สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
+1 ค่ะ
เรามองว่าการมีครอบครัว การมีลูก คือการเดิมพันที่สูงและไม่มีวันรู้ว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงรึเปล่าค่ะ
ตั้งแต่เด็กๆ เราเห็นแม่เราที่ไม่ว่าทำงานเหนื่อยขนาดไหน แต่ก็ยังทำกับข้าวให้ลูกกินทุกมื้อ
บางวันถึงกับเกือบเป็นลมตายหน้าเตา ก็ยังจะทำให้ได้ เพราะเค้าไม่เชื่อว่าอาหารข้างนอกจะดีพอสำหรับลูกเค้า
แม่เราเหนื่อยมาทั้งชีวิต ปากบอกว่าลูกโตเมื่อไหร่แม่จะพัก
แต่ไม่ว่าลูกจะโตขนาดไหน เค้าก็ไม่ยอมหยุดพักอยู่ดี เพราะเค้ายังรักยังห่วงไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงก็ตาม
เราเห็นน้าเราเป็นใหญ่เป็นโตมีหน้ามีตาในสังคม หยิ่งมากไม่เคยก้มหัวให้ใครเลย
แต่ในหน้าที่แม่เค้ายอมถึงขนาดก้มลงไปใส่ถุงเท้าให้ลูกก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า
ทั้งแม้ทั้งน้าเราเค้าบอกว่าเค้ามีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น แต่สิ่งที่เราเห็นในฐานะคนที่มองเข้าไปจากภายนอกคือ ความต้องรับผิดชอบ แล้วก็ทุกข์หนักๆที่มาพร้อมกันกับความสุขเล็กๆน้อยๆนั้น
- เราเห็นผู้หญิงที่ต้องเป็นทาสลูกและสามี สูญเสียอิสรภาพหลายๆอย่างในชีวิต แม้เค้าจะเต็มใจ
- เราเห็นการต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กคนนึงให้เติมโตขึ้นมาเป็นคนดีในสังคมที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้
- ที่สำคัญที่สุดคือ เราเห็นความทุกข์ทรมาณจากการตั้งความหวังแล้วไม่สมหวังเวลาลูกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจค่ะ ครั้นจะให้ปล่อยวาง ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม กับลูกที่เลี้ยงมาเกือบจะทั้งชีวิต เราว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
เราเห็นคนรอบตัวมาหลายรูปแบบค่ะ ใครจะรู้อยู่ๆสามีที่ดีอาจจะกลายร่างเป็นคนละคน
ลูกที่เราประคบประหงมอาจจะตายก่อนโต
แล้วทุกวันนี้การจะเลี้ยงลูกให้อยู่รอดปลอดภัยก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
เราไม่ชอบอะไรที่มันคอลโทรลไม่ได้ โดยเฉพาะจิตใจคนอื่น
เราเลยขอเลือกจะควบคุมจัดการกับจิตใจตัวเองคนเดียวดีกว่า
จริงๆไม่ใช่ว่าไม่อยากมีใครมาเดินข้างๆนะคะ เราก็อยากมีเพื่อนร่วมชีวิต แม่เราก็อยากให้แต่งงาน
แต่เราเป็นคนไม่ชอบใช้ชีวิตบนความเสี่ยง เราเลยตั้งเสป็คผู้ชายไว้สูงมากกกกกกก (เอาไว้อ้างกับแม่)
ถ้ามันจะต้องเสี่ยงก็ขอให้เสี่ยงไปกับอะไรที่มันน่าเสี่ยงจริงๆ
ถ้าไม่ใช่ตามที่คิดไว้ทุกประการ(ซึ่งมันไม่มีทางได้อยู่แล้ว -_-)ขออยู่คนเดียวดีกว่า
เพราะทุกวันนี้เรามีชีวิตที่ดี มีความสุขกับตัวเอง มีครอบครัวที่อบอุ่น ชอบการทำอะไรคนเดียว
ดูแลตัวเองได้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องการอะไรอีก
เรามองว่าการมีครอบครัว การมีลูก คือการเดิมพันที่สูงและไม่มีวันรู้ว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงรึเปล่าค่ะ
ตั้งแต่เด็กๆ เราเห็นแม่เราที่ไม่ว่าทำงานเหนื่อยขนาดไหน แต่ก็ยังทำกับข้าวให้ลูกกินทุกมื้อ
บางวันถึงกับเกือบเป็นลมตายหน้าเตา ก็ยังจะทำให้ได้ เพราะเค้าไม่เชื่อว่าอาหารข้างนอกจะดีพอสำหรับลูกเค้า
แม่เราเหนื่อยมาทั้งชีวิต ปากบอกว่าลูกโตเมื่อไหร่แม่จะพัก
แต่ไม่ว่าลูกจะโตขนาดไหน เค้าก็ไม่ยอมหยุดพักอยู่ดี เพราะเค้ายังรักยังห่วงไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงก็ตาม
เราเห็นน้าเราเป็นใหญ่เป็นโตมีหน้ามีตาในสังคม หยิ่งมากไม่เคยก้มหัวให้ใครเลย
แต่ในหน้าที่แม่เค้ายอมถึงขนาดก้มลงไปใส่ถุงเท้าให้ลูกก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า
ทั้งแม้ทั้งน้าเราเค้าบอกว่าเค้ามีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น แต่สิ่งที่เราเห็นในฐานะคนที่มองเข้าไปจากภายนอกคือ ความต้องรับผิดชอบ แล้วก็ทุกข์หนักๆที่มาพร้อมกันกับความสุขเล็กๆน้อยๆนั้น
- เราเห็นผู้หญิงที่ต้องเป็นทาสลูกและสามี สูญเสียอิสรภาพหลายๆอย่างในชีวิต แม้เค้าจะเต็มใจ
- เราเห็นการต้องรับผิดชอบชีวิตเด็กคนนึงให้เติมโตขึ้นมาเป็นคนดีในสังคมที่มีแต่อะไรก็ไม่รู้
- ที่สำคัญที่สุดคือ เราเห็นความทุกข์ทรมาณจากการตั้งความหวังแล้วไม่สมหวังเวลาลูกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจค่ะ ครั้นจะให้ปล่อยวาง ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม กับลูกที่เลี้ยงมาเกือบจะทั้งชีวิต เราว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
เราเห็นคนรอบตัวมาหลายรูปแบบค่ะ ใครจะรู้อยู่ๆสามีที่ดีอาจจะกลายร่างเป็นคนละคน
ลูกที่เราประคบประหงมอาจจะตายก่อนโต
แล้วทุกวันนี้การจะเลี้ยงลูกให้อยู่รอดปลอดภัยก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย
เราไม่ชอบอะไรที่มันคอลโทรลไม่ได้ โดยเฉพาะจิตใจคนอื่น
เราเลยขอเลือกจะควบคุมจัดการกับจิตใจตัวเองคนเดียวดีกว่า
จริงๆไม่ใช่ว่าไม่อยากมีใครมาเดินข้างๆนะคะ เราก็อยากมีเพื่อนร่วมชีวิต แม่เราก็อยากให้แต่งงาน
แต่เราเป็นคนไม่ชอบใช้ชีวิตบนความเสี่ยง เราเลยตั้งเสป็คผู้ชายไว้สูงมากกกกกกก (เอาไว้อ้างกับแม่)
ถ้ามันจะต้องเสี่ยงก็ขอให้เสี่ยงไปกับอะไรที่มันน่าเสี่ยงจริงๆ
ถ้าไม่ใช่ตามที่คิดไว้ทุกประการ(ซึ่งมันไม่มีทางได้อยู่แล้ว -_-)ขออยู่คนเดียวดีกว่า
เพราะทุกวันนี้เรามีชีวิตที่ดี มีความสุขกับตัวเอง มีครอบครัวที่อบอุ่น ชอบการทำอะไรคนเดียว
ดูแลตัวเองได้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องการอะไรอีก
ความคิดเห็นที่ 17
เรามีแฟนนะคะ แฟนดีมากๆด้วย แต่ทั้งเราและเค้าไม่คิดจะมีลูก
เราไม่ใช่คนรักเด็กอะไร คิดว่าถ้าต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกคงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
เราเป็นคนบ้างาน พอว่างก็อยากออกไปดูโลกกว้าง เกิดมาทั้งทีอยากใช้ชีวิตตามใจตัวเองให้คุ้ม
เหตุผลส่วนตัวความชอบความต้องการที่จะมีเด็ก ไม่มีเลย
เหตุผลด้านคนอื่นก็ไม่มี พ่อแม่เราไม่ถือ อยากทำอะไรก็ทำ เราก็ดูแลท่านอยู่แล้วตามสมควร
ครอบครัวฝั่งแฟนก็เฉยๆพอกัน ญาติพี่น้องเราก็ไม่มีใครมาหวังอะไรกับเรา เพื่อนๆก็ไม่เห็นจะมีใครอยากมีลูกสักคน
มีเหตุผลเดียวที่เรากลัว คือกลัวว่าแก่ตัวไปอาจจะรู้สึกว่างเปล่า มีกันสองตายาย ถ้าตายจากกันคงเหลือตัวคนเดียว
อันนี้เป็นอะไรที่กลัวมากที่สุด แต่ไม่แน่ใจว่าการทำให้เด็กคนหนึ่งเกิดมา เพื่อมาบรรเทาความกลัวของเราเนี่ย มันคุ้มมั้ย
แล้วถ้าเค้าโตแล้วไม่มายุ่งกับเราเลย เราจะไปทำอะไรได้ เราก็คงอยากให้เค้าได้ชีวิตที่อิสระมีทางเลือกเหมือนๆกับที่พ่อแม่ให้ทางเลือกเรา
แม้ว่ามันจะแปลว่าเค้าจะอยู่ห่างไกล ไม่มาดูแลเราอย่างใกล้ชิดก็ตาม
คิดรอบด้านแล้ว ยังไงๆก็ไม่มีเหตุผลที่ควรจะมีลูก
พอไม่มีลูกเรื่องแต่งงานก็ไม่ได้จำเป็นไปด้วย สำหรับเรามันเป็นแค่พิธี สิ่งสมมติขึ้นมา
เพราะคิดว่ามันมีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้ใจมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ
แต่มันไม่ใช่ จริงๆมันแค่วันวันหนึ่ง กระดาษแผ่นหนึ่ง
สำหรับเราตั้งใจไว้แล้วว่าจะเป็นแฟนที่ดีที่สุดให้กับแฟนเรา
จะทำทุกอย่างให้เค้ามั่นใจว่าหาคนที่ดี ที่เข้ากับเค้า ที่ทำเพื่อเค้า ที่รักเค้ามากกว่าเราไม่ได้อีกแล้ว
ทุกๆวันเราปฏิบัติดีต่อเค้า และทำให้เค้ารู้ว่าเราตั้งใจจะทำแบบนี้จนกว่าจะตายจากกัน
โชคดีมากที่เราเจอผู้ชายที่พร้อมจะให้เราเท่ากัน (หรือมากกว่า)
เราไม่ให้เหตุผลเค้าสักข้อที่จะทิ้งเราไป
แม้เค้าจะมีสิทธิ์เลือกที่จะไปตลอดเวลา เพราะไม่มีกระดาษใบนึงที่บอกว่าเค้าต้องจ่ายเงินให้เราถ้าเค้าจะไป
เราว่านี่คือนิยามรักแท้นะ
เราว่าความคิดการกระทำแบบนี้ต่างหากที่มีผลต่อพฤติกรรมของเค้าอย่างแท้จริง
เป็นสิ่งที่จะทำให้เค้าอยู่กับเราตลอดไป ไม่ใช่กระดาษ ไม่ใช่พิธีกรรมอะไรทั้งนั้น
ใครจะว่าไงก็ตามเถอะ เราคิดอย่างนี้แล้วแฮปปี้มาก
ชีวิตไม่มีทุกข์ ไม่เจ็บอดีต ไม่หวาดกลัวอนาคต
เลยคิดว่าสังคมจะคิดไงก็ช่างหัวสังคมเถอะ
เพราะสังคมบอกคุณว่าทำอย่างนี้ดี ทำอย่างนั้นดี
แต่คนที่ทำตามสิ่งที่สังคมว่าดี มีความสุขจริงๆกี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว?
เราไม่ใช่คนรักเด็กอะไร คิดว่าถ้าต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกคงไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
เราเป็นคนบ้างาน พอว่างก็อยากออกไปดูโลกกว้าง เกิดมาทั้งทีอยากใช้ชีวิตตามใจตัวเองให้คุ้ม
เหตุผลส่วนตัวความชอบความต้องการที่จะมีเด็ก ไม่มีเลย
เหตุผลด้านคนอื่นก็ไม่มี พ่อแม่เราไม่ถือ อยากทำอะไรก็ทำ เราก็ดูแลท่านอยู่แล้วตามสมควร
ครอบครัวฝั่งแฟนก็เฉยๆพอกัน ญาติพี่น้องเราก็ไม่มีใครมาหวังอะไรกับเรา เพื่อนๆก็ไม่เห็นจะมีใครอยากมีลูกสักคน
มีเหตุผลเดียวที่เรากลัว คือกลัวว่าแก่ตัวไปอาจจะรู้สึกว่างเปล่า มีกันสองตายาย ถ้าตายจากกันคงเหลือตัวคนเดียว
อันนี้เป็นอะไรที่กลัวมากที่สุด แต่ไม่แน่ใจว่าการทำให้เด็กคนหนึ่งเกิดมา เพื่อมาบรรเทาความกลัวของเราเนี่ย มันคุ้มมั้ย
แล้วถ้าเค้าโตแล้วไม่มายุ่งกับเราเลย เราจะไปทำอะไรได้ เราก็คงอยากให้เค้าได้ชีวิตที่อิสระมีทางเลือกเหมือนๆกับที่พ่อแม่ให้ทางเลือกเรา
แม้ว่ามันจะแปลว่าเค้าจะอยู่ห่างไกล ไม่มาดูแลเราอย่างใกล้ชิดก็ตาม
คิดรอบด้านแล้ว ยังไงๆก็ไม่มีเหตุผลที่ควรจะมีลูก
พอไม่มีลูกเรื่องแต่งงานก็ไม่ได้จำเป็นไปด้วย สำหรับเรามันเป็นแค่พิธี สิ่งสมมติขึ้นมา
เพราะคิดว่ามันมีผลต่อพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้ใจมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลงไปง่ายๆ
แต่มันไม่ใช่ จริงๆมันแค่วันวันหนึ่ง กระดาษแผ่นหนึ่ง
สำหรับเราตั้งใจไว้แล้วว่าจะเป็นแฟนที่ดีที่สุดให้กับแฟนเรา
จะทำทุกอย่างให้เค้ามั่นใจว่าหาคนที่ดี ที่เข้ากับเค้า ที่ทำเพื่อเค้า ที่รักเค้ามากกว่าเราไม่ได้อีกแล้ว
ทุกๆวันเราปฏิบัติดีต่อเค้า และทำให้เค้ารู้ว่าเราตั้งใจจะทำแบบนี้จนกว่าจะตายจากกัน
โชคดีมากที่เราเจอผู้ชายที่พร้อมจะให้เราเท่ากัน (หรือมากกว่า)
เราไม่ให้เหตุผลเค้าสักข้อที่จะทิ้งเราไป
แม้เค้าจะมีสิทธิ์เลือกที่จะไปตลอดเวลา เพราะไม่มีกระดาษใบนึงที่บอกว่าเค้าต้องจ่ายเงินให้เราถ้าเค้าจะไป
เราว่านี่คือนิยามรักแท้นะ
เราว่าความคิดการกระทำแบบนี้ต่างหากที่มีผลต่อพฤติกรรมของเค้าอย่างแท้จริง
เป็นสิ่งที่จะทำให้เค้าอยู่กับเราตลอดไป ไม่ใช่กระดาษ ไม่ใช่พิธีกรรมอะไรทั้งนั้น
ใครจะว่าไงก็ตามเถอะ เราคิดอย่างนี้แล้วแฮปปี้มาก
ชีวิตไม่มีทุกข์ ไม่เจ็บอดีต ไม่หวาดกลัวอนาคต
เลยคิดว่าสังคมจะคิดไงก็ช่างหัวสังคมเถอะ
เพราะสังคมบอกคุณว่าทำอย่างนี้ดี ทำอย่างนั้นดี
แต่คนที่ทำตามสิ่งที่สังคมว่าดี มีความสุขจริงๆกี่เปอร์เซ็นต์กันเชียว?
ความคิดเห็นที่ 7
แต่ก่อน(สมัยมัธยม)เคยคิดว่า อายุ30 แต่งงานก็ยังไม่สาย
ตอนนี้อายุ 30 ... "เฮ้ย ไวไปถ้าต้องแต่งงาน..เรายังวัยรุ่นอยู่เลยนะ"
ไหนจะภาระอีกมากมาย
ยอมรับค่ะว่าการมีลูกเป็นภาระอย่างหนึ่งสำหรับเรา
ไปไหนมาไหนต้องคอยห่วง
จะไปเที่ยวลุยๆ แบบแบกเป้ข้ามประเทศก็อดกัน
เลยไม่อยากมี ไม่อยากแต่ง
แฟนคนปัจจุบันดีกับเราทุกอย่าง เงินเดือนออกมาให้เราทุกบาททุกสตางค์
ในชีวิตที่คบกับเค้า เราไม่เคยมีคำว่าผิด
เราก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกับเค้าเลย
คุยกันกับเค้าบอกไปตรงๆ ว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับพิธีรีตรองอะไรเลย
ดูกันวันนี้ดีกว่าว่าเป็นยังไง..เราทำงานเก็บเงินสร้างอนาคตดีกว่า
เก็บเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากเที่ยวไหนได้เที่ยว
อยากกินอะไรได้กิน
เมื่อต่างคนต่างดูแลกันไม่ไหว
เราจะพาตัวเองไปอยู่บ้านพักคนชราด้วยกัน
ตอนนี้อายุ 30 ... "เฮ้ย ไวไปถ้าต้องแต่งงาน..เรายังวัยรุ่นอยู่เลยนะ"
ไหนจะภาระอีกมากมาย
ยอมรับค่ะว่าการมีลูกเป็นภาระอย่างหนึ่งสำหรับเรา
ไปไหนมาไหนต้องคอยห่วง
จะไปเที่ยวลุยๆ แบบแบกเป้ข้ามประเทศก็อดกัน
เลยไม่อยากมี ไม่อยากแต่ง
แฟนคนปัจจุบันดีกับเราทุกอย่าง เงินเดือนออกมาให้เราทุกบาททุกสตางค์
ในชีวิตที่คบกับเค้า เราไม่เคยมีคำว่าผิด
เราก็ยังไม่คิดจะแต่งงานกับเค้าเลย
คุยกันกับเค้าบอกไปตรงๆ ว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับพิธีรีตรองอะไรเลย
ดูกันวันนี้ดีกว่าว่าเป็นยังไง..เราทำงานเก็บเงินสร้างอนาคตดีกว่า
เก็บเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากเที่ยวไหนได้เที่ยว
อยากกินอะไรได้กิน
เมื่อต่างคนต่างดูแลกันไม่ไหว
เราจะพาตัวเองไปอยู่บ้านพักคนชราด้วยกัน
ความคิดเห็นที่ 4
+1 คน ค่ะ
อาจเพราะประสบการณ์จากคนรอบข้างที่เราเห็นมั้งค่ะ
เราเอือม การแต่งงานมันไม่ใช่แค่การผูกมัดกันทางเอกสาร แต่มันตามมาด้วยคำว่าหน้าที่รับผิดชอบของความเป็นภรรยา
เราหมายถึงทั้งเรื่องบนเตียงและเรื่องในบ้าน ตลอดจนเรื่องคู่ชีวิตที่ต้องช่วยกันประคับประคองไม่นอกใจกันนี่แหละ
คนเป็นสามี วันนี้คบแบบแฟน อนาคตใครจะไปรู้ว่าจะเปลี่ยนไปแบบคนใกล้ตัวเราที่เรารู้จัก เป็นผู้ชายที่ดี งานการดี แต่หลังแต่ง
แอบมีบ้านที่สอง ภรรยาคนแรกไม่รู้ จนภรรยาคนที่สองท้อง เรื่องนี้เกิดกับคนที่เรารู้จักถึงสองคน แต่ก็ใช่ว่าคนดีดีจะไม่มีนะคะ คนร้ายสุดๆ วันนี้เขาเป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ดีสุดๆ ก็มี ผชที่ดี เสมอต้นเสมอปลายตลอด ถ้าเจอคือโชคดียิ่งกว่าถูกหวยอีก
ส่วนลูก เราไม่อยากมี แม้ว่าเรารักเด็ก ชอบเด็ก มากก็เถอะ
ลูกคือภาระ ไม่ใช่แค่เลี้ยงให้โต แต่จะเป็นห่วงเขาจนเราตาย รักยิ่งกว่าสามีอีกมั้ง
เด็กคนหนึ่งก็มีปัญหามากมาย เรามีน้อง เราเบื่อ และไม่อยากเจออะไรแบบนี้อีก
ชีวิตครอบครัว ปัญหาโคตรเยอะ สุข ทุกข์ปนไป แต่ ทุกข์เยอะกว่ามากถ้าเทียบกับโสด
แต่อนาคตก็ไม่รู้ละค่ะ ความรักเป็นเรื่องของเวร ของกรรม หากจะต้องรัก จนถึงขั้นแต่ง ก็ค่อยว่ากันอีกทีละกัน
อาจเพราะประสบการณ์จากคนรอบข้างที่เราเห็นมั้งค่ะ
เราเอือม การแต่งงานมันไม่ใช่แค่การผูกมัดกันทางเอกสาร แต่มันตามมาด้วยคำว่าหน้าที่รับผิดชอบของความเป็นภรรยา
เราหมายถึงทั้งเรื่องบนเตียงและเรื่องในบ้าน ตลอดจนเรื่องคู่ชีวิตที่ต้องช่วยกันประคับประคองไม่นอกใจกันนี่แหละ
คนเป็นสามี วันนี้คบแบบแฟน อนาคตใครจะไปรู้ว่าจะเปลี่ยนไปแบบคนใกล้ตัวเราที่เรารู้จัก เป็นผู้ชายที่ดี งานการดี แต่หลังแต่ง
แอบมีบ้านที่สอง ภรรยาคนแรกไม่รู้ จนภรรยาคนที่สองท้อง เรื่องนี้เกิดกับคนที่เรารู้จักถึงสองคน แต่ก็ใช่ว่าคนดีดีจะไม่มีนะคะ คนร้ายสุดๆ วันนี้เขาเป็นพ่อและหัวหน้าครอบครัวที่ดีสุดๆ ก็มี ผชที่ดี เสมอต้นเสมอปลายตลอด ถ้าเจอคือโชคดียิ่งกว่าถูกหวยอีก
ส่วนลูก เราไม่อยากมี แม้ว่าเรารักเด็ก ชอบเด็ก มากก็เถอะ
ลูกคือภาระ ไม่ใช่แค่เลี้ยงให้โต แต่จะเป็นห่วงเขาจนเราตาย รักยิ่งกว่าสามีอีกมั้ง
เด็กคนหนึ่งก็มีปัญหามากมาย เรามีน้อง เราเบื่อ และไม่อยากเจออะไรแบบนี้อีก
ชีวิตครอบครัว ปัญหาโคตรเยอะ สุข ทุกข์ปนไป แต่ ทุกข์เยอะกว่ามากถ้าเทียบกับโสด
แต่อนาคตก็ไม่รู้ละค่ะ ความรักเป็นเรื่องของเวร ของกรรม หากจะต้องรัก จนถึงขั้นแต่ง ก็ค่อยว่ากันอีกทีละกัน
แสดงความคิดเห็น
มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่อยากแต่งงานหรือไม่อยากมีลูกบ้างคะ ขอเหตุผลหน่อยค่า
ถึงจะมีความสุขในบางเรื่ิิอง เเต่ป้ญหาก็ตามมาเป็นพรวน
มีคุณผู้หญิงท่านใดที่ไม่อยากแต่งงาน+ไม่อยากมีลูกบ้างคะ ขอเหตุผลประกอบด้วยค่ะ