“28 ชั่วโมง เที่ยวบินที่ไม่มีใครอยากจำ”
คืนวันที่ 4 สิงหาคม 2025 ที่สนามบินลอสแอนเจลิส Boeing 777 กับผู้โดยสารเกือบ 300 คน ปลายทางฮ่องกงกำลังรออยู่ข้างหน้า
เที่ยวบิน CX883 ของ Cathay Pacific แบบเครื่องบิน Boeing 777‑300ER มีกำหนดใช้เวลาราว 13 ชั่วโมง เพียงพอให้ผู้โดยสารนอนหลับ ดูหนังสักเรื่องสองเรื่อง และตื่นมาพร้อมถึงฮ่องกง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า สิ่งที่รออยู่กลับไม่ใช่การลงจอดตามแผน…
🚩จากความสงบ สู่พายุสีดำ
เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 12 ชั่วโมง หลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก เครื่องบินเริ่มลดระดับเข้าสู่เขตน่านฟ้าฮ่องกง
ที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆหนาทึบ เสียงหัวหน้าพนักงานต้อนรับประกาศให้คาดเข็มขัด ทุกคนเตรียมตัวรับการลงจอด
แต่ในห้องนักบิน สัญญาณเตือน “Black Rainstorm Warning” สัญญาณเตือนฝนขั้นสูงสุดของฮ่องกง กำลังประกาศใช้ ฝนตกมากกว่า 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ลมแรงจัด เมืองทั้งเมืองกำลังจมอยู่ในม่านฝนที่บดบังทุกสิ่งตรงหน้า
ในที่สุด..กัปตันตัดสินใจ abort landing ดึงหัวเครื่องขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการฝ่าเข้าไปในความมืดและความเสี่ยง
🚩การตัดสินใจที่ถูกต้อง…แต่การเดินทางที่ยาวนานเพิ่งเริ่มต้น จุดหมายต่อไปคือสนามบินเถาหยวน,ไต้หวัน ห่างออกไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตร นักบินและผู้โดยสารคาดว่าจะได้พักบนสักครู่รอพายุซาแล้วจึงบินกลับ
แต่เมื่อประตูเครื่องบินยังปิดสนิทหลังจอด… ทุกคนเริ่มสงสัย
เจ้าหน้าที่แจ้งสั้นๆ ว่า“เราไม่สามารถให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องได้ “มีบางสื่อ”อ้างว่าสาเหตุมาจากข้อจำกัดด้านกฎหมายและสิทธิการบิน” นี่คือกับดักของ Second Freedom of the Air กฎอนุญาตให้เครื่องบินต่างประเทศแวะเพื่อความปลอดภัยหรือเติมน้ำมันแต่ห้ามผู้โดยสารลงโดยไม่ได้ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองล่วงหน้า
อย่างไรก็ดียังไม่มีคำแถลงทางการ จาก Cathay Pacific หรือหน่วยงานไต้หวันที่ยืนยันว่า “เหตุผลด้าน Second Freedom/ตรวจคนเข้าเมือง” คือสาเหตุของการห้ามลงจากเครื่อง
🚩เกือบ 11 ชั่วโมงที่กลายเป็นบททดสอบความอดทน เวลาบนเครื่องเดินอย่างช้าๆ เสียงถอนหายใจและบ่นพึมพำดังขึ้นเป็นระยะ
ผู้โดยสารบางคนเริ่มลุกเดินวนในทางเดินแคบ ๆ เพื่อคลายความเมื่อย บางคนพยายามข่มตาหลับ แต่ร่างกายที่นั่งนิ่งมานานกว่า 20 ชั่วโมงเริ่มไม่ไหว
พนักงานต้อนรับก็แทบไม่เหลือเรี่ยวแรง พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันนานเกินกำหนด จนสายการบินต้องส่งลูกเรือชุดใหม่มารับช่วง
ถึงฮ่องกง… ในที่สุด
หลังจากจอดรอในไต้หวันกว่า 11 ชั่วโมง เครื่องบินก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง ปลายทางเดิม“ฮ่องกง”
เมื่อล้อแตะรันเวย์ที่สนามบินเช็คแล็ปก๊อกในเวลา 19:15 น. ของวันที่ 5 สิงหาคม นาฬิกาบอกว่า การเดินทางครั้งนี้กินเวลาทั้งสิ้นเกือบ “28 ชั่วโมง !!“เกือบเท่ากับการบินรอบโลกครึ่งหนึ่ง
ผู้โดยสารหลายคนลงจากเครื่องด้วยใบหน้าซีดเซียว บางคนโกรธหลายคนพลาดต่อเครื่อง,พลาดงาน,พลาดโอกาสสำคัญในชีวิต
📌บทเรียนจากพายุ
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการบินสมัยใหม่แม้มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ก็ยังไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้
พายุ “Black Rainstorm” ครั้งนี้บันทึกสถิติฝนเดือนสิงหาคมสูงสุดตั้งแต่ปี 1884
ไทม์ไลน์เวลาของเที่ยวบิน : ตามเวลาท้องถิ่นฮ่องกง 
🔘 ออกเดินทางจาก ลอสแอนเจลิส
15:55 น. เวลาท้องถิ่นฮ่องกง วันที่ 4 สิงหาคม 2025
🔘 เปลี่ยนเส้นทางมาลงที่ไทเปเช้า ~07:30 น. วันที่ 5 ส.ค.
🔘 ออกจาก TPE อีกครั้งเวลา 18:00
🔘 ลงจอดที่ฮ่องกง 19:27 น. วันที่ 5 สิงหาคม
🚨 จำนวนชั่วโมงรวม 27 ชั่วโมง 32 นาที
หรือประมาณ 28 ชั่วโมง
กัปตันหมี
ขอบคุณที่ #ช่วยแชร์
Cr: FB กัปตันหมี Take off your Life
Photo: SimpleFlying
เที่ยวบิน CX883 LA to HK จาก 13 ชม เป็น 28 ชม. ที่ไม่มีวันลืม
คืนวันที่ 4 สิงหาคม 2025 ที่สนามบินลอสแอนเจลิส Boeing 777 กับผู้โดยสารเกือบ 300 คน ปลายทางฮ่องกงกำลังรออยู่ข้างหน้า
เที่ยวบิน CX883 ของ Cathay Pacific แบบเครื่องบิน Boeing 777‑300ER มีกำหนดใช้เวลาราว 13 ชั่วโมง เพียงพอให้ผู้โดยสารนอนหลับ ดูหนังสักเรื่องสองเรื่อง และตื่นมาพร้อมถึงฮ่องกง แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า สิ่งที่รออยู่กลับไม่ใช่การลงจอดตามแผน…
🚩จากความสงบ สู่พายุสีดำ
เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 12 ชั่วโมง หลังบินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก เครื่องบินเริ่มลดระดับเข้าสู่เขตน่านฟ้าฮ่องกง
ที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆหนาทึบ เสียงหัวหน้าพนักงานต้อนรับประกาศให้คาดเข็มขัด ทุกคนเตรียมตัวรับการลงจอด
แต่ในห้องนักบิน สัญญาณเตือน “Black Rainstorm Warning” สัญญาณเตือนฝนขั้นสูงสุดของฮ่องกง กำลังประกาศใช้ ฝนตกมากกว่า 70 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ลมแรงจัด เมืองทั้งเมืองกำลังจมอยู่ในม่านฝนที่บดบังทุกสิ่งตรงหน้า
ในที่สุด..กัปตันตัดสินใจ abort landing ดึงหัวเครื่องขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการฝ่าเข้าไปในความมืดและความเสี่ยง
🚩การตัดสินใจที่ถูกต้อง…แต่การเดินทางที่ยาวนานเพิ่งเริ่มต้น จุดหมายต่อไปคือสนามบินเถาหยวน,ไต้หวัน ห่างออกไปไม่กี่ร้อยกิโลเมตร นักบินและผู้โดยสารคาดว่าจะได้พักบนสักครู่รอพายุซาแล้วจึงบินกลับ
แต่เมื่อประตูเครื่องบินยังปิดสนิทหลังจอด… ทุกคนเริ่มสงสัย
เจ้าหน้าที่แจ้งสั้นๆ ว่า“เราไม่สามารถให้ผู้โดยสารลงจากเครื่องได้ “มีบางสื่อ”อ้างว่าสาเหตุมาจากข้อจำกัดด้านกฎหมายและสิทธิการบิน” นี่คือกับดักของ Second Freedom of the Air กฎอนุญาตให้เครื่องบินต่างประเทศแวะเพื่อความปลอดภัยหรือเติมน้ำมันแต่ห้ามผู้โดยสารลงโดยไม่ได้ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองล่วงหน้า
อย่างไรก็ดียังไม่มีคำแถลงทางการ จาก Cathay Pacific หรือหน่วยงานไต้หวันที่ยืนยันว่า “เหตุผลด้าน Second Freedom/ตรวจคนเข้าเมือง” คือสาเหตุของการห้ามลงจากเครื่อง
🚩เกือบ 11 ชั่วโมงที่กลายเป็นบททดสอบความอดทน เวลาบนเครื่องเดินอย่างช้าๆ เสียงถอนหายใจและบ่นพึมพำดังขึ้นเป็นระยะ
ผู้โดยสารบางคนเริ่มลุกเดินวนในทางเดินแคบ ๆ เพื่อคลายความเมื่อย บางคนพยายามข่มตาหลับ แต่ร่างกายที่นั่งนิ่งมานานกว่า 20 ชั่วโมงเริ่มไม่ไหว
พนักงานต้อนรับก็แทบไม่เหลือเรี่ยวแรง พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันนานเกินกำหนด จนสายการบินต้องส่งลูกเรือชุดใหม่มารับช่วง
ถึงฮ่องกง… ในที่สุด
หลังจากจอดรอในไต้หวันกว่า 11 ชั่วโมง เครื่องบินก็ทะยานขึ้นอีกครั้ง ปลายทางเดิม“ฮ่องกง”
เมื่อล้อแตะรันเวย์ที่สนามบินเช็คแล็ปก๊อกในเวลา 19:15 น. ของวันที่ 5 สิงหาคม นาฬิกาบอกว่า การเดินทางครั้งนี้กินเวลาทั้งสิ้นเกือบ “28 ชั่วโมง !!“เกือบเท่ากับการบินรอบโลกครึ่งหนึ่ง
ผู้โดยสารหลายคนลงจากเครื่องด้วยใบหน้าซีดเซียว บางคนโกรธหลายคนพลาดต่อเครื่อง,พลาดงาน,พลาดโอกาสสำคัญในชีวิต
📌บทเรียนจากพายุ
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการบินสมัยใหม่แม้มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ก็ยังไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้
พายุ “Black Rainstorm” ครั้งนี้บันทึกสถิติฝนเดือนสิงหาคมสูงสุดตั้งแต่ปี 1884
ไทม์ไลน์เวลาของเที่ยวบิน : ตามเวลาท้องถิ่นฮ่องกง 
🔘 ออกเดินทางจาก ลอสแอนเจลิส
15:55 น. เวลาท้องถิ่นฮ่องกง วันที่ 4 สิงหาคม 2025
🔘 เปลี่ยนเส้นทางมาลงที่ไทเปเช้า ~07:30 น. วันที่ 5 ส.ค.
🔘 ออกจาก TPE อีกครั้งเวลา 18:00
🔘 ลงจอดที่ฮ่องกง 19:27 น. วันที่ 5 สิงหาคม
🚨 จำนวนชั่วโมงรวม 27 ชั่วโมง 32 นาที
หรือประมาณ 28 ชั่วโมง
กัปตันหมี
ขอบคุณที่ #ช่วยแชร์
Cr: FB กัปตันหมี Take off your Life
Photo: SimpleFlying