ก่อนอื่น ขอมอบเพลงนี้ให้กับเรืองนี้ครับ ถึงแม้อารมณ์จะไม่สุดเท่าเพลงนี้ก็เถอะ แต่น่าจะพอได้อยู่

และขอหัวเราะดังๆ ให้กับหลายคนที่เงิบ เมื่อได้อ่านตอนจบแบบเต็มไปครับ 55+








ตอนนี้ เอาแค่คนที่เผาโชว์ไป ก็มาโวย ณ ที่เดิมเรียบร้อยแล้ว ว่าตัวเอง เผาฟรีไป
ซึ่งขอเอาประดยคของท่านมะนาวมาพิมพ์อีกครั้งแล้วกัน ว่า สปอยร์ ที่ออกมาตอนแรก ไม่ผิดครับ แต่มันบอกมาไม่หมด จริงๆด้วยนั่นเอง
และส่วนที่มันตัดไปนี้ บอกได้คำเดียว พาอารมณ์ของเรื่องไปคนละอย่างกันเลย
อย่างเช่น เหตุการณ์ไฟว้ระหว่างย่าแว่นกับคิริโนะ ตอนสปอยร์อันแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในวันจบการศึกษา มานามิโทรหาคิริโนะและเคียวสุเกะ โดยบอกว่าเธอต้องการที่จะดวลกับคิริโนะ พวกเขาทั้ง 3 ไปพบกันที่สวนสาธารณะ คิริโนะบอกมานามิว่าตอนนี้เธอกำลังคบกับเคียวสุเกะอยู่และเริ่มที่จะพูดจากวนโมโห มานามิชกเข้าที่ท้องของคิริโนะและเริ่มต่อสู้กันจนเคียวสุเกะต้องเข้ามาแยก มานามิตะโกนใส่คิริโนะด้วยคำพูดเดิมที่เธอเคยเอ่ยไว้เมื่อหลายปีก่อน "กลับมาเป็นพี่น้องปกติธรรมดาซะ!" และพยาามแล้วพยายามเล่าที่จะให้เคียวสุเกะล้มเลิกความสัมพันธ์ของเขากับคิริโนะซะ แต่อย่างไรก็ตามเคียวสุเกะก็ปฏิเสธที่จำทำเช่นนั้น จากนั้นมานามิสารภาพรักเขาออกไปด้วย แต่เคียวสุเกะปฏิเสธและขอที่จะเลือกคิริโนะแทน มานามิที่รู้ซึ้งถึงการตัดสินใจอันเด็ดขาดของเคียวสุเกะแล้วก็ขอยอมแพ้แล้วเตะเขาเข้าที่ท้อง
แต่ของจริง ผมขอเอาแบบเต็มๆมาแล้วกัน แล้วคุณจะรู้ว่า มันคนละอารมณ์กันเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมยกมือทักทายยัยนั่นครั้งหนึ่ง เธอยิ้มและยกมือทักทายตอบกลับ
มานามิ “เคียวจัง คิริโนะจัง ...ฉันมาทะเลาะด้วยตามสัญญาแล้วล่ะ”
เอาล่ะการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เริ่มกันได้ซะที
พวกเรามานั่งที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ ผมนั่งตรงกลาง ทางซ้ายเป็นคิริโนะ ทางขวาเป็นมานามิ
มานามิถามว่าจำเรื่องที่พวกเขาสามคนเคยเล่นด้วยกันในสวนนี้ได้ไหม เคียวสุเกะตอบว่าจำได้แต่แบบขาดๆหายๆ หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง
มานามิ “คราวนี้ก็ ไม่ยอมมาปรึกษาฉันเลยนะ”
เคียวสุเกะ “......”
มานามิพูดถึงเรื่อง “ผมกับคิริโนะคบกันแล้ว” อย่างแน่นอน จะรู้ผ่านทางไหนก็ช่างเถอะ คุโรเนโกะกับซาโอริ เราบอกพวกเธอไปเอง อายาเสะได้คิริโนะเป็นคนบอกต่อ
เคียวสุเกะ “ขอโทษทีนะ โกรธหรือเปล่า”
มานามิ “เปล่า ไม่โกรธหรอก”
เคียวสุเกะ “งั้นเหรอ”
...เหมือนจะแฝงความหมายอะไรเอาไว้แฮะ
มานามิ “เพราะรู้มาได้ซักพักแล้วล่ะ”
ถึงไม่ได้บอก ยัยนี่ก็อาจจะรู้ได้เอง จะว่ายังไงดี คือเธอเข้าใจในตัวผมได้ดีกว่าตัวผมเองซะอีก
เคียวสุเกะสงสัยว่าทำไมถึงเลือกวันจบการศึกษาแบบนี้ มานามิตอบว่าเพราะเป็นวันที่ระลึก
คิริโนะ “...วันที่ระลึก นั่นสินะ”
คิริโนะจ้องมองมานามิ ไม่ใช่ด้วยสีหน้าเจ็บแค้นอัดอั้นเหมือนก่อน แต่ด้วยแววตาท้าทาย
คิริโนะ “ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นนักเรียน ม.ต้นแล้ว อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็กอีกล่ะ”
มานามิ “คนที่พูดว่า ‘อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นเด็ก’ นั่นแหละยังเป็นเด็กอยู่”
เคียวสุเกะรู้สึกผิดท่าเพราะตัวเองนั่งคั่นกลางสายตาที่กำลังจดจ้องใส่กันสองคู่ บรรยากาศตึงเครียดก่อตัวระหว่างทั้งสองคนหรือก็คือตรงที่เขานั่งอยู่
มานามิ “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะเลิกทำเหมือนเป็นเด็ก อย่างที่ขอก็แล้วกัน”
มานามิปากบอกว่าไม่ได้โกรธแต่วิธีการพูดแบบนี้ โกรธอยู่ชัดๆ
มานามิ “คิริโนะจัง พอได้แล้วล่ะนะ? ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วคงจะเข้าใจนะ?”
คิริโนะ “พูดเรื่องอะไรเหรอคะ? อุ๊บ ...ถ้าไม่พูดออกมาตรงๆ ใครจะไปรู้เรื่องกันล่ะค้า”
หมั่นไส้เว้ย... ชักอยากอัดให้กระเด็นขึ้นมาแล้วสิ ทางมานามิยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่เลย สภาพเหมือนใครสะกิดอะไรขึ้นมาหน่อยเป็นได้ระเบิดออกมาแน่
คิริโนะกอดแขนผมไว้แน่น
คิริโนะ “ก็อย่างงั้นล่ะค่ะ คุณมานามิ ฉันน่ะ คบกับเคียวสุเกะอยู่ล่ะค่ะ!”
มานามิ “...เหรอ แล้วยังไง?”
คิริโนะ “ยังจะทำหน้าตายอยู่ได้ ที่จริงเจ็บใขใช่มั้ยล่า”
มานามิ “......”
คิริโนะ “เจ็บใจล่ะสิ? เจ็บใจใช่มั้ย? ฮิฮิฮิ”
มานามิ “......”
คิริโนะ “อ๊ะ! นิ่งไปเลยเหรอ! ฮ๊าฮะฮะฮะฮะฮะฮะ!! สำเร็จแล้---ว!!”
คิริโนะผลุดลุกขึ้นมาจากม้านั่ง
คิริโนะ “คิริริน ชนะเลิศค่---า! ฉันล่ะ อยา----กเห็นหน้าแบบนี้มาตั้งนานแล้ว!”
ยกมือขึ้นตบใส่กันดัง ปังปังปังปัง ด้วยความยินดีสุดขีด
คิริโนะ “นี่ๆ ตอนนี้รู้สึกยังไงเหรอ? นี่ๆ คุณมานามิ โดนฉันแย่งเคียวสุเกะไปนี่ ตอนนี้รู้สึกยังไงเหรอ?”
ขณะที่กำลังจะตะโกนด่าไปว่า “พอซะทีได้มั้ยยัยนี่! อย่ามาล้อเลียนเพื่อนสนิทฉันนะ!” ก็เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อสายตาขึ้นซะก่อน
กำปั้นของมานามิพุ่งเสียบเข้าท้องของคิริโนะดัง “พลั่ก!”
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!
คิริโนะ “อ๊อก...ทะ ทำอะไรน่ะ!?”
คิริโนะกุมท้องน้ำตาหยด ส่วนทางมานามิผมมองไม่เห็นสีหน้าเธอหรอก ได้ยินแต่เสียงที่เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดว่า
มานามิ “รู้สึกแบบนี้ไง”
คิริโนะ “~~~หนอย!”
คิริโนะ ขบฟันแน่นก่อนตบสวนใส่หน้ามานามิดัง “เพี้ยะ!”
มานามิก็ตบสวนคืนใส่แก้มของคิริโนะดัง “ปัง!” ในทันที
เคียวสุเกะรู้สึกตัวขึ้นมา พยายามจะข้าไปห้ามทั้งสองคนจนต้องรับลูกหลงไปหลายดอก แต่ทั้งสองยังไม่ยอมลดราวาศอก
เคียวสุเกะ “บอกว่าพอได้แล้ว!”
คิริโนะ “ทางนั้นเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนี่นา!”
มานามิ “แต่ว่า เมื่อกี้ คิริโนะจังเป็นฝ่ายผิดไม่ใช่เหรอ”
ถ้าเธอไม่ไปตุ๊ยท้องเขาล่ะก็นะ
คิริโนะ “ฉันแค่ระบายความอัดอั้นที่สะสมมาหลายปี เพราะงั้น ม่า~~ยผิด! ถึงเวลาชำระแค้นกันแล้ว!”
คิริโนะตรงเข้าไปข่วนมานามิ แล้วก็โดนข่วนสวนกลับ กลายเป็นการผลัดกันตบ ผลักหน้าอีกฝ่าย Cat Fight เต็มรูปแบบ จนเคียวสุเกะรู้สึกว่านี่มันมิคสัญญีเรอะ
คิริโนะ “ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายอยู่ได้ ทุกทีทุกทีทุกที ตั้งแต่เด็กแล้ว มันน่าโมโหนัก”
มานามิ “...คนที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวาย คือคิริโนะจังต่างหากล่ะ”
คิริโนะ “อ้าว? ไม่ใช่ว่าจำหน้าฉันไม่ได้หรอกเหรอ?”
มานามิ “...อึก”
คิริโนะ “อ๊ะ แทงใจดำล่ะสิ! ยั่ยขี้โกหก!”
มานามิ “....โธ่ แค่ไม่มีคิริโนะจังซักคน ทุกอย่างก็จะไปได้ดีอยู่แล้วเชียว”
คิริโนะ “อย่ามาโทษคนอื่นนะ!”
มานามิ “ฉันน่ะ อยู่ด้วยกันมาตลอด ตั้งนานมากมากมาก นานกว่า 10 ปีซะอีก ไม่ยอมแพ้คิริโนะจังหรอก!”
คิริโนะ “ทางนี้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดหรอกย่ะ! น้องสาวน่ะ! จะไปแพ้เพื่อนสมัยเด็กได้ยังไง!”
ปล่อยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
เคียวสุเกะยอมเจ็บตัวเข้าไปขวางกลางวง แยกคิริโนะกับมานามิ ที่ทะเลาะกันไปร้องไห้ไปออกจากกันได้ หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์กันได้
เคียวสุเกะ “ขอร้องล่ะ จะไปทะเลาะถึงขนาดตบตีกันไปทำไม ไม่ใช่ว่าวันนี้จะมาพูดคุยกันหรอกเหรอ?”
คิริโนะ “หา? ใครพูดแบบนั้นกันล่ะ?”
มานามิ “บอกไปแล้วนี่นา ว่า ‘ฉันมาทะเลาะด้วยตามสัญญา’ น่ะ?”
เคียวสุเกะ “...หา...”
ทะเลาะที่ว่านี่ ไม่ใช่ทะเลาะกันด้วยปาก แต่เป็นไฝว้กันสดๆเนี่ยนะ นี่ผมเข้าใจผิดอยู่คนเดียวเรอะ! ไม่สิ เรื่องพรรค์นี้ใครมันจะไปเข้าใจถูก! นี่มันไม่ใช่นิยายต่อสู้ซักหน่อย
ทำใจไว้แล้วว่า การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ต้องเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเศร้าโศกกับความโกรธเกรี้ยว...... แต่ไม่ใช่แบบนี้เฟ้ย!
คิริโนะ “แต่โล่งสุดๆไปเลยนี่นา”
มานามิ “ได้พูดเรื่องที่อัดอั้นกันอยู่ออกมานี่เนอะ”
พูดคุยกันด้วยกำปั้น รู้ใจกันผ่านการต่อสู้ นี่พวกเธอเป็นคู่แข่งกันในการ์ตูนต่อสู้หรือไง
จะว่าไปทั้งสองคนไม่เคยได้พูดคุยกันซึ่งหน้ามาก่อนเลยนี่นา ถึงได้เรียกว่า อยู่ในสถานะที่ “ทะเลาะกันได้” แล้วสินะ (เล่ม11)
จะว่าความสัมพันธ์พัฒนาขึ้นคงได้ แต่ก็เดือดร้อนรอบข้างมากขึ้น
มานามิเริ่มรุกไล่ด้วยคำพูดบ้าง ตามสไตล์เดิม บอกให้ทั้งสองเลิกทำตัวเป็นคู่รักกลับมาเป็นพี่น้อง เพราะมันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
มานามิ “เพราะอย่างนั้น เคียวจัง คิริโนะจัง น่าจะพอใจแล้วใช่มั้ย? ตื่นจากความฝันกลับมามองความจริง---กลับมาเป็นพี่น้องธรรมดาซะเถอะ”
นี่เป็นคำพูดที่มานามิเคยพูดใส่คิริโนะเมื่อ 3 ปีก่อน และเป็นสามัญสำนึกที่พวกเราต้องเผชิญกับมันอยู่ในตอนนี้
เคียวสุเกะ นึกถึงคำพูดที่คิริโนะอัดเสียงไว้ให้ตัวเองฟัง ที่ว่าไม่สามารถพึ่งพาใครได้ ทุกอย่างจะเป็นอย่างที “เธอคนนั้น” พูด และเข้าใจว่ามานามิกับคิริโนะ น่าจะเคยปะทะกันมาแล้วครั้งหนึ่ง
เคียวสุเกะ “มานามิ เธออย่าเอาความจริงโหดร้ายขนาดนั้นไปพูดใส่เด็กประถมสิ”
มานามิ “มันยังไม่พอด้วยซ้ำ สำหรับทั้งสองคนตอนนี้น่ะ---นี่ก็ผ่านมาตั้ง 3 ปีแล้ว จะพูดเป็นเด็กๆอีกไม่ได้แล้วนะ”
ที่เลือกวันจบการศึกษาเพราะว่าพวกเราเรียนจบแล้ว ควรจะมีความคิดแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว สินะ
มานามิถามเคียวสุเกะว่า ถ้ามีคนปฏิเสธผู้หญิงบอกรักเพราะว่าหลงรักน้องสาวตัวเองจะรู้สึกยังไง ถามคิริโนะว่า ถ้ามีน้องสาวที่ยังอวดตัวเองว่าคบกับพี่ชายอยู่นะทั้งที่ขึ้น ม.ปลายแล้วจะรู้สึกยังไง และสรุปว่าถ้าพวกเขายิ่งโตไปกว่านี้จะยังกล้าพูดแบบเดียวกันนี้กับคนรอบข้างอีกมั้ย จะปฏิเสธได้มั้ยว่าไม่ได้รับอิทธิพลไม่ดีจากเกมโป๊ จนคิริโนะพยายามจะบอกอะไรซักอย่าง แต่เคียวสุเกะห้ามไว้แล้วตอบแทนว่า
เคียวสุเกะ “จะไปรู้เรอะ ฟังนะ เธอน่ะถูกต้องพวกฉันเป็นฝ่ายผิด ไอ้พวกพระเอกเกมโป๊ที่มันกล้าทิ้งทุกอย่างน่ะ มันดูดีอยู่หรอก และฉันก็รู้ตัวว่าทำแบบนั้นไม่ได้ การใช้ชีวิตอย่างปกติสุขจำเป็นต้องรักษากฏ แต่ถ้าจำเป็นฉันจะทำลายมัน เพราะยังมีบางอย่างสำคัญกว่านั้น”
มานามิ “หืม...ทั้งที่เข้าใจแล้ว แต่ยังพูดแบบนี้อีกเหรอ?”
เคียวสุเกะ “เออ!”
คิริโนะ “...เคียว สุเกะ...”
มานามิขู่ว่า จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณพ่อของพี่น้อง เคียวสุเกะ ร้องสียงหลงว่าอย่าเชียวนะ เขายังไม่อยากตาย และขอให้มานามิยอมปล่อยพวกเขาไป มานามิบอกว่าถ้าไม่ยอมปล่อยล่ะ เคียวสุเกะตอบว่าเขาจะคุกเข่าอ้อนวอนจนกว่าจะยอม มานามิยังย้ำอีกว่าต่อให้คุกเข่าแล้วก็ยังไม่ยอมอีกล่ะ เคียวสุเกะตอบว่าคงได้แต่ตัดใจแล้วเลียนแบบพวกพระเอกเกมโป๊ดูซักครั้ง ถึงจะรู้ดีว่าคนธรรมดาอย่างตัวเองทำไม่ไหวหรอก มานามิเลยบอกว่า ถ้าเปลี่ยนกัน เธอเป็นฝ่ายคุกเข่าขอร้องแทนล่ะ เคียวสุเกะยังยืนยันคำเดิม
มานามิ “ถ้างั้น...ถ้างั้น...”
เสียงของมานามิ สั่นเครือ แหบพร่าลง
มานามิ “ถ้าฉันจะสารภาพว่า ฉันรัก...รักเคียวจังมาตลอดล่ะ...ขอให้คบกับฉันตอนนี้เลย ...จะยอมมาอยู่กับฉันแทนได้ไหม?”
เคียวสุเกะ “!”
น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ เป็นการสารภาพรักทั้งน้ำตา ทำให้ผมรู้สึกตัวว่า ตัวผมเองนั่นล่ะไล่ต้อนให้เธอต้องพูดถึงขนาดนี้ ผมนี่มันบ้าจริงๆ
เพื่อนสมัยเด็กของผมมักจะคิดถึงตัวเองทีหลังคนอื่น เป็นห่วงแต่คนอื่น...ยอมให้ตัวเองลำบากแทนคนอื่น
มานามิรู้จักผมดียิ่งกว่าตัวผมเอง ถึงได้เลือกที่จะพูดเรื่องนี้ในจังหวะนี้ เพื่อห้ามผมให้ได้ เธอนี่มันจะเป็นคนดีไปถึงไหน ความทรงจำกับมานามิ ย้อนกลับมาทีละอย่าง ผมได้แต่กัดฟัน ย้ำเตือนกับตัวเองว่า “ผมเลือก คิริโนะ”
เคียวสุเกะ “ฉัน! รักน้องสาว! รักคิริโนะ! ที่สุดเล---------ย!”
ผมลองหาทางแล้ว แต่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าเลือกชนซึ่งหน้าแบบนี้
มานามิ “......งั้นเหรอ น่าขยะแขยงเนอะ”
มานามิ ตอบด้วยเสียงแจ่มใส ยิ้มทั้งน้ำตา
เคียวสุเกะ “โอ้ ค้ำคอร์แล้วยังไงล่ะ! จบกับน้องแท้ๆ ฉันจะทำให้ดูเอง!”
เพี้ยะ!
มานามิ “เป็นคำตอบที่แย่มากเลยนะ”
เคียวสุเกะ “อย่าตบทั้งยังยิ้มได้มั้ย”
มานมิ “เคียวจังนั่นแหละไม่ดีเอง”
เคียวสุเกะ “ไม่เถียงหรอก”
ผมพูดทั้งเลือดกบปาก
มานามิพูดทั้งตาแดงก่ำ
เรายิ้มให้กันเหมือนอย่างเคย
นี่คงเป็นจุดจบตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสำหรับความรักครั้งแรกของผม
ซึ่งอย่างบอกได้อย่างเดียว ทำไมมันคนล่ะอารมณ์เลยฟ่ะ
{Spoil} oreimou เงิบกันไปกี่ท่านครับ เมื่อเจอสปอยร์ตอนจบแบบเต็มๆ
และขอหัวเราะดังๆ ให้กับหลายคนที่เงิบ เมื่อได้อ่านตอนจบแบบเต็มไปครับ 55+
ตอนนี้ เอาแค่คนที่เผาโชว์ไป ก็มาโวย ณ ที่เดิมเรียบร้อยแล้ว ว่าตัวเอง เผาฟรีไป
ซึ่งขอเอาประดยคของท่านมะนาวมาพิมพ์อีกครั้งแล้วกัน ว่า สปอยร์ ที่ออกมาตอนแรก ไม่ผิดครับ แต่มันบอกมาไม่หมด จริงๆด้วยนั่นเอง
และส่วนที่มันตัดไปนี้ บอกได้คำเดียว พาอารมณ์ของเรื่องไปคนละอย่างกันเลย
อย่างเช่น เหตุการณ์ไฟว้ระหว่างย่าแว่นกับคิริโนะ ตอนสปอยร์อันแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่ของจริง ผมขอเอาแบบเต็มๆมาแล้วกัน แล้วคุณจะรู้ว่า มันคนละอารมณ์กันเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งอย่างบอกได้อย่างเดียว ทำไมมันคนล่ะอารมณ์เลยฟ่ะ