อ่านบทบรรณาธิการ ของ Fox sport ที่อัดฟีฟ่าแล้ว ....... ยอดทอง ควรละอายใจบ้างนะครับ

ผมขออนุญาตแปลเป็นไทย  อาจจะตกหล่น และใส่อารมณ์ บ้างต้องของอภัยครับ  อยากให้สุดยอดคอลัมนิสต์เมืองไทยอย่าง ยอดทอง ได้มาอ่านบ้าง  ถ้าเป็นคนไทยจริง ก็ควรละอายใจบ้างนะครับ  ที่ต้องให้ คอลัมนิสต์ฝรั่งอย่าง Mr. Jesse Fink  ทำหน้าที่กระบอกเสียงแทน พี่น้องแฟนบอลชาวไทย.......

http://www.foxsportsasia.com/editorial/news/detail/item984875/Fink:-The-magic-number-of-72/

**** 72 ตัวเลข มหัศจรรย์******

          วิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทยที่อาจจะลงเอยด้วยการถูกอัปเปหิจากวงการลูกหนังโลกครั้งนี้  เห็นจะไม่ใช้เรื่องล้อเล่น
ยังความเดือดดาลใจแก่แฟนบอลที่จับตามองด้วยความห่วงใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ปัญหานี้สามารถหลีกเลี่ยงได้หากทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน

สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดแตกหักเมื่อ ทางสโมสรพัทยา เอฟซี มีคำร้องต่อศาลคัดค้านแผนการลดจำนวนเสียงสมาชิกที่มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกสมาคมฯคนใหม่  จากเดิม 184 เสียง เป็น 72 เสียง

ฟีฟ่าจะว่าไปก็ไม่ต่างจากพวกศักดินานั่งกร่างอยู่บนหอคอยที่ซูริก  แน่นอนว่าไม่ยอมให้ใครมาจี้ให้ต้องตอบคำถาม  มีหรือที่จะสนใจคำสั่งศาลท้องถิ่นบ้านๆ  ซ้ำยังประกาศศักดายื่นคำขาดให้ทาง สโมสรพัทยา เอฟซี ถอนฟ้องเสียมิฉะนั้นบอลไทยจะไม่มีที่ยืนในเวทีโลก

จากจดหมายที่ทาง ฟีฟ่าเขียนถึง นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฯ เนื้อความว่า “การดำเนินการฟ้องศาลปกติทั่วไปของสโมสรนั้นเป็นพฤติกรรมที่ขัดความความเป็นอิสระในการบริหารจัดการของสมาคมฯและบ่อนทำลายอำนาจในการตัดสินใจของสมาชิก”
“เพื่อให้เป็นไปตามการตัดสินใจของคณะกรรมการฟีฟ่า เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556 ทางสมาคมฯจะต้องรับรองใช้ธรรมนูญใหม่ก่อนเท่านั้นถึงจะดำเนินการเลือกตั้งได้ และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน วันที่ 16 กันยายนนี้ หากไม่ดำเนินการตามนี้ทางฟีฟ่าก็จะมีมาตรฐานลงโทษที่เหมาะสมต่อไป”

จะว่าไปแล้ว ผม(บ.ก. Fox sport) คิดว่าทางสโมสรพัทยา เอฟซี ทำถูกต้องแล้ว การต่อสู้เรียกร้องของท่านประธานสโมสร คือ คุณณฐภณ ปัญญาคณานุกูล เป็นการกระทำที่น่ายกย่องและชอบธรรมแล้ว   ก็ในเมื่อไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเรื่องการลดจำนวนสโมสรที่มีสิทธิ์เลือกตั้งว่ามันจำเป็นอย่างไร ซี่งทางสโมสรก็ยืนยันว่าพร้อมจะถอนฟ้องหากทั้งฟีฟ่าและสมาคมฯมีความชัดเจนในเรื่องนี้

ทางทนายอ๊อด ภีมเดช อมรสุคนธ์  ซึ่งเป็นทนายความของสโมสรก็ย้ำว่า “ ทางสโมสรก็ยินดีจะถอนฟ้องหากทางสมาคมฯ เปิดโอกาสให้ถกเถียงในเรื่องจำนวนเสียงสมาชิกเลือกตั้ง ซึ่งดูเหมือนจงใจลดจาก 184 เป็น 72 เสียง  ทางฟีฟ่าก็บอกว่าประเทศสมาชิกมีสิทธิ์ในการกำหนดเสียงสมาชิกเพราะแต่ละประเทศก็มีจำนวนต่างกัน โดยที่ทางฟีฟ่าไม่ได้จำเพาะเจาะจงในการระบุจำนวนตัวเลขสมาชิก”
ฟังๆ ดูก็เหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อมวลสมาชิก แต่ว่ามันดูลุกลี้ลุกลนขาดการวางแผนยังไงชอบกล  ในแง่ที่ว่าทางฝ่ายตรงข้ามของท่านนายกวีวี เขาก็ต้องตั้งแง่ว่า การลดจำนวนเสียงจะช่วยให้ทางฝ่ายบังยีได้เปรียบ เพราะแม่แร่ง เขียนกฏเอง เลือกสมาชิกผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเอง

ฟีฟ่าก็ทำมึนปล่อยให้เรื่องฝุ่นตลบนี้ผ่านไปได้ไงไม่รู้  ทำเหมือนไม่อยากจะรับผิดชอบเชรี่ยไรเลย  สมาคมและบังยีตัวแสบก็มีเวลาปรับปรุงแก้ไขธรรมนูญก่อนหน้านี้ตั้งหลายปี ไม่รู้มัวทำบ้าอะไรกันอยู่  สุดท้ายไฟรนก้นก็แค่พบกับทางคณะกรรมการฟีฟ่าเมื่อ วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมานี้เอง(ตามที่จดหมายฟีฟ่าระบุนะ) แล้วตัวเลข 72 ก็โผล่มาอย่างงงๆ

อย่างกับตัวเลขผีบอกใบ้หวย  ไม่มีคำอธิบายที่กระจ่างชัดเจน  เอาตามที่เล่าลือคร่าวๆ ก็เห็นจะมาจาก  ไทยพรีเมียร์ลีก 18 เสียง ดิวิชัน1  18 เสียง  ส่วนอีก  30 เสียงมาจากลีกภูมิภาค และ 6 เสียงที่เหลือก็มาจากทีมสมัครเล่น  โดยในการแถลงข่าวที่กรุงเทพ คุณพินิจ งามพริ้ง ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมฯ ก็ได้มีการสอบถาม มร.  Thierry Regenass  ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กรจากฟีฟ่า ถึงตัวเลข 72 ว่ามาได้ไง

หนังสือพิมพ์บางกอกโพส เขาก็ลงข่าวว่า พี่เธียรี่ บอกว่า บังยีเป็นคนเสนอมา แต่ก็มีการแก้ข่าวในภายหลังว่า เฮียเธียรี่ ไม่ได้พูดอย่างงั้นทางนักข่าวเข้าใจคลาดเคลื่อน จริงๆ บังยีไม่ได้กำหนด ตัวเลขนี้ได้มาจากการแนะนำของทางฟีฟ่าเพื่อความเหมาะสมแต่ก็ไม่ได้บังคับอะไร   เท่าที่ทราบจากวงในเห็นเขาว่า ทางสโมสรก็ไม่เคยอนุมัติหรือเห็นด้วยเลยก็บตัวเลข 72 นี้ แต่บังยีตีมึน ยกตัวเลขนี้ขึ้นมาหน้าตาเฉย อ้างว่าเป็นเห็นพ้องกันระหว่างสมาคมฯกับทางฟีฟ่า

เอาหัวแม่เท้าคิดดูก็ได้ว่า สโมสรสมาชิกเดิมที่มีสิทธิ์มีเสียงเดิมที่ไหนเขาจะเห็นชอบด้วย บร้าไปแล้ว นี่มันเอาปืนจ่อหัว หรือมัดมือชกกันชัดๆ แล้วใครเขาจะยอม  มันก็เป็นสิทธิ์ของทั้ง 184 เสียงไม่ใช่เหรอที่เขาจะต่อต้านธรรมนูญใหม่ ที่ฟีฟ่าขู่ฟ่อ ๆ จะแบนชาติฟุตบอลที่ถือว่าเป็นเต้ยในแถบเอเชียอาคเนย์หากไม่ยอมรับ 72 เสียง

       ฟีฟ่านี่แหละตัวดีที่สมควรถูกตำหนิจากเรื่องที่วนอยู่ในอ่างครั้งนี้  จริงๆแล้ว ธรรมนูญฟีฟ่าเองก็ไม่ได้ระบุอะไรเลยเรื่องการสรรหากรรมการสมาคมฯ ยิ่งเรื่องจำนวนเสียงยิ่งแล้วใหญ่ไม่ได้ระบุว่าจำนวนเท่าใดเหมาะหรือไม่เหมาะ  ฟีฟ่าไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม่ ตัวเลข 72 ถึงเหมาะสม ทำงานแบบมั่วๆ และปัดสวะอย่างนี้นี่เล่าจึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหาในศึกแย่งชิงอำนาจในวงการฟุตบอลไทยอย่างสิ้นเชิง
    
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณพินิจ เดินเกมส์บุก ร่อนหนังสือท่าน ประธานฟีฟ่า เซปป์ แบลตเตอร์ และพรรคพวกโดยใจความสำคัญระบุว่า “ สังคมฟุตบอลไทยทั่วไป เห็นพ้องด้วยกับธรรมนูญใหม่ทุกข้อ ยกเว้นข้อเดียวคือ จำนวนเสียงโหวตและวิธีการเลือกผู้มีสิทธิ์โหวตมันยังเป็นปัญหาอยู่”

คุณรู้ไหม ฟีฟ่า ตอบว่าไง ??
“เราขอแจ้งให้ทราบว่าทางฟีฟ่าอยู่ภายใต้กรอบและไม่มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของคณะกรรมการฟีฟ่าโดยทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยต้องถือปฏิบัติตามการตัดสินใจดังกล่าว”

แปลง่ายๆ ก็คือ กรูไม่สามารถช่วยอะไรมริงได้  เพราะว่ากรูจะไม่ยอมทำห้าอะไรเลยว่ะ
มันจึงเกิดคำถามตามมาว่า  เพราะอัลลายยยยย?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่