สารภาพตามตรง....หากย้อนไปวันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าพันทิพนับครั้งได้
หากจะบอกว่าเข้าวันไหน....นับได้เลยครับ วันไหนที่มีบอลนอกเตะ วันนั้นแหละผมจะเข้ามา อ่านข่าวแล้วก็ออกไปเงียบๆ
จนมาวันหนึ่ง....พันทิพย์ได้เปลี่ยนแปลงระบบครั้งยิ่งใหญ่ โดยเอาชุมชนหนึ่งซึ่งเรียกว่า"จักรยาน"
เข้ามาแย่งพื้นที่ความสนใจในห้องศุภชลาศัยบ้านแห่งฟุตบอลนอกของผม.....
ครั้งแรก......มันกระทู้อะไรนักหนาเนี่ย...!!!!!!!!!!!!!!
ครั้งที่สอง.......มันชักจะเยอะเกินไปแล้วนะ.........
ครั้งที่สาม............ทนไม่ไหวแล้ววววววววววววววว-*-
ครั้งต่อมา.............ไหนลองอ่านดูซิ มันน่าสนใจอะไรนัก........
กระทู้แล้วกระทู้เล่าที่ได้ผ่านเข้ามาในสายตาทำให้ผมเริ่มรู้สึกได้ว่า
"นี่แหละชีวิตส่วนหนึ่งที่เราเคยลืมไป.....ภาพของจักรยานคันแรก แม่บ้านสีแดงที่พ่อซื้อไว้ให้ไปซื้อของ....
คันแรกที่ผมได้ขับร่อนไปเที่ยวบ้าง แอบหนีไปเล่นเกมส์ที่ร้านบ้างก็ผุดขึ้นมาใสความทรงจำ"
กระทู้แล้วกระทู้เล่า "มันทำให้ผมหลงรักห้องจักรยานจนหัวปักหัวปำ" วันไหนไม่ได้เข้ามามันเหมือนชัวิตขาดอะไรไปซักอย่าง
จนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมก็หลงกลเข้าจนได้.....ความอยากบางอย่างมันดลใจให้ผมเดินเข้าแผนกจักรยาน....
แล้วเดินลากมันออกมา แม้ว่าจะเป็นจักรยานราคาแค่ไม่กี่พันบาท แต่จักรยานคันนั้นทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป......
โลกบนหลังอานจักรยาน มันช่างต่างกับโลกของความเร็วที่ผมคุ้นเคยมายิ่งนัก
ทุกๆก้าวที่กดลงบนบันได มันถามผมทุกครั้งว่าผมอยากไปไหน......ผมไปไหวไหม....
โลกที่เคยผ่านไปเป็นเส้นสปีด....มันกลับช้าลง คนรอบข้างที่เดินผ่าน ต้นไม้ที่อยู่ริมถนน นกที่เกาะอยู่ข้างถนน มันกลับเข้ามาในสายตาของผมทั้งที่ผมผ่านมันทุกวันแต่ผมไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย
รปภ.ที่โบกรถให้ผมทุกวัน ผมได้คุยกับเค้ามากขึ้น....คุณตำรวจที่ตั้งด่าน ที่ปกติเห็นจะแทบเป็นศัตรูกัน เค้ายิ้มให้ แล้วบอกผมว่าเดินทางดีๆนะ
เพื่อนๆจักรยานทุกคันที่ผ่าน จะยิ้มให้กล่าวคำทักทายเหมือนเพื่อนสนิท แม้ว่าผมกับเค้าไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยในชีวิต
เมื่อผมถึงจุดหมาย....ไม่ว่ามันจะเป็นแค่เซเว่นปากซอย...ขี่ไปทำงานในบางวัน....หยิบรถออกไปปั่นแบบหาจุดหมายเอาดาบหน้า มันบอกผมว่า ถ้าผมอยากจะทำผมก็ทำได้......
และในคำคืนนี้ คำคืนที่ผมกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต
กับทริปแรกที่ผมได้ปั่นจักรยานร่วมกับคนอื่น...หลังจากตัดสินใจเข้าร่วมทริปในค่ำคืนนี้
ความกังวลหลายอย่างเข้ามาในใจ.....ไปแล้วเป็นคนแปลกหน้าจะเป็นไรไหมนะ...ขี่เป็นกลุ่มๆถ้าเราปั่นไม่ทันจะทำยังไง
ผมกับแฟนปั่นออกจากที่พักคุยกันไปตลอดทาง...ถ้าไม่ไหวเราก็ขอแยกตัวกลับก็ได้เนอะ......
แต่เมื่อผมเข้าถึงที่นัดหมาย....ความกังวลต่างๆมันเลือนหายไปจากสมองผมกับแฟนโดยสิ้น
ทุกคนไม่เคยมองผมเป็นคนแปลกหน้า ยิ้ม ทักทายอย่างมีไมตรี...และต้อนรับเราอย่างอบอุ่น
หลังจากออกสตาร์ทไม่กี่นาที...จักรยานคันใหม่ของแฟน เกิดอุบัติเหตุยางรั่ว.....เอาละสิ...ทำยังไงดี
ผมบอกให้ทุกคนไปก่อนเลย เดี๋ยวผมกลับบ้านกันเองได้ ไม่ต้องห่วง.....ทั้งที่ตัวเองอยากไปต่อ แต่ไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆ
พอทุกคนจากไป....ผมมองหน้าแฟนอยู่นับนาที.....ก่อนจะบอกกันว่าเราเอายังไงกันดี......สู้ไหม...
แฟนผมบอกโดยแทบไม่คิดเลยว่า "อยากไปต่อ"
เท่านั้นเอง...ชุดปะที่ผมซื้อมาตั้งแต่ซื้อรถ ก็ถูกเอามากองลงบนพื้น......ขอบคุณหลายๆกระทู้ที่ผ่านตา ที่มันแวบเข้ามาในสมอง
ทั้งๆที่นี่คือการปะยางครั้งแรกในชีวิตของผม!!!.....แต่ขั้นตอนวิธีการต่างๆมันแทบจะลอยมาในหัวโดยผมไม่ต้องคิดเลยว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
แต่คงเพราะความยังไม่ชำนาญ...ยางปะแผ่นที่ 1 ยังเอาไม่อยู่....แผ่นที่สองก็เสียไป.....เอาไงเอากัน....ลองแผ่นที่ 3 เฮ้!!! มันอยู่แล้ว
ยางถูกใส่กลับเข้าที่อย่างชำนาญ...เหมือนเคยทำมาแล้วนับสิบครั้ง สูบลมเข้าไป...มันพอใช้ได้....แต่จะซึมหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมได้แต่ถามแฟนว่า เอาไงดี.....จะไล่ตาม...หรือจะประคองกลับบ้าน
อีกครั้งที่เธอตอบอย่างรวดเร็ว...."เราไปดักรอที่ไหนได้บ้าง....เราตั้งใจมา เราต้องไปต่อ"
ผมกับแฟนปั่นย้อนเส้นทางที่ทริปน่าจะผ่าน เพื่อหวังว่าถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจหยุดรอที่หน้าเวทีราชดำเนิน
มีจักรยานหลายกลุ่มแล่นฉิวผ่านไป แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มที่ผมเฝ้ารอ....จนเราเริ่มถามกันว่า กลับกันดีไหม.....
ณ วินาทีนั้น ผมกลับมองไปที่สี่แยกครั้งสุดท้าย แล้วบอกกับตัวเองว่า ถ้ากลุ่มที่ติดไฟแดงอยู่นั่นไม่ใช่ ผมคงตัดใจกลับแล้ว
และความหวังของผมก็เป็นจริง....แม้เราจะได้เห็นหน้ากันไม่กี่นาที แม้ว่าผมยังแทบจำชื่อไม่ได้ทุกคน แต่พอเจอหน้ากัน
ทุกคนกลับแสดงความดีใจจากใจจริงที่ผมกับแฟนกลับเข้ามาร่วมทริปได้....คำทักทาย และคำแนะนำต่างๆ ความเป็นห่วง
ความชื่นชม ลอยมาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้สุดท้ายแม่เราจะคลาดจากกันในตอนต้น ผมและแฟนก็ดีใจที่เราสามารถกลับไปร่วมทริปได้จนจบ
ณ วันนี้ ณ เวลานี้ ผมอยากขอบคุณทุกคน ทั้งที่ผมจำได้และจำไม่ได้...ทั้งที่เราได้คุยกัน หรือแม้แต่จะเห็นหน้ากันผ่านๆก็ตาม
ขอบคุณพันทิพที่ทำให้โลกวัยเลขสามของผมเปลี่ยนไป...ได้มีความหมาย ได้มีมิตรภาพใหม่ๆ...ได้ค้นพบตัวเองที่ได้ลืมเลือนไป
ขอบคุณคนข้างๆที่ตัดสินใจให้เราได้มาในวันนี้...
แล้วพบกันใหม่นะครับทุกๆคน ^___________________^
ขอบคุณพันทิพ...ที่ทำให้ผมมีวันนี้
สารภาพตามตรง....หากย้อนไปวันนี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าพันทิพนับครั้งได้
หากจะบอกว่าเข้าวันไหน....นับได้เลยครับ วันไหนที่มีบอลนอกเตะ วันนั้นแหละผมจะเข้ามา อ่านข่าวแล้วก็ออกไปเงียบๆ
จนมาวันหนึ่ง....พันทิพย์ได้เปลี่ยนแปลงระบบครั้งยิ่งใหญ่ โดยเอาชุมชนหนึ่งซึ่งเรียกว่า"จักรยาน"
เข้ามาแย่งพื้นที่ความสนใจในห้องศุภชลาศัยบ้านแห่งฟุตบอลนอกของผม.....
ครั้งแรก......มันกระทู้อะไรนักหนาเนี่ย...!!!!!!!!!!!!!!
ครั้งที่สอง.......มันชักจะเยอะเกินไปแล้วนะ.........
ครั้งที่สาม............ทนไม่ไหวแล้ววววววววววววววว-*-
ครั้งต่อมา.............ไหนลองอ่านดูซิ มันน่าสนใจอะไรนัก........
กระทู้แล้วกระทู้เล่าที่ได้ผ่านเข้ามาในสายตาทำให้ผมเริ่มรู้สึกได้ว่า
"นี่แหละชีวิตส่วนหนึ่งที่เราเคยลืมไป.....ภาพของจักรยานคันแรก แม่บ้านสีแดงที่พ่อซื้อไว้ให้ไปซื้อของ....
คันแรกที่ผมได้ขับร่อนไปเที่ยวบ้าง แอบหนีไปเล่นเกมส์ที่ร้านบ้างก็ผุดขึ้นมาใสความทรงจำ"
กระทู้แล้วกระทู้เล่า "มันทำให้ผมหลงรักห้องจักรยานจนหัวปักหัวปำ" วันไหนไม่ได้เข้ามามันเหมือนชัวิตขาดอะไรไปซักอย่าง
จนต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมก็หลงกลเข้าจนได้.....ความอยากบางอย่างมันดลใจให้ผมเดินเข้าแผนกจักรยาน....
แล้วเดินลากมันออกมา แม้ว่าจะเป็นจักรยานราคาแค่ไม่กี่พันบาท แต่จักรยานคันนั้นทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป......
โลกบนหลังอานจักรยาน มันช่างต่างกับโลกของความเร็วที่ผมคุ้นเคยมายิ่งนัก
ทุกๆก้าวที่กดลงบนบันได มันถามผมทุกครั้งว่าผมอยากไปไหน......ผมไปไหวไหม....
โลกที่เคยผ่านไปเป็นเส้นสปีด....มันกลับช้าลง คนรอบข้างที่เดินผ่าน ต้นไม้ที่อยู่ริมถนน นกที่เกาะอยู่ข้างถนน มันกลับเข้ามาในสายตาของผมทั้งที่ผมผ่านมันทุกวันแต่ผมไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย
รปภ.ที่โบกรถให้ผมทุกวัน ผมได้คุยกับเค้ามากขึ้น....คุณตำรวจที่ตั้งด่าน ที่ปกติเห็นจะแทบเป็นศัตรูกัน เค้ายิ้มให้ แล้วบอกผมว่าเดินทางดีๆนะ
เพื่อนๆจักรยานทุกคันที่ผ่าน จะยิ้มให้กล่าวคำทักทายเหมือนเพื่อนสนิท แม้ว่าผมกับเค้าไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยในชีวิต
เมื่อผมถึงจุดหมาย....ไม่ว่ามันจะเป็นแค่เซเว่นปากซอย...ขี่ไปทำงานในบางวัน....หยิบรถออกไปปั่นแบบหาจุดหมายเอาดาบหน้า มันบอกผมว่า ถ้าผมอยากจะทำผมก็ทำได้......
และในคำคืนนี้ คำคืนที่ผมกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต
กับทริปแรกที่ผมได้ปั่นจักรยานร่วมกับคนอื่น...หลังจากตัดสินใจเข้าร่วมทริปในค่ำคืนนี้
ความกังวลหลายอย่างเข้ามาในใจ.....ไปแล้วเป็นคนแปลกหน้าจะเป็นไรไหมนะ...ขี่เป็นกลุ่มๆถ้าเราปั่นไม่ทันจะทำยังไง
ผมกับแฟนปั่นออกจากที่พักคุยกันไปตลอดทาง...ถ้าไม่ไหวเราก็ขอแยกตัวกลับก็ได้เนอะ......
แต่เมื่อผมเข้าถึงที่นัดหมาย....ความกังวลต่างๆมันเลือนหายไปจากสมองผมกับแฟนโดยสิ้น
ทุกคนไม่เคยมองผมเป็นคนแปลกหน้า ยิ้ม ทักทายอย่างมีไมตรี...และต้อนรับเราอย่างอบอุ่น
หลังจากออกสตาร์ทไม่กี่นาที...จักรยานคันใหม่ของแฟน เกิดอุบัติเหตุยางรั่ว.....เอาละสิ...ทำยังไงดี
ผมบอกให้ทุกคนไปก่อนเลย เดี๋ยวผมกลับบ้านกันเองได้ ไม่ต้องห่วง.....ทั้งที่ตัวเองอยากไปต่อ แต่ไม่อยากเป็นภาระของคนอื่นๆ
พอทุกคนจากไป....ผมมองหน้าแฟนอยู่นับนาที.....ก่อนจะบอกกันว่าเราเอายังไงกันดี......สู้ไหม...
แฟนผมบอกโดยแทบไม่คิดเลยว่า "อยากไปต่อ"
เท่านั้นเอง...ชุดปะที่ผมซื้อมาตั้งแต่ซื้อรถ ก็ถูกเอามากองลงบนพื้น......ขอบคุณหลายๆกระทู้ที่ผ่านตา ที่มันแวบเข้ามาในสมอง
ทั้งๆที่นี่คือการปะยางครั้งแรกในชีวิตของผม!!!.....แต่ขั้นตอนวิธีการต่างๆมันแทบจะลอยมาในหัวโดยผมไม่ต้องคิดเลยว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง
แต่คงเพราะความยังไม่ชำนาญ...ยางปะแผ่นที่ 1 ยังเอาไม่อยู่....แผ่นที่สองก็เสียไป.....เอาไงเอากัน....ลองแผ่นที่ 3 เฮ้!!! มันอยู่แล้ว
ยางถูกใส่กลับเข้าที่อย่างชำนาญ...เหมือนเคยทำมาแล้วนับสิบครั้ง สูบลมเข้าไป...มันพอใช้ได้....แต่จะซึมหรือเปล่าก็ไม่รู้
ผมได้แต่ถามแฟนว่า เอาไงดี.....จะไล่ตาม...หรือจะประคองกลับบ้าน
อีกครั้งที่เธอตอบอย่างรวดเร็ว...."เราไปดักรอที่ไหนได้บ้าง....เราตั้งใจมา เราต้องไปต่อ"
ผมกับแฟนปั่นย้อนเส้นทางที่ทริปน่าจะผ่าน เพื่อหวังว่าถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจหยุดรอที่หน้าเวทีราชดำเนิน
มีจักรยานหลายกลุ่มแล่นฉิวผ่านไป แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มที่ผมเฝ้ารอ....จนเราเริ่มถามกันว่า กลับกันดีไหม.....
ณ วินาทีนั้น ผมกลับมองไปที่สี่แยกครั้งสุดท้าย แล้วบอกกับตัวเองว่า ถ้ากลุ่มที่ติดไฟแดงอยู่นั่นไม่ใช่ ผมคงตัดใจกลับแล้ว
และความหวังของผมก็เป็นจริง....แม้เราจะได้เห็นหน้ากันไม่กี่นาที แม้ว่าผมยังแทบจำชื่อไม่ได้ทุกคน แต่พอเจอหน้ากัน
ทุกคนกลับแสดงความดีใจจากใจจริงที่ผมกับแฟนกลับเข้ามาร่วมทริปได้....คำทักทาย และคำแนะนำต่างๆ ความเป็นห่วง
ความชื่นชม ลอยมาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้สุดท้ายแม่เราจะคลาดจากกันในตอนต้น ผมและแฟนก็ดีใจที่เราสามารถกลับไปร่วมทริปได้จนจบ
ณ วันนี้ ณ เวลานี้ ผมอยากขอบคุณทุกคน ทั้งที่ผมจำได้และจำไม่ได้...ทั้งที่เราได้คุยกัน หรือแม้แต่จะเห็นหน้ากันผ่านๆก็ตาม
ขอบคุณพันทิพที่ทำให้โลกวัยเลขสามของผมเปลี่ยนไป...ได้มีความหมาย ได้มีมิตรภาพใหม่ๆ...ได้ค้นพบตัวเองที่ได้ลืมเลือนไป
ขอบคุณคนข้างๆที่ตัดสินใจให้เราได้มาในวันนี้...
แล้วพบกันใหม่นะครับทุกๆคน ^___________________^