รีวิว man of steel 2013

ก่อนอื่น ขอกล่าวเลยว่า เรื่อง superman ในความคิดผมคือหนังที่ปราบเซียนมานักต่อนักแล้ว
ไม่ว่าจะกี่ภาคต่อกี่ภาค ยังไม่มีใครทำให้ superman ออกมาได้เพอเฟคที่สุด

กับผู้กำกับอย่าง แซ็ค สไนเดอร์  ที่ฝากผลงาน  watchmen  หรือ 300
รวมทั้ง  คริสโตเฟอร์ โนแลน   ที่ทำ batman ออกมาได้เทพสุดเท่าที่ผมเคยดูมาในทุกภาค

หนังเริ่มต้นด้วยการ การกล่าวถึงต้นกำเนิดของพี่ซุปของเรา  จุดนี้เริ่มต้นได้น่าเบื่อมาก  เรื่องช่วงนี้ผมว่ามันอืดและแย่มาก
การเริ่มต้นด้วยการกล่าวให้เรื่องมันยืดเยื้อ   และฉากต่อมา
ประเดประดังเข้ามาด้วยฉากต่อสู้ เอฟเฟคต่างๆ  งานออกมาสวยทีเดียว  
แต่ข้อเสียหลักๆในช่วงนี้ผมว่ามันก็อยู่ที่เอฟเฟคด้วย
1. การใช้แสงสี วาบ ขาวสลับตัดไปมา แสบตามาก (ช่วงหลังๆผมถึงกับหลับเลย เพราะมันปวดตาเกินไป)  
ถ้าหนังใช้สีหม่น เข้ามาแบบ batman ผมว่าจะออกมาดีมากเลยทีเดียว
2.ปัจจัยด้านเกราะ คือ เกราะมีความสำคัญยังไง หนังไม่ได้ตอบโจทย์ตรงส่วนนี้เลย คือใส่เกราะทำเพื่อ ?

ช่วงต่อมาหนังดำเนินเนื้อเรื่อง ด้วยการสลับ ตัดบทแว๊ปไปแว๊ปมา อย่างผมดูๆอยู่ฉากหนึ่งถึงกับร้อง เฮ้ย จะตัดเร็วไปไหน
ในใจช่วงแรกผมคิดว่า มันจะทำให้คนดูไม่รู้เรื่อง การดำเนินเรื่องคงจะไปแบบรวดเร็ว ไม่เอื่อยเฉื่อย  ในขณะเดียวกัน
คนที่ไม่รู้เรื่องพี่ซุปอาจเกิดอาการงงๆได้ . . .  แต่เมื่อดูจนจบหนังได้แสดงให้ผมเห็นแล้วว่า ผมคิดผิด

เนื้อเรื่องดำเนินสลับไปมา ระหว่างอดีต ปัจบัน มีการโชว์ตัวละครต่างๆแอบไว้ในเรื่องมากมาย  แต่ไม่ได้ เน้นว่าเป็นตัวละครสำคัญต่อหนังอย่างไร  

ในส่วนของการสร้างความผูกพันธ์ ระหว่างครอบครัว  ช่วงแรกถือว่าทำได้ดีที่เดียว  เป็นการสร้างคำพูดคมกริบ การใช้สัมผัสกายแทนคำพูด
แต่ บทจะส่งอารมณ์สูงที่สุด ที่พี่ซุปต้องสูญเสีย ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่มีพลัง คือ เอ่อ ทำไมเรารู้สึกว่าธรรมดามากเลย

ในช่วงท้ายๆ ฉากต่อสู้
ผมชอบฉาก 2 รุม 1 มากที่สุด  ถือว่าทำได้ดีที่สุด รู้สึกว่าที่รอมาตลอดหลายชั่วโมง (ที่น่าเบื่อ)  มาถึงจุดที่สนุกของเรื่องแล้ว
ผมว่าหนังควรทำให้มันจบที่ฉากนี้เลยจะดีกว่า คือ บู้กันยาวๆ แล้วให้จบที่ฉากนี้จะดีมาก

ฉากสุดท้าย   หนังพยายามยัดเยียดบทบู๊ เข้ามาจนเกินงาม  ดั่งหนังแมททริค  บทพูดครึ่งหนึ่ง (ครึ่งแรก)  บทสู้อีกครึ่ง (ครึ่งท้าย)

แทนที่จะเป็นการสลับ บทพูด สู้ พูด สู้ ไป  ทำให้หนังมันเหมือนพยายามจะบู้ มากกว่า

ด้านการใช้เอฟเฟคมีการพยายามใช้แสงจ้าจนเกินไป  คือหนังสวยจริง แต่ถ้าทำงี้ใครจะได้ดู  สงสัยต้องใส่แว่นกันแดดเข้าไปชม
เพื่อไม่ให้เบือนหน้าหนีระหว่างที่ดู


โดยรวมของหนังในหลายๆจุด

ข้อดี
1.มีการพยายามสร้างมิติให้ซุป ดูเป็นคนมากขึ้น
2.ซุปมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ไม่จำเป็นต้องกางเกงแดง

ข้อเสีย
1.แสงจ้าสลับไปมา มากเกินไป แสบตาและหลับกันระนาว ในรอบที่ผมดู
2.เนื้อเรื่อง ยังอ่อนเกินไป ไม่ได้รู้สึกเสียใจ ลุ้น กับตัวหนังแต่อย่างใด
3.บทบู๊ ซุปยังดูเป็น ไอ้อึด พลังเยอะ เหาะไว  แต่เอ็งไม่พลิ้วเลย เตะ ต่อย ยังกับ สโลโมชั่น ถ้าทำลายภาพลักษณ์แบบนี้ได้แบบที่เคยทำได้กับ batman ผมคิดว่าซุปจะเป็น ฮีโร่อีกตัวที่ทั่วโลกคลั่งไคล้
4.การตัดบทไปมา น่าจะทำให้หนังดำเนินเรื่องได้เร็ว แต่ผิดถนัด หนังกลับอืดได้อีก
5.เตะต่อยกัน ข้ามโลก ลงไปตีที่พื้นด้านล่างที่เก่า นางเอก เดินตามต้อยๆ หนังดูไม่สมจริงเอาเสียเลย
6. เตะต่อยกันปานนั้นเสื้อผ้า เนียบมาก ไม่มีรอยเปื้อนแต่อย่างใด
7.บลาๆ

สิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุดในหนังเรื่องนี้
ผมอยากเห็น การสร้างความสิ้นหวังให้ หนังมากกว่านี้ ซุปมันอมตะจนเกินไป เอาง่ายๆ ผมเชื่อว่าทุกคน ไม่ได้ลุ้นว่าซุปมันจะตายแต่อย่างใด คือเหมือนหุ่นตีกัน ซ้ายไป ขวามา แล้วลุกมาตีกันไม่จบไม่สิ้น  และที่สำคัญ การสร้างให้หนังมันแลดูดราม่า เล่นกับจิตใจคนดูกว่านี้หน่อย
อย่างเช่น กลุ่มตัวโกง รวมหัวโจมตีมนุษย์  ให้มันมากกว่านี้เสียหน่อย ไม่ใช่เล็งซุป อยู่คนเดียว

คะแนนรวมสำหรับผม
หนังเรื่องนี้ ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร
และผมยังคงความคิดเดิมที่ว่า  superman คือหนังที่ปราบเซียนผู้กำกับ  ยังไม่มีใครสามารถตีโจทย์ superman และถ่ายทอดออกมาให้ดี ได้ในแบบฉบับ master เลย

ผมให้ 6/10 ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่