คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ตามที่ #3 ว่าไว้ครับ คือคุณต้องเริ่มจากตีมูลค่าธุรกิจของคุณก่อน
วิธีการตีมูลค่าของกิจการ ถ้าคิดง่าย ๆ มันก็แบ่งได้ 2 แบบ
1. ดูจากสินทรัพย์ของกิจการ (แบบเก่า)
2. ดูจากความสามารถในการทำกำไรของกิจการ (แบบใหม่)
ผมแนะนำให้ใช้วิธีที่ 2 ครับ
ทีนี้ คุณคิดว่ากิจการของคุณ ควรมีมูลค่ากี่เท่าของกำไรต่อปี คุณก็ตั้งตัวเลขขึ้นมาให้ได้
สมมติว่ากำไรตามข้อมูลของคุณ ปีละ = 20 (กำไรต่อชิ้นหลังหักค่าบริหาร) x 4230 x 12 = 1 ล้านบาท
คุณอาจจะบอกน้องชายแฟนคุณว่า ในเมื่อกิจการทำกำไรได้ปีละ 1 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าของมันควรจะอยู่ที่ 4-5 เท่าของกำไร
นั่นคือประมาณ 5 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท
แต่ว่ากิจการคุณมีมูลค่า 5 ล้านบาทครับ (หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่คุณ)
สมมติว่ากิจการคุณมี 100 หุ้น และมีมูลค่า 5 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าหุ้นจะอยู่ที่ 5 หมื่นบาทต่อหุ้น
การที่น้องชายแฟนเอาเงินมาลงทุน 1 ล้านบาท เท่ากับเค้าซื้อหุ้นจากคุณได้ประมาณ 20% เท่านั้น
ทีนี้ มามองที่กำไรสุทธิ 1 ล้านบาทต่อปี สำหรับเงินลงทุน 1 ล้านบาทของน้องชาย ที่ซื้อหุ้นได้ 20%
กำไร 1 ล้านบาทที่ว่า คือกำไรสุทธิหลังหักต้นทุนสินค้า และค่าใช้จ่ายในการบริหารของคุณ (10 บาทจาก 30 บาท) ออกไปแล้ว
โดยทั่วไป เมื่อมีกำไร ก็ต้องกันส่วนหนึ่งไว้ลงทุนต่อในอนาคต เพื่อผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และส่วนที่เหลือ ปันผลลงสู่ผู้ถือหุ้น สมมติ 50:50
ดังนั้น กำไร 1 ล้านบาทต่อปี หุ้น 100 หุ้น ปันผล 50% ของกำไรสุทธิ
เท่ากับ 1 หุ้น จะได้เงินปันผลต่อปี = 5 พันบาทต่อหุ้น
น้องแฟนคุณมี 20% หรือ 20 หุ้น ดังนั้นจะได้ปันผลให้แม่แฟน = 1 แสนบาทต่อปี
เงินลงทุน 1 ล้านบาท ได้กำไรจากกิจการรวม 2 แสนบาทต่อปี
ได้ปันผลที่คิดจาก 50% ของกำไร = 10% ต่อปีของเงินลงทุน เป็นจำนวน 1 แสนบาทต่อปี ผมว่าหาที่ไหนไม่ได้
ในตลาดหลักทรัพย์ ณ เวลานี้ ก็หาไม่ได้ ดังนั้นน่าจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสม
ส่วนคุณกับแฟน มีหุ้น 80% ก็จะได้ 4 แสนบาทต่อปี
บวกกับค่าบริหารกิจการ (เงินเดือน) อีก 5 แสนบาทต่อปี เท่ากับ 9 แสนบาทต่อปี
คุณและแฟนจะมีรายได้จากการเป็นผู้บริหารกิจการ และเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้น = 500,000 + 400,000 = 900,000 บาทต่อปี
ผมว่าวิธีนี้เหมาะสมที่สุดแล้วครับ
เพียงแต่คุณและแฟนคุณก็จะต้องมีคุณธรรม ที่จะรักษากิจการให้เจริญรุ่งเรือง
ไม่ให้น้องชายคุณมองได้ว่า คุณเอาเงินเค้ามาแล้ว แต่ไม่ใส่ใจในการบริหารกิจการให้ดี หรือเอาเปรียบเค้า นะครับ
วิธีการตีมูลค่าของกิจการ ถ้าคิดง่าย ๆ มันก็แบ่งได้ 2 แบบ
1. ดูจากสินทรัพย์ของกิจการ (แบบเก่า)
2. ดูจากความสามารถในการทำกำไรของกิจการ (แบบใหม่)
ผมแนะนำให้ใช้วิธีที่ 2 ครับ
ทีนี้ คุณคิดว่ากิจการของคุณ ควรมีมูลค่ากี่เท่าของกำไรต่อปี คุณก็ตั้งตัวเลขขึ้นมาให้ได้
สมมติว่ากำไรตามข้อมูลของคุณ ปีละ = 20 (กำไรต่อชิ้นหลังหักค่าบริหาร) x 4230 x 12 = 1 ล้านบาท
คุณอาจจะบอกน้องชายแฟนคุณว่า ในเมื่อกิจการทำกำไรได้ปีละ 1 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าของมันควรจะอยู่ที่ 4-5 เท่าของกำไร
นั่นคือประมาณ 5 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าคุณจะมีเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 500,000 บาท
แต่ว่ากิจการคุณมีมูลค่า 5 ล้านบาทครับ (หรืออาจจะน้อยกว่านั้นก็แล้วแต่คุณ)
สมมติว่ากิจการคุณมี 100 หุ้น และมีมูลค่า 5 ล้านบาท ดังนั้นมูลค่าหุ้นจะอยู่ที่ 5 หมื่นบาทต่อหุ้น
การที่น้องชายแฟนเอาเงินมาลงทุน 1 ล้านบาท เท่ากับเค้าซื้อหุ้นจากคุณได้ประมาณ 20% เท่านั้น
ทีนี้ มามองที่กำไรสุทธิ 1 ล้านบาทต่อปี สำหรับเงินลงทุน 1 ล้านบาทของน้องชาย ที่ซื้อหุ้นได้ 20%
กำไร 1 ล้านบาทที่ว่า คือกำไรสุทธิหลังหักต้นทุนสินค้า และค่าใช้จ่ายในการบริหารของคุณ (10 บาทจาก 30 บาท) ออกไปแล้ว
โดยทั่วไป เมื่อมีกำไร ก็ต้องกันส่วนหนึ่งไว้ลงทุนต่อในอนาคต เพื่อผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และส่วนที่เหลือ ปันผลลงสู่ผู้ถือหุ้น สมมติ 50:50
ดังนั้น กำไร 1 ล้านบาทต่อปี หุ้น 100 หุ้น ปันผล 50% ของกำไรสุทธิ
เท่ากับ 1 หุ้น จะได้เงินปันผลต่อปี = 5 พันบาทต่อหุ้น
น้องแฟนคุณมี 20% หรือ 20 หุ้น ดังนั้นจะได้ปันผลให้แม่แฟน = 1 แสนบาทต่อปี
เงินลงทุน 1 ล้านบาท ได้กำไรจากกิจการรวม 2 แสนบาทต่อปี
ได้ปันผลที่คิดจาก 50% ของกำไร = 10% ต่อปีของเงินลงทุน เป็นจำนวน 1 แสนบาทต่อปี ผมว่าหาที่ไหนไม่ได้
ในตลาดหลักทรัพย์ ณ เวลานี้ ก็หาไม่ได้ ดังนั้นน่าจะเป็นตัวเลขที่เหมาะสม
ส่วนคุณกับแฟน มีหุ้น 80% ก็จะได้ 4 แสนบาทต่อปี
บวกกับค่าบริหารกิจการ (เงินเดือน) อีก 5 แสนบาทต่อปี เท่ากับ 9 แสนบาทต่อปี
คุณและแฟนจะมีรายได้จากการเป็นผู้บริหารกิจการ และเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้น = 500,000 + 400,000 = 900,000 บาทต่อปี
ผมว่าวิธีนี้เหมาะสมที่สุดแล้วครับ
เพียงแต่คุณและแฟนคุณก็จะต้องมีคุณธรรม ที่จะรักษากิจการให้เจริญรุ่งเรือง
ไม่ให้น้องชายคุณมองได้ว่า คุณเอาเงินเค้ามาแล้ว แต่ไม่ใส่ใจในการบริหารกิจการให้ดี หรือเอาเปรียบเค้า นะครับ
แสดงความคิดเห็น
ขอปรึกษานักบัญชี เจ้าของธุรกิจ เรื่องการแบ่งผลกำไร ให้กับหุ้นส่วน (มือใหม่จริงๆค่ะ)