ชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือน ประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังประสบปัญหาความยากจนอยู่ ความมุ่งหวังของรัฐบาลยิ่งลักษณ์คือให้ความเห็นอกเห็นใจแก่ชาวนา และต้องการยกระดับรายได้ของชาวนา คือ สิ่งสำคัญที่สุด
โครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลนี้ถือเป็นโครงการที่ต้องการทำให้ชาวนาขายข้าวได้ในราคาที่ไม่ขาดทุนและมีกำไรพอที่จะมีเงินเหลือไว้สำหรับใช้หนี้สิน ที่ในอดีตที่ผ่านมา อาชีพชาวนาเป็นอาชีพยิ่งปลูกข้าวยิ่งจน เพราะราคาตามกลไกตลาดข้าวอยู่ที่ 5-6 พันบาทเท่านั้น
แม้โครงการจำนำข้าวจะดีอย่างไร ก็ย่อมจุดอ่อน เช่น ชาวนาถูกโกงความชื้นจากโรงสีบางแห่ง และการออกใบประทวนล่าช้า
ข่าวการลดราคารับจำนำว่า ชาวนาหลายคนบอกคงไม่มีใครยอม หากรัฐบาลไปไม่ไหว ทางเลือกช่วยชาวนาให้อยู่ได้ ไม่ขาดทุน โดยเสนอ 3 แนวทาง คือ
1.ตัดทิ้งจำนำ ‘ทุกเมล็ด’ เปลี่ยนไปใช้โคตาระหว่างครัวเรือน ตั้งวงเงินในครัวเรือน ในสมัยสมัคร สุนทรเวชเคยทำมาแล้ว ตั้งวงเงินครัวเรือนละ 4 แสน
2.หากถึงทางตันจริงๆ ชาวนายอมรับได้ให้ลดราคาลงจาก 15,000 บาท เป็น 10,000 บาท แต่กำหนดความชื้นที่ 25-27 %
หากเป็นความชื้นที่ 15 % ต้องกำหนดอีกราคาหนึ่ง
3.ทำเป็น 2 ระบบ โดยเปิดโครงการรับจำนำในส่วนภาคกลาง ส่วนภาคอีสานเปิดโครงการประกันรายได้ โดยเอาข้าวไปขายโรงสีไหนก็ได้ ไม่มีขอบเขต
วิธีแก้ไขอีกทางคือ การใช้บัตรเครดิตเกษตรกร เพื่อชดเชยเป็นค่าปัจจัยการผลิต เช่น การเตรียมดิน พันธุ์ข้าว ค่าจ้างเก็บเกี่ยว ฯลฯ จ่ายเข้าบัญชีเกษตรกรไปเลยได้
การระบายข้าว หากรัฐบาลไม่อยากทำตามความผิดพลาดที่ประชาธิปัตย์ทำไว้ ก็ควรจะซื้อข้าวเข้ามาแล้วรีบประมูลออกไปสู่ตลาด ในรูปแบบแลกข้าวกับสินค้า คล้ายสมัยทักษิณเอาข้าวแลกอาวุธกับรัสเซีย
ส่วนการจำกัดปริมาณการรับซื้อข้าว เป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะจะเป็นการให้อำนาจโรงสีอยู่เหนือชาวนา สามารถกดราคาชาวนาได้
มีโคตาไม่ควรเป็น 30-20% ของผลผลิตของแต่ละจังหวัด และไม่ใช่เพดานที่ตั้งขึ้นมาแล้วให้สิทธิ์โรงสีเลือกเองว่าจะซื้อแบบไหนก็ได้
TDRI กล่าวว่า การดำเนินนโยบายข้าวในสมัยประชาธิปัตย์ ปีแรกใช้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ปีถัดมาใช้เงินประมาณ 70,000 ล้านบาท และตอนหาเสียงมีการระบุว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มกำไรให้ชาวนาเป็น 40% ดังนั้น ถ้ารอบนี้ประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล งบที่ใช้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 แสนล้านบาทเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ งบที่ใช้จริงจะขึ้นกับส่วนต่างของราคาประกันกับราคาตลาดโลกในขณะนั้น
จำนำข้าวแม้ขาดทุนเพราะตั้งราคาข้าวสูงกว่าตลาดโลก แม้ขายข้าวราคาถูกว่า และขาดทุน ก็ยังมีเงินกลับมาได้
แต่ประกันราคาข้าว ตั้งราคากดราคาชาวนา ปล่อยให้ โรงสี คนส่งของข้าว โกงกันสะดือบวม
แต่ได้แค่ยินดีที่ว่า ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นที่หนึ่งในโลก แล้วทำไมถึงชาวนาไม่เอานโยบายประกันราคาข้าวละ ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็ขาดทุนเหมือนกัน
จำนำข้าว ประกันราคาข้าว เอาไงดี ในเมื่อเจ๊งพอๆ กัน แต่ผมว่าจำนำดีกว่า
โครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลนี้ถือเป็นโครงการที่ต้องการทำให้ชาวนาขายข้าวได้ในราคาที่ไม่ขาดทุนและมีกำไรพอที่จะมีเงินเหลือไว้สำหรับใช้หนี้สิน ที่ในอดีตที่ผ่านมา อาชีพชาวนาเป็นอาชีพยิ่งปลูกข้าวยิ่งจน เพราะราคาตามกลไกตลาดข้าวอยู่ที่ 5-6 พันบาทเท่านั้น
แม้โครงการจำนำข้าวจะดีอย่างไร ก็ย่อมจุดอ่อน เช่น ชาวนาถูกโกงความชื้นจากโรงสีบางแห่ง และการออกใบประทวนล่าช้า
ข่าวการลดราคารับจำนำว่า ชาวนาหลายคนบอกคงไม่มีใครยอม หากรัฐบาลไปไม่ไหว ทางเลือกช่วยชาวนาให้อยู่ได้ ไม่ขาดทุน โดยเสนอ 3 แนวทาง คือ
1.ตัดทิ้งจำนำ ‘ทุกเมล็ด’ เปลี่ยนไปใช้โคตาระหว่างครัวเรือน ตั้งวงเงินในครัวเรือน ในสมัยสมัคร สุนทรเวชเคยทำมาแล้ว ตั้งวงเงินครัวเรือนละ 4 แสน
2.หากถึงทางตันจริงๆ ชาวนายอมรับได้ให้ลดราคาลงจาก 15,000 บาท เป็น 10,000 บาท แต่กำหนดความชื้นที่ 25-27 %
หากเป็นความชื้นที่ 15 % ต้องกำหนดอีกราคาหนึ่ง
3.ทำเป็น 2 ระบบ โดยเปิดโครงการรับจำนำในส่วนภาคกลาง ส่วนภาคอีสานเปิดโครงการประกันรายได้ โดยเอาข้าวไปขายโรงสีไหนก็ได้ ไม่มีขอบเขต
วิธีแก้ไขอีกทางคือ การใช้บัตรเครดิตเกษตรกร เพื่อชดเชยเป็นค่าปัจจัยการผลิต เช่น การเตรียมดิน พันธุ์ข้าว ค่าจ้างเก็บเกี่ยว ฯลฯ จ่ายเข้าบัญชีเกษตรกรไปเลยได้
การระบายข้าว หากรัฐบาลไม่อยากทำตามความผิดพลาดที่ประชาธิปัตย์ทำไว้ ก็ควรจะซื้อข้าวเข้ามาแล้วรีบประมูลออกไปสู่ตลาด ในรูปแบบแลกข้าวกับสินค้า คล้ายสมัยทักษิณเอาข้าวแลกอาวุธกับรัสเซีย
ส่วนการจำกัดปริมาณการรับซื้อข้าว เป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะจะเป็นการให้อำนาจโรงสีอยู่เหนือชาวนา สามารถกดราคาชาวนาได้
มีโคตาไม่ควรเป็น 30-20% ของผลผลิตของแต่ละจังหวัด และไม่ใช่เพดานที่ตั้งขึ้นมาแล้วให้สิทธิ์โรงสีเลือกเองว่าจะซื้อแบบไหนก็ได้
TDRI กล่าวว่า การดำเนินนโยบายข้าวในสมัยประชาธิปัตย์ ปีแรกใช้เงินประมาณ 50,000 ล้านบาท ปีถัดมาใช้เงินประมาณ 70,000 ล้านบาท และตอนหาเสียงมีการระบุว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มกำไรให้ชาวนาเป็น 40% ดังนั้น ถ้ารอบนี้ประชาธิปัตย์เข้ามาเป็นรัฐบาล งบที่ใช้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 แสนล้านบาทเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ งบที่ใช้จริงจะขึ้นกับส่วนต่างของราคาประกันกับราคาตลาดโลกในขณะนั้น
จำนำข้าวแม้ขาดทุนเพราะตั้งราคาข้าวสูงกว่าตลาดโลก แม้ขายข้าวราคาถูกว่า และขาดทุน ก็ยังมีเงินกลับมาได้
แต่ประกันราคาข้าว ตั้งราคากดราคาชาวนา ปล่อยให้ โรงสี คนส่งของข้าว โกงกันสะดือบวม
แต่ได้แค่ยินดีที่ว่า ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นที่หนึ่งในโลก แล้วทำไมถึงชาวนาไม่เอานโยบายประกันราคาข้าวละ ทั้งๆ ที่รัฐบาลก็ขาดทุนเหมือนกัน