เอกยุทธ อัญชันบุตร : กรณีศึกษา โดย วสิษฐ เดชกุญชร ...... มติชนออนไลน์

กระทู้สนทนา
คดีฆาตกรรมที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้คือคดีคุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ถูกฆ่าตาย

คุณเอกยุทธเป็นนักธุรกิจหนุ่มฐานะดีแต่มีชีวิตที่โลดโผนและอื้อฉาว เมื่อกว่า 30 ปีมาแล้ว เขาเป็นเจ้าของ
บริษัท ชาร์เตอร์ อินเวสท์เมนท์ จำกัด ซึ่งกู้เงินจากต่างประเทศในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เอามาฝากกับสถาบัน
การเงินในประเทศซึ่งให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ทำให้ได้กำไรมหาศาล เป็นเหตุให้มีผู้ซื้อแชร์ชาร์เตอร์เป็นจำนวนมาก
ต่อมาในปี 2528 รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประกาศลดค่าเงินบาทและออกกฎหมายปราบปรามการ
กู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และดำเนินคดีกับบริษัทแชร์เถื่อน เช่น แชร์แม่ชม้อย แชร์แม่นกแก้ว
และเมื่อมีข่าวว่าจะถูกจับกุม คุณเอกยุทธก็หนีออกไปอยู่ต่างประเทศ ผู้ซื้อแชร์ชาร์เตอร์จำนวนหลายพันคน
ไปแจ้งความต่อกองปราบปราม ทางการอายัดทรัพย์สินของคุณเอกยุทธ์ บริษัทชาร์เตอร์และผู้ถือหุ้น เพื่อนำ
ออกขายทอดตลาด คุณเอกยุทธเดินทางกลับมาประเทศไทยในเดือนกันยายนปี 2528 เพื่อร่วมกับ พ.อ.มนูญ
รูปขจร ก่อการกบฏเพื่อล้มรัฐบาล พล.อ.เปรม แต่ไม่สำเร็จ จึงหนีออกไปอีก คราวนี้ไปขอลี้ภัยการเมืองอยู่ใน
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาย้ายไปอยู่ในนครนิวยอร์ก และทำธุรกิจในตลาดค้าหุ้น วอลล์สตรีท และทำธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ด้วย

จนกระทั่งคดีหมดอายุความในปี 2547 คุณเอกยุทธจึงเดินทางกลับมาอยู่ในเมืองไทย และร่วมกับกลุ่มประชาชน
เพื่อชาติและราชบัลลังก์ จัดการปราศรัยขึ้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อขับไล่ (พ.ต.ท.) ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ในขณะนั้น แล้วก็วิพากษ์โจมตี (พ.ต.ท.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างรุนแรงเรื่อยมา

วันที่ 6 มิถุนายน เวลากลางคืน คุณเอกยุทธหายตัวไปหลังจากที่ไปกินอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับ
ไร้ร่องรอย เพราะหลังจากที่หายไปแล้วยังมีการโทรศัพท์ถึงพี่สาว และให้คนไปรับเอาสมุดเช็คมาเพื่อเบิกเงินเป็น
จำนวน 5 ล้านบาท แต่หลังจากนั้นคุณเอกยุทธก็หายไป จนกระทั่งถึงวันที่ 9 มิถุนายน ญาติจึงไปแจ้งความต่อ
กองปราบปราม ต่อมาในวันที่ 11 มิถุนายน ตำรวจจึงจับนายสันติภาพ เพ็งด้วง ผู้ต้องหาได้ และในที่สุดผู้ต้องหา
นำไปชี้ที่ฝังศพ และขุดศพคุณเอกยุทธขึ้นมาได้

ถึงแม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพว่าฆ่าคุณเอกยุทธ และให้การซัดทอดจนตำรวจสามารถจับกุมผู้สมรู้ร่วมคิดได้อีก 3 คน
และได้เงินของกลางคืนมาเกือบครบ 5 ล้านบาท แต่ก็ปรากฏว่ามีข้อพิรุธหลายประการในคำให้การของผู้ต้องหา
และในการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่ทำให้ประชาชนสงสัยว่าคุณเอกยุทธจะมิได้ถูกฆ่าและปล้นทรัพย์ แต่อาจ
จะถูกเจ้าหน้าที่อุ้มฆ่าด้วยเหตุผลทางการเมือง

ข้อพิรุธก็มี อาทิ 1) นายตำรวจผู้จับกุมนายสันติภาพได้ คือ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน เป็นคนเดียวกับ พ.ต.ท.ชัชชัย
เลี่ยมสงวน ที่เคยเป็นจำเลยและศาลยกฟ้องในคดีอุ้มฆ่าคุณสมชาย  นีละไพจิตร ทนายความและนักเคลื่อนไหวด้าน
สิทธิมนุษยชน เมื่อปี 2547 ขณะที่ (พ.ต.ท.) ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี 2) การพิสูจน์หลักฐานทำอย่างลุ่มๆ ดอนๆ
ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุแล้วย้อนกลับไปตรวจอีก 3) นอกจากจะไม่มีการตรวจหาหลักฐานในรถคันที่ใช้ฆาตกรรมแล้ว
ยังปล่อยให้มีการเอารถไปล้างทำความสะอาด มิหนำซ้ำยังเอารถคันนั้นไปใช้ในการทำแผนประทุษกรรม 4) ผู้บังคับบัญชา
(ทั้งที่เป็นตำรวจและนักการเมือง) รีบร้อนสรุปว่าเป็นฆ่าเพื่อชิงทรัพย์ จนกระทั่งเสียงสงสัยดังมากขึ้น จึงกลับลำบอกว่า
เป็นการเมือง 5) ท่าทีของผู้บังคับบัญชาดูเป็นการชี้นำ และอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำงานอย่างเป็นอิสระ

ในขณะที่ยังไม่มีข้อยุติว่าการตายของคุณเอกยุทธเนื่องมาจากการฆ่าและปล้นทรัพย์ หรือเป็นการอุ้มฆ่าโดยเจ้าหน้าที่
ด้วยเหตุผลทางการเมือง สิ่งที่ตำรวจควรทำก็คือ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายอย่าง
เคร่งครัด ด้วยความเป็นธรรมและไม่มีอคติ แม้ว่าพยานหลักฐานอาจแสดงว่าคุณเอกยุทธถูกอุ้มฆ่าโดยเจ้าหน้าที่ก็ตาม
ต้องไม่ลืมว่าการสืบสวนและทำสำนวนการสอบสวนให้ผิดไปจากข้อเท็จจริง เพื่อช่วยให้อาชญากรพ้นผิดนั้น สักวันหนึ่ง
ในอนาคตก็ยังอาจมีผู้พบ รื้อฟื้น และเอาผิดกับผู้ตรวจพิสูจน์หลักฐาน หรือพนักงานสอบสวนได้

สำหรับผู้บังคับบัญชาของตำรวจ ทั้งที่เป็นตำรวจและที่เป็นนักการเมืองก็เช่นกัน ต้องเข้าใจ ว่าถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น
เพราะเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย เขาก็จะต้องให้การซัดทอดวันยังค่ำว่าผู้บังคับบัญชาสั่ง จึงมีโอกาส
ที่จะตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย และติดคุกได้เหมือนกัน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1372140992&grpid=&catid=02&subcatid=0200



รู้ดีกว่าคนฆ่าซะอีก  ......   วงค์ ตาวัน .... ข่าวสดออนไลน์



มี ผู้ต้องหาในคดีสังหารนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ถึง 6 คน โดย 2 คนเป็นผู้ร่วมกันฆ่า
คือนายบอลคนขับรถ และนายเบิ้มที่ซ่อนตัวอยู่ในรถ ร่วมจับนายเอกยุทธใส่กุญแจมือ
ก่อนบังคับให้เขียนเช็ครีดเงิน และร่วมกันบีบรัดคอ



อีก 2 คน เป็นเพื่อนที่ร่วมขุดและฝังศพ



สุดท้ายคือพ่อและแม่ของนายบอล ซึ่งนำเงินของกลางไปเก็บซ่อน



ตัวการสำคัญคือนายบอลกับนายเบิ้ม ซึ่งโดนจับกุมและเข้ามอบตัวในช่วงเวลาที่ต่างกัน



ทั้งคู่สารภาพและให้การในช่วงเวลาที่ต่างกัน



แต่โดยรวมอธิบายเหตุการณ์ได้ตรงกันหมด ไม่มีอะไรขัดแย้งกันเลย!



มี ต่างกันตรงที่เกี่ยงแค่ว่าใครเป็นคนฆ่า แต่รายละเอียด ก็สอดรับกันว่านายบอลเป็นคนบีบคอก่อน
จากนั้นนายเบิ้มเอาเชือกผูกรองเท้ามารัดคอ



เพียงแต่นายเบิ้มอ้างว่าตอนที่นายบอลบีบคอนั้น ทำให้เหยื่อขาดใจตายไปแล้ว



การสารภาพและให้การในช่วงเวลาที่ต่างกัน แต่รายละเอียดสอดคล้องกันหมด จะแปลว่ามีพิรุธได้หรือ



ที่น่าคิดคือ ทั้งคู่โดนดำเนินคดีข้อหาร้ายแรง โทษถึงขั้นประหาร ยอมรับสารภาพ
อย่างละเอียดและตรงกัน ซึ่งแสดงว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง



แต่ทั้งคู่ไม่ได้บอกเลยว่า มีคนอื่นมาร่วมฆ่า มีคนอื่นมาสั่งการ!!



โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายบอลหรือสันติภาพ เพ็งด้วง ซึ่งโดนโทษหนักแน่นอน
แถมพ่อกับแม่ก็โดนดำเนินคดีไปด้วย



จนป่านนี้แล้ว ถ้ามีคนมาชักใยจริง มีคนอื่นมาร่วมฆ่าจริง จะปล่อยให้ตัวเองรับโทษ
พ่อกับแม่โดนกันหมด โดยยังไม่ซัดทอดหรือ!?



ทำไมนายบอลไม่เคยปริปากถึงคนอื่น



กลั้นใจรับโทษโดยไม่ยอมพูดถึงคนที่มาสั่งการวางแผนหรือ



ถ้ามีจริง ทำไมไม่พูด



จนเข้าไปอยู่ในคุก จ่อโทษประหารอยู่แล้ว ก็ยังเฉยๆ อยู่อีกหรือ!



ใช้สติไตร่ตรองดูก็รู้ว่า เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน



แล้วอย่างนี้ รูปคดีจะไม่ชี้ว่านายบอลวางแผนเองเพื่อประสงค์ต่อทรัพย์และเพื่อชำระแค้นได้อย่างไร



วันนี้คนที่ออกมาพูดว่ามีเบื้องหลัง มีคนชักใย มีคนวางแผน ล้วนแต่เป็นคนอื่น



และพูดโดยไม่มีข้อมูลอะไรมารองรับ



อย่าบอกนะว่า คนที่ลงมือฆ่าไม่รู้ลึกเท่าคนพวกนี้หรอก!


http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM01qQTROek0yT0E9PQ==&sectionid=


2  คอลัมน์  คนเขียนคนหนึ่งเป็นอดีตนายตำรวจหย่ายยยยยย   อีกคนเป็นนักข่าว  สายตำรวจ
อ่านแล้ว  จะเชือใครดี  แปะมาให้เปรียบเทียบกัน  
สื่อสีแดง  เครือเดียวกัน  อย่างนี้  เขาเรียกว่า  สื่อแองรอบด้านไหม
หรือเพื่อนๆ  แบบ  คุณ  อดีตหัวหน้าเผ่า   ชอบ  แนวเน่า  เอ๊ย แนวหน้า  มากกว่า      ยิ้ม


สาวแว่น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่