จั่วหัว อาจดูเว่อร์แต่ว่า ถ้าให้พูดจริงๆ เรื่องนี้มันคือ ส่วนผสม ตัวละครที่ดีในยุครีฟ และ แอ็คชั่นของแซ็ค
เข้าด้วยกันจนมันกลมกล่อม อร่อยเหาะ

ความรู้สึกหลังดู
ซึ้ง (น้ำตาซึม) , มันส์กับฉากแอ็คชั่น , หัวเราะกับจังหวะโดนๆ เจมส์ กัน แม่มโคตรเก่ง ที่พาคนดูรู้สึกไปได้กับทุกอารมณ์ แม้แต่ความดาร์ก การเมือง ยังมีหยอดเข้ามา แล้วมันพอดีไปหมดเลย ไม่มีส่วนไหนที่น่าเบื่อ นี้คือหนังแมส ที่ชวนลูกเล็กเด็กแดง ไปดูแล้วคุ้มค่าตั๋วแน่นอน

ข้อดี
1. ตัวละครรอบๆพี่ซุปของเรามีเสน่ห์กันหมดเลย (สไตล์เจมส์กัน เขาแหละ) มีสีสัน และซีนดีๆของตัวเองแต่ขณะเดียวกันก็บาลานซ์ ไปกับเรื่องไม่หลุดจนซุปเปอร์แมนเด่นน้อยลง
2. ความแฟนตาซี ที่แบบ โอ้โห หลุดจากโลกความจริงเยอะ จนพาเราตื่นตาได้ ทั้งที่ในยุคนี้หนังฮีโร่มักจะเน้นความเรียลๆ กัน
3. การบาลานซ์ พาร์ทซีนอารมณ์และซีนแอ็คชั่น
สมดุลได้อย่างดี ถ้าย้อนไปในภาคก่อนๆ เรามักจะเห็นว่าเค้าเอียงไปทางฝั่งใดฝั่งนึง มากกว่า ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในขณะที่เรื่องนี้โคตรเก่ง ที่ดึงเราอยู่ทั้งสองพาร์ทแบยไม่เบื่อ
4. หนังเข้าเรื่อง และ เล่าเร็วแบบติดจรวดมากก
จะรู้สึกได้เลยว่าทั้งเรื่อง เหมือนเรามานั่งดู องค์2 - 3 ของหนังแล้ว กล้องแบบไม่นิ่งเลย + สนุกด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกอยากดูต่ออีกเรื่อยๆๆ
ข้อเสีย
1. ตัวละครบางทีมันเล่าเส้นตรง ทื่อๆเลย แบบจู่ๆ จากดีก็กลายเป็นเกลียดในไม่กี่นาทีได้ ซึ่งแบบมันขัดใจพอสมควร ด้วยความที่เค้าเล่าเร็ว เลยคงไม่อยากให้เกาะกับประเด็นตรงนี้นาน
2. องค์1 ที่อยากให้เค้าเล่าหน่อย จะได้เพิ่มความอินตรงนั้นได้ บางทีพอเค้าเล่ามาเป็นแค่ตัวหนังสือ เราจะมองภาพไม่ออกว่ามันเป็นแบบไหน เพิ่มเวลามาซัก10-20นาที ก็ได้ ผมว่าเจมส์กันคงไม่ทำให้น่าเบื่ออยู่แล้ว

สรุป
นี้เป็นหนัง ซุปเปอร์แมน ที่เรียกได้ว่า กลมกล่อม ครบเครื่องที่สุด เรื่องนึง ที่แน่นอนเลยคือ หนังจะไม่ปล่อยให้คุณง่วงหนาวหาวนอนแน่ แถมดูจบ ยังมีซีน มีคำพูด ที่ยังคงติดในหัวเราด้วย
ซุปเปอร์แมน ฉบับนี้ เป็นความหวังทั้งในเรื่องและแฟนๆ DC ได้แน่นอน
SUPERMAN 2025 : 1 ในหนังซุปเปอร์แมนที่ดีที่สุด
เข้าด้วยกันจนมันกลมกล่อม อร่อยเหาะ
ความรู้สึกหลังดู
ซึ้ง (น้ำตาซึม) , มันส์กับฉากแอ็คชั่น , หัวเราะกับจังหวะโดนๆ เจมส์ กัน แม่มโคตรเก่ง ที่พาคนดูรู้สึกไปได้กับทุกอารมณ์ แม้แต่ความดาร์ก การเมือง ยังมีหยอดเข้ามา แล้วมันพอดีไปหมดเลย ไม่มีส่วนไหนที่น่าเบื่อ นี้คือหนังแมส ที่ชวนลูกเล็กเด็กแดง ไปดูแล้วคุ้มค่าตั๋วแน่นอน
ข้อดี
1. ตัวละครรอบๆพี่ซุปของเรามีเสน่ห์กันหมดเลย (สไตล์เจมส์กัน เขาแหละ) มีสีสัน และซีนดีๆของตัวเองแต่ขณะเดียวกันก็บาลานซ์ ไปกับเรื่องไม่หลุดจนซุปเปอร์แมนเด่นน้อยลง
2. ความแฟนตาซี ที่แบบ โอ้โห หลุดจากโลกความจริงเยอะ จนพาเราตื่นตาได้ ทั้งที่ในยุคนี้หนังฮีโร่มักจะเน้นความเรียลๆ กัน
3. การบาลานซ์ พาร์ทซีนอารมณ์และซีนแอ็คชั่น
สมดุลได้อย่างดี ถ้าย้อนไปในภาคก่อนๆ เรามักจะเห็นว่าเค้าเอียงไปทางฝั่งใดฝั่งนึง มากกว่า ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในขณะที่เรื่องนี้โคตรเก่ง ที่ดึงเราอยู่ทั้งสองพาร์ทแบยไม่เบื่อ
4. หนังเข้าเรื่อง และ เล่าเร็วแบบติดจรวดมากก
จะรู้สึกได้เลยว่าทั้งเรื่อง เหมือนเรามานั่งดู องค์2 - 3 ของหนังแล้ว กล้องแบบไม่นิ่งเลย + สนุกด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกอยากดูต่ออีกเรื่อยๆๆ
ข้อเสีย
1. ตัวละครบางทีมันเล่าเส้นตรง ทื่อๆเลย แบบจู่ๆ จากดีก็กลายเป็นเกลียดในไม่กี่นาทีได้ ซึ่งแบบมันขัดใจพอสมควร ด้วยความที่เค้าเล่าเร็ว เลยคงไม่อยากให้เกาะกับประเด็นตรงนี้นาน
2. องค์1 ที่อยากให้เค้าเล่าหน่อย จะได้เพิ่มความอินตรงนั้นได้ บางทีพอเค้าเล่ามาเป็นแค่ตัวหนังสือ เราจะมองภาพไม่ออกว่ามันเป็นแบบไหน เพิ่มเวลามาซัก10-20นาที ก็ได้ ผมว่าเจมส์กันคงไม่ทำให้น่าเบื่ออยู่แล้ว
สรุป
นี้เป็นหนัง ซุปเปอร์แมน ที่เรียกได้ว่า กลมกล่อม ครบเครื่องที่สุด เรื่องนึง ที่แน่นอนเลยคือ หนังจะไม่ปล่อยให้คุณง่วงหนาวหาวนอนแน่ แถมดูจบ ยังมีซีน มีคำพูด ที่ยังคงติดในหัวเราด้วย
ซุปเปอร์แมน ฉบับนี้ เป็นความหวังทั้งในเรื่องและแฟนๆ DC ได้แน่นอน