เนื่องจากเราเดินทางไปกลับไต้หวันกรุงเทพประจำ และเป็นเงินของบริษัทที่ต้องจ่ายค่าเครื่องบิน บริษัทเลยเลือก Cathay Pacific เสมอมา แต่ไม่ได้บินตรงนะครับ ต้องพักเครื่องที่ ฮ่องกงก่อนแล้วค่อยบินต่อไปเถาหยวน แบบพักเครื่องแบบนี้ค่าโดยสารจะถูกกว่าบินตรงแต่คงไม่มากเท่าไหร่ สำหรับเราแล้วเราชอบแบบนี้ เพราะได้กินข้าวสองมื้อนั่งเครื่องบินสองครั้ง เราว่าก็สนุกดี เข้าเรื่องกันดีกว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาเราบิน 8.20 แต่เราไปถึงสนามบิน 7.30 กว่าจะเข้าไปเช็คอินได้วิ่งจนขาลาก ดีที่เคาเตอร์ไม่ปิด ปรากฎว่า น้ำหนักกระเป๋าเรา 35 กิโลกรัม พนักงานก็ยิ้มแล้วบอกว่า (ขนบ้านพร้อมที่ดินไปด้วยหรืองัย) อันนี้เราคิดเอง เขาบอกว่าน้ำหนักเกินนะค่ะ ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานสายการบินกำหนดค่ะ ต้องรบกวนเอาของออกนะค่ะแล้วก็มาว่ากันอีกทีเรื่องน้ำหนัก เราก็เอาของออกสองสามอย่าง เอาไปชั่งได้ 29.8 พนักงานก็ไม่พูดอะไร พิมพ์สติกเกอร์ปิดที่กระเป๋าแล้วก็ยื่นเอกสารคืนให้เราและให้ใบ Fast track check in ราคา 500 บาท โดยไม่ได้เก็บเงินเพิ่มจากเรา พอเราผ่านด่าน ตม. ไปเจอเจ้าหน้าที่สายการบินถือป้าย Final call เดินทางตั้งนานพึ่งจะรู้ว่าอันนี้มันหมายความว่า "เรียกเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางไปสายการบินนี้ เที่ยวบินนี้" เขาก็ถามเราว่าเราใช่ผู้โดยสารชื่อนี้ไหม เราว่าใช่เขาก็พาเราไปที่เครื่องโดยการวิ่งๆๆๆ 5555 เราก็เหงื่อตกของพะรุงพะรังเต็มไปหมด เมื่อเครื่องบินประตูที่ให้ผู้โดยสารชั้นประหยัดเข้าปิดแล้ว เหลือแต่ประตูชั้นธุรกิจ จากชั้นธุรกิจไปจนถึงชั้นประหยัดสายตาไม่รู้กี่ร้อยคู่ จ้องมองมาที่เราคนเดียว วินาทีนั้นเราอยากจะมุดหัวเข้าไต้ท้องเครื่องมาก อายคนอื่นมากกกก แต่ก็ต้องหน้านิ่งเข้าไว้55555 พนักงานคงเห็นเราเหงื่อเต็มตัวก็เลยเอาผ้าเย็นมาให้ พร้อมกับรอยยิ้ม จบครับสำหรับขาไป
ขามา ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงเหมือนเดิม แต่คราวนี้กระเป๋าเราเกินแค่นิดเดียวเอง ประมาณ 22.3 กิโลกรัม สนามบินเถาหยวน ไต้หวัน พนักงานบอกว่าให้เอาของออก ไม่งั้นก็จะคิดเงิน กิโลละ 10 USD เราก็เลยจำใจให้เขาคิดเงิน แต่ไม่แค่นั้นของที่เราถือขึ้นเครื่องมีรวมกันทั้งหมด 6ชิ้น พนักงานมองแล้วถามว่าของคุณเหรอ ผมว่าใช่ เขาก็มองแบบดูถูก ส่ายหัวแล้วก็เดินจากไป ถ้าวันนั้นเราไม่ใช้บริการเขานะ เราจะด่าจริงๆด้วย มีสิทธิ์อะไรมามองเราแบบดูถูกเรา อันนี้ไม่มีอะไรน่าประทับใจครับ แค่อยากเล่าให้ฟังส่วนที่ไม่ดีของเขาก็มีครับ
แต่ที่ประทับใจสุดๆคือ ตอนถึงฮ่องกงครับ เพราะว่าเครื่องออกจากไต้หวัน ช้าเนื่องจากเครื่องขัดข้องทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่องบินใหม่ ช้าไป ชั่วโมงครึ่ง พอมาถึงฮ่องกงปรากฎว่าเครื่องที่จะต่อจากฮ่องกงมาไทยออกแล้ว ไม่รอเรา555 มีผู้โดยสารตกเครื่องทั้งหมดสามคน คือเรา คนไต้หวันอีกสองคน เจ้าหน้าที่ก็มารอรับ และพาเราไปที่เช็คอินเพื่อที่จะหาเที่ยวบินใหม่ให้เรา ระหว่างที่เรารอ เขาก็เอาน้ำและขนมมาให้เรากิน จะพาเราไปห้องรับรองเพื่อรอ แต่เราไม่ไปขอรอที่นั่นดีกว่า สักพักนึงเขาก็มาบอกว่าเที่ยวบินของ Cathay ที่จะไปไทยวันนี้หมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เต็ม เราก็อ้าวววว แต่ไม่ทันไร เขาก็บอกว่าจะหาเที่ยวบินที่มีให้เร็วที่สุด อาจจะเป็นสายการบินอื่นเราก็บอกไม่เป็นไร จากนั้นเรารอเขาประมาณชั่วโมงหน่อยๆ เขาก็มาบอกว่าได้เที่ยวบินแล้ว เป็นของการบินไทยแต่เป็นชั้นธุรกิจนะ เราก็ฮ่ะ รีบถามเลยว่าต้องเสียเงินไหม เขาบอกว่าไม่ เขารับรองทุกอย่างเพราะเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ทำให้เราต้องตกเครื่อง อ๋อระหว่างรอเราลืมบอกไปว่าเราไปขอใช้โทรศัพท์ของ Cathay 10 นาทีกว่า และไม่ใช่เบอร์เดียวด้วย 2 เบอร์ เราโทรบอกพี่เราที่มารอรับเรา อีกเบอร์โทรบอกบริษัทที่ไต้หวันว่าเราตกเครื่อง ส่วนสายการบินเขาก็ไม่ว่าอะไรเลยที่เราใช้โทรศัพท์ตั้งนาน และถามเราอีกว่าจะใช้อีกไหม 555 กึ่งประชด เราบอกว่าไม่ เขาก็พาเราไปเช็คอินของการบินไทย แล้วรอจนกว่าเราเข้าเครื่อง
ยอมรับเลยว่า พนักงานที่ฮ่องกงเอาใจใส่และดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี บริการอย่างสุภาพ และพูดจาเพราะ
เราเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าคนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ช่วยเหลือกันเสมอ เหมือนกับพนักงานที่เมืองไทย พยายามช่วยเราเรื่องกระเป๋า และเอาผ้าเย็นมาให้เราตอนเราเหงื่อชุ่ม
ส่วนพนักงานที่ไต้หวัน ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ไม่ประทับใจ มีอีกหลายครั้งที่เขาทำแบบนี้
ที่แบ่งปันมานี้อาจจะเป็นเพียงประสบการณ์เสิ้ยวเล็กๆของเรา แต่เราก็อยากบอกเล่าถึงความดีงามของคนในสังคมนี้ที่มีใจบริการไม่ว่าเขาจะเป็นชาติไหนก็ตาม
ประทับใจสายการบิน Cathay Pacific มากครับ ทั้งขาไปและขากลับ
ขามา ต้องเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงเหมือนเดิม แต่คราวนี้กระเป๋าเราเกินแค่นิดเดียวเอง ประมาณ 22.3 กิโลกรัม สนามบินเถาหยวน ไต้หวัน พนักงานบอกว่าให้เอาของออก ไม่งั้นก็จะคิดเงิน กิโลละ 10 USD เราก็เลยจำใจให้เขาคิดเงิน แต่ไม่แค่นั้นของที่เราถือขึ้นเครื่องมีรวมกันทั้งหมด 6ชิ้น พนักงานมองแล้วถามว่าของคุณเหรอ ผมว่าใช่ เขาก็มองแบบดูถูก ส่ายหัวแล้วก็เดินจากไป ถ้าวันนั้นเราไม่ใช้บริการเขานะ เราจะด่าจริงๆด้วย มีสิทธิ์อะไรมามองเราแบบดูถูกเรา อันนี้ไม่มีอะไรน่าประทับใจครับ แค่อยากเล่าให้ฟังส่วนที่ไม่ดีของเขาก็มีครับ
แต่ที่ประทับใจสุดๆคือ ตอนถึงฮ่องกงครับ เพราะว่าเครื่องออกจากไต้หวัน ช้าเนื่องจากเครื่องขัดข้องทำให้ต้องเปลี่ยนเครื่องบินใหม่ ช้าไป ชั่วโมงครึ่ง พอมาถึงฮ่องกงปรากฎว่าเครื่องที่จะต่อจากฮ่องกงมาไทยออกแล้ว ไม่รอเรา555 มีผู้โดยสารตกเครื่องทั้งหมดสามคน คือเรา คนไต้หวันอีกสองคน เจ้าหน้าที่ก็มารอรับ และพาเราไปที่เช็คอินเพื่อที่จะหาเที่ยวบินใหม่ให้เรา ระหว่างที่เรารอ เขาก็เอาน้ำและขนมมาให้เรากิน จะพาเราไปห้องรับรองเพื่อรอ แต่เราไม่ไปขอรอที่นั่นดีกว่า สักพักนึงเขาก็มาบอกว่าเที่ยวบินของ Cathay ที่จะไปไทยวันนี้หมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็เต็ม เราก็อ้าวววว แต่ไม่ทันไร เขาก็บอกว่าจะหาเที่ยวบินที่มีให้เร็วที่สุด อาจจะเป็นสายการบินอื่นเราก็บอกไม่เป็นไร จากนั้นเรารอเขาประมาณชั่วโมงหน่อยๆ เขาก็มาบอกว่าได้เที่ยวบินแล้ว เป็นของการบินไทยแต่เป็นชั้นธุรกิจนะ เราก็ฮ่ะ รีบถามเลยว่าต้องเสียเงินไหม เขาบอกว่าไม่ เขารับรองทุกอย่างเพราะเป็นความผิดพลาดของเขาเองที่ทำให้เราต้องตกเครื่อง อ๋อระหว่างรอเราลืมบอกไปว่าเราไปขอใช้โทรศัพท์ของ Cathay 10 นาทีกว่า และไม่ใช่เบอร์เดียวด้วย 2 เบอร์ เราโทรบอกพี่เราที่มารอรับเรา อีกเบอร์โทรบอกบริษัทที่ไต้หวันว่าเราตกเครื่อง ส่วนสายการบินเขาก็ไม่ว่าอะไรเลยที่เราใช้โทรศัพท์ตั้งนาน และถามเราอีกว่าจะใช้อีกไหม 555 กึ่งประชด เราบอกว่าไม่ เขาก็พาเราไปเช็คอินของการบินไทย แล้วรอจนกว่าเราเข้าเครื่อง
ยอมรับเลยว่า พนักงานที่ฮ่องกงเอาใจใส่และดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี บริการอย่างสุภาพ และพูดจาเพราะ
เราเชื่ออีกอย่างหนึ่งว่าคนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ช่วยเหลือกันเสมอ เหมือนกับพนักงานที่เมืองไทย พยายามช่วยเราเรื่องกระเป๋า และเอาผ้าเย็นมาให้เราตอนเราเหงื่อชุ่ม
ส่วนพนักงานที่ไต้หวัน ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ไม่ประทับใจ มีอีกหลายครั้งที่เขาทำแบบนี้
ที่แบ่งปันมานี้อาจจะเป็นเพียงประสบการณ์เสิ้ยวเล็กๆของเรา แต่เราก็อยากบอกเล่าถึงความดีงามของคนในสังคมนี้ที่มีใจบริการไม่ว่าเขาจะเป็นชาติไหนก็ตาม