Review+สปอย แบบสุด World war Z หนังที่ประทับใจเกือบทุกองค์ประกอบ
คือได้ไปชมแบบไม่คาดหวังอะไรมาก แต่คราวนี้คิดผิดครับ เป็นทางที่ดีนะครับ อาจจะเห็นต่างจากท่านอื่นขออภัยนะครับ
ผมชอบเรื่องนี้มาก
ตั้งแต่ฉากเปิดตัวแล้ว ภาพคุณพ่อที่ยอมห่างจากงานที่ตัวเองมีทักษะแล้วอยู่กับลูกกับครอบครัว
เป็นหนังซอมบี้วิ่งได้ที่มีดีกว่า ซอมบี้วิ่งได้
การเอาตัวรอดเรื่องนี้สอนได้ดีมาก
และทุกคนเฉลี่ยบทได้ดีเท่าๆกัน
และทุกอย่างมีบทเรียนให้เรียนรู้เสมอ
โทรศัพท์กริ๊งเดียวก็เรียกเหตุการณ์ให้เปลี่ยนได้
เสียงสวดมนต์ที่ดังเกินไปก็ทำให้กำแพงแตก มีซอมบี้เข้ามาได้
ระเบิดเครื่องบินเพื่อเอาซอมบี้ออกจากเครื่องคุณก็จะเห็นจากเรื่องนี้ครับ
เอาเชื้อโรครุนแรงฉีดเข้าตัวเพื่อให้ซอมบี้ไม่สนใจ เป็นเหมือนเกราะคุ้มกันราก็จะเห็นจากเรื่องนี้
เรือรบที่ต้องขนคนออกเพราะว่าพื้นที่ไม่พอคุณก็จะเห็นจากเรื่องนี้
ฉากจบที่พ่อแม่ลูกเจอกันที่โนวาสโกเธีย เป็นฉากจบที่ไม่ค้างคา
พร้อมจะไปต่อกับภาคต่อไปของ world war Z ได้อย่างพอใจเลยครับ มันคือการสู้ของมนุษย์จริงๆ
มันไม่ใช่ทางออกแต่เป็นการซื้อเวลา พร้อมจะคิดหาทางออกที่ดีกว่า ผมว่าผมชอบนะครับเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเลย
พี่แบรด พิตต์เล่นเรื่องนี้ ไม่้ต้องโชว์ ฮีโร้ พลังวิเศษอะไรทั้งนั้น
อดีตเจ้าหน้าที่ UN ที่มีทักษะในการสังเกตุ สีบสวนและรักครอบครัว พร้อมกับกับ การคิดบวก
บทที่ไม่แย่จนเกินไป
คือเรื่องนี้ พี่ มาร์ค ฟอสเตอร์ ทำได้ดีเลยครับ ผมชอบตั้งแต่ พี่บอนด์ quantum of solace แล้วครับ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
Review+สปอย แบบสุด World war Z หนังที่ประทับใจเกือบทุกองค์ประกอบ
คือได้ไปชมแบบไม่คาดหวังอะไรมาก แต่คราวนี้คิดผิดครับ เป็นทางที่ดีนะครับ อาจจะเห็นต่างจากท่านอื่นขออภัยนะครับ
ผมชอบเรื่องนี้มาก
ตั้งแต่ฉากเปิดตัวแล้ว ภาพคุณพ่อที่ยอมห่างจากงานที่ตัวเองมีทักษะแล้วอยู่กับลูกกับครอบครัว
เป็นหนังซอมบี้วิ่งได้ที่มีดีกว่า ซอมบี้วิ่งได้
การเอาตัวรอดเรื่องนี้สอนได้ดีมาก
และทุกคนเฉลี่ยบทได้ดีเท่าๆกัน
และทุกอย่างมีบทเรียนให้เรียนรู้เสมอ
โทรศัพท์กริ๊งเดียวก็เรียกเหตุการณ์ให้เปลี่ยนได้
เสียงสวดมนต์ที่ดังเกินไปก็ทำให้กำแพงแตก มีซอมบี้เข้ามาได้
ระเบิดเครื่องบินเพื่อเอาซอมบี้ออกจากเครื่องคุณก็จะเห็นจากเรื่องนี้ครับ
เอาเชื้อโรครุนแรงฉีดเข้าตัวเพื่อให้ซอมบี้ไม่สนใจ เป็นเหมือนเกราะคุ้มกันราก็จะเห็นจากเรื่องนี้
เรือรบที่ต้องขนคนออกเพราะว่าพื้นที่ไม่พอคุณก็จะเห็นจากเรื่องนี้
ฉากจบที่พ่อแม่ลูกเจอกันที่โนวาสโกเธีย เป็นฉากจบที่ไม่ค้างคา
พร้อมจะไปต่อกับภาคต่อไปของ world war Z ได้อย่างพอใจเลยครับ มันคือการสู้ของมนุษย์จริงๆ
มันไม่ใช่ทางออกแต่เป็นการซื้อเวลา พร้อมจะคิดหาทางออกที่ดีกว่า ผมว่าผมชอบนะครับเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเลย
พี่แบรด พิตต์เล่นเรื่องนี้ ไม่้ต้องโชว์ ฮีโร้ พลังวิเศษอะไรทั้งนั้น
อดีตเจ้าหน้าที่ UN ที่มีทักษะในการสังเกตุ สีบสวนและรักครอบครัว พร้อมกับกับ การคิดบวก
บทที่ไม่แย่จนเกินไป
คือเรื่องนี้ พี่ มาร์ค ฟอสเตอร์ ทำได้ดีเลยครับ ผมชอบตั้งแต่ พี่บอนด์ quantum of solace แล้วครับ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ