วนิ่ จะเอาสบายขนาดไหนกัน หรือ...
2.แต่ในพุทธกาล ก็มีหลายท่านที่ถวายของดีๆแก่พระสงฆ์นะ แล้วก็ได้บุญมากด้วย ถวายให้ท่าน ท่านจะกินจะใช้จะอยู่ยังไงก็เรื่องของท่านสิ เราก็ได้บุญของเราไปแล้วนิ่
ตอนนี้ก็คิดวนเวียนได้เท่านี้ครับ ท่านอื่นว่าไงบ้างครับ