ธุรกิจ : BizWeek
วันที่ 14 มิถุนายน 2556 01:45
โดย : สาวิตรี รินวงษ์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หลังทุ่มทุนมโหฬารกว่า 3 แสนล้านบาท เข้าซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็น หวยมาออกที่ "โออิชิ" ภายใต้การกุมบังเหียนของ "แมทธิว กิจโอธาน"เป็นแบรนด์นำร่อง
เป็นภารกิจ “หิน” ไม่น้อย กับการบริหารธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) สำหรับนักธุรกิจหนุ่มรูปงาม “แมทธิว กิจโอธาน” จากจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายนปี 2553 หลังเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน “ตัน ภาสกรนที”
ก่อนหน้านั้น ในปี 2551 เสี่ยตัน ขายกิจการนี้ให้กับเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งทีซีซี กรุ๊ป โดยเจริญหวังรวบธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม มาอยู่ในพอร์ตสารพัดเครื่องดื่มของเขา
การบริหารงานแมทธิว แรกๆออกจะชิลกับความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มของแบรนด์โออิชิ แม้ว่าสังเวียนชาเขียวในขณะนั้นมีอยู่หลายเจ้าที่โดดเข้ามาทำตลาด จนกระทั่งผู้ปลุกปั้นแบรนด์โออิชิอย่างตัน หวนคืนสมรภูมิชาเขียวอีกครั้ง ในชื่อ "อิชิตัน"
เมื่อนั้น แมทธิวและพวก ก็เริ่มรู้ชะตาของตัวเองว่า การรักษาความเป็นแชมป์ไว้นั้นยากเย็นเพียงใด นั่นคือก๊อกแรก !!
มาถึง "ก๊อกสอง" พันธกิจใหญ่ที่เขาต้องขับเคลื่อน คือการ "สานฝัน" ให้เสี่ยเจริญ รุกธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcohol) เจาะเวที “โลก” ตามธงที่ตั้งไว้ ขณะที่เป้าใหญ่กว่านั้น ไทยเบฟเวอเรจ (รวมพอร์ตชาเขียวโออิชิ) ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจต่างประเทศจาก 5% ของยอดขายในปี 2555 เป็น 30% ในอนาคตอันใกล้
ในงานแถลงข่าวประกาศความร่วมมือระหว่างโออิชิ กับพาร์ทเนอร์ใหม่ “เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส มาร์เก็ตติ้ง เอสดีเอ็น บีเอชดี หรือ เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส” บริษัทในเครือของบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา คือวันประกาศพันธกิจนั้น โดยมีแมทธิว เป็นแม่ทัพใหญ่ ด้วยการนำชาเขียวโออิชิ ไปรุกตลาดอาเซียน ประเดิมที่มาเลเซีย ผ่านเครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็น ที่เป็นเหมือนลายแทงการค้า
“การทำตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศ กลยุทธ์การตลาด เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน ช่องทางจำหน่ายก็แตกต่าง เช่น การนำชาเขียวโออิชิทำตลาดในมาเลเซียจะต้องเริ่มที่ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น เรื่องเหล่านี้ต้องวางแผนและศึกษาตลาดให้ดีก่อน” แมทธิว ยกตัวอย่างโจทย์หินในการบุกแดนเสือเหลือง
เจ้าตัวยังเล่าว่า ดีลนี้ใช้เวลาเจรจากับเอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเรส ค่อนข้างเร็วเพียง 3 เดือน โดยเห็นว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดร่วมกันที่มีแต่ได้กับได้ (win-win) เพราะโออิชิจะมีช่องทางการจัดจำหน่ายชาเขียวรุกอาเซียน ขณะเดียวกันก็จะทำให้เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส ขึ้นแท่นผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มในมาเลเซียได้ไม่ยาก โดยส่วนแบ่งการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 50% ในอนาคต จากปัจจุบันเอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส มีชาดำแบรนด์ Seasons เป็นเจ้าตลาด โดยมีส่วนแบ่งราว 32%
"วิสัยทัศน์ของเอฟแอนด์เอ็นในมาเลเซีย คือเขาต้องการเป็นผู้นำตลาดชา โออิชิก็จะช่วยเติมเต็ม Portfolioขณะที่เอฟแอนด์เอ็นก็มีจุดแข็งที่การเป็นผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยทำให้บริษัทยิ่งใหญ่มากขึ้น"
ยกชื่อชั้นแบรนด์ไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของ "ผู้นำ" ตลาดชาในมาเลเซีย ภายในปี 2560 เอาชนะเบอร์ 1 อย่าง Polka ชาจากค่ายซัปโปโร เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่เมืองอาทิตย์อุทัย และ Yoe's ของมาเลเซียที่รั้งเบอร์ 2 ตลาดชามาเลย์
เขายังบอกอีกว่า ภารกิจของโออิชิในสังเวียนภูมิภาคนั้น ในขาของการทำตลาด โออิชิจะเน้นการนับสนุนเรื่องงบประมาณด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขณะที่การจัดจำหน่ายจะใช้เครือข่ายของบริษัทในเครือของเอฟแอนด์เอ็น ที่มีช่องทางจำหน่ายครอบคลุมถึง 7.2 หมื่นแห่ง ประกอบด้วย ตู้แช่ 6 หมื่นแห่ง ตู้กดเครื่องดื่ม 5,100 แห่ง ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 1,460 แห่ง และร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) 3,800 แห่ง
เรียกได้ว่า "กินรวบ" ช่องทางจัดจำหน่ายถึง 90% ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในมาเลเซีย
ตลาดชาเขียวในมาเลเซียเล็กกว่าไทย 7 เท่าตัว ด้วยมูลค่าตลาดรวมเพียง 2,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดชาเขียวในไทยมีมูลค่าตลาดรวม 1.4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นโอกาสในการขยายตลาดจึงยังมีอีกมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้กันมาบริโภคชาพร้อมดื่ม แทนชาร้อนที่ปัจจุบันใหญ่กว่าตลาดชาพร้อมดื่มถึง 10 เท่าตัว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พึงระวัง นั่นคือ เอฟแอนด์เอ็นมีสินค้านมข้นหวาน นมสด จำหน่ายในตลาดชาร้อน โออิชิจึงต้องวางกลยุทธ์การทำตลาดให้ถี่ถ้วน ไม่ให้การเร่งตลาดชาพร้อมดื่มเป็นการทำลายยอดขายอีกหลายสินค้าในพอร์ตเอฟแอนด์เอ็น
บอสใหญ่โออิชิ ยังเห็นว่า อีกหนึ่งความได้เปรียบในการทำตลาดชาเขียวในมาเลเซีย นั่นคือการกำหนดราคาจำหน่าย ที่ขนาด 380 มล.ในราคา 26 บาท "สูงกว่า" ไทยที่ขายอยู่ที่ขวดละ 15 บาท ส่วนต่างราคาหมายถึงกำไรที่จะนำไปทุ่มเทกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดได้เข้มข้นมากขึ้น
ไม่เพียงเอฟแอนด์เอ็น ปัจจุบันโออิชิยังมีเครือข่ายบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (International Beverage Holdings Limited -IBHL) ที่มีพนักงาน 850 คน รวมถึงบริษัท โออิชิ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เป็นอีกช่องทางในการส่งออกชาเขียวไปยังตลาดยุโรปภายในปีนี้ เช่น อังกฤษ รัสเซีย โปแลนด์ โดยบรรจุภัณฑ์มีการพิมพ์ฉลาก 7 ภาษา" ตอกย้ำการกรุยทางให้โออิชิ ผงาดบนเวทีโลก
การมีพันธมิตรชั้นนำระดับภูมิภาค แมทธิวสำทับว่า "เอฟแอนด์เอ็นมีความชำนาญในตลาดเครื่องดื่มในเอเชีย แต่การทำตลาดจะมองแค่ผลิตภัณฑ์ไม่ได้ จะต้องมี Route to the Market (เส้นทางการค้า) ซึ่งองค์กรของเรามีความพร้อมมาก โดยเฉพาะเมื่อไปต่างประเทศกับพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง”
นอกจากนี้ มาเลเซียไม่ใช่ประเทศแรกที่โออิชิไปเคาะประตูการค้า แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำตลาดในลาว และกัมพูชา จนสามารถรั้งตำแหน่ง "ผู้นำตลาด" ในสองประเทศนี้ เรียบร้อยแล้ว
การส่งโออิชิไปขายในประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นเพียงการเดิมเกมการตลาดก้าวแรกของทีซีซีกรุ๊ปเท่านั้น ในอนาคตจะต้องนำสินค้าในพอร์ตเครื่องดื่มของไทยเบฟฯและบมจ.เสริมสุขออกไปทำตลาด โดยอาศัยเครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็น ,IBHL และโออิชิ อินเตอร์ เพิ่มเติมอีกแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้รายละเอียดยังไม่ตกผลึก ได้แก่ น้ำดื่มช้าง น้ำดื่มคริสตัล โซดาช้าง โซดาคริสตัล น้ำอัดลมเอส โคล่า กาแฟปรุงสำเร็จแบล็คอัพ น้ำผลไม้ฟรุ้ตเน็ต เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่พาวเวอร์พลัส
อย่างการเจาะตลาดเวียดนามทั้งประเทศ เสี่ยเจริญปูฐานไว้อย่างดี โดยอาศัยเครือข่ายโลจิสติกส์ของบริษัทไทอัน เวียดนาม จอยส์สต๊อก ซึ่งเป็นบริษัทที่เบอร์ลี่ยุคเกอร์ ไปซื้อกิจการเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นใบเบิกทางในตลาดเวียดนามเหนือ และไทคอร์ป (เบอร์ลี่ยุคเกอร์ถือหุ้น 75%) เป็นใบเบิกทางในตลาดเวียดนามใต้
อย่างไรก็ตาม แมทธิว ย้ำว่าเบื้องต้น จะขอมุ่งมั่นปลุกปั้นแบรนด์ชาเขียวโออิชิ รุกตลาดสิงคโปร์ บรูไน และพม่า เป็นอันดับแรก
"อย่างพม่า เอฟแอนด์เอ็นก็ถือหุ้นในบริษัทเมียนมาร์ บริวเวอรี่ ผู้ผลิตเบียร์พม่าหรือ Myanmar Beer ในสัดส่วน 55%" สะท้อนให้เห็นโอกาสต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจควบคู่ทั้ง 2 ขา คือธุรกิจแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์
ด้วยตลาดในประเทศที่ส่ออาการ "พ่าย" อิชิตัน แต่ แมทธิวย้ำหนักแน่นว่า "การวัดส่วนแบ่งการตลาดไม่ได้ดูกันเป็นเดือนๆ เกมนี้ต้องดูกันยาวๆ" ก่อนตบท้าย "ปัจจุบันโออิชิยังเป็นเบอร์ 1 ครองส่วนแบ่งการตลาด 42%"
ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนชาเขียวโออิชิ แมทธิว มุ่งมั่นที่จะรักษาแชมป์ชาเขียวในบ้าน ส่วนตลาดนอกบ้าน เป้าหมายใหญ่ที่มากกว่าการรั้งแชมป์ในแต่ละประเทศคือ การนำร่องสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ให้กับไทยเบฟฯ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในภูมิภาค โดยมีพี่เบิ้มอย่างเอฟแอนด์เอ็น เบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มในมาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็น "แรงเหวี่ยง" สำคัญ
"แมทธิว กิจโอธาน" เบอร์1ตลาดชาแดนเสือเหลือง
วันที่ 14 มิถุนายน 2556 01:45
โดย : สาวิตรี รินวงษ์
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
หลังทุ่มทุนมโหฬารกว่า 3 แสนล้านบาท เข้าซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็น หวยมาออกที่ "โออิชิ" ภายใต้การกุมบังเหียนของ "แมทธิว กิจโอธาน"เป็นแบรนด์นำร่อง
เป็นภารกิจ “หิน” ไม่น้อย กับการบริหารธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มภายใต้บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) สำหรับนักธุรกิจหนุ่มรูปงาม “แมทธิว กิจโอธาน” จากจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายนปี 2553 หลังเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน “ตัน ภาสกรนที”
ก่อนหน้านั้น ในปี 2551 เสี่ยตัน ขายกิจการนี้ให้กับเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี แห่งทีซีซี กรุ๊ป โดยเจริญหวังรวบธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม มาอยู่ในพอร์ตสารพัดเครื่องดื่มของเขา
การบริหารงานแมทธิว แรกๆออกจะชิลกับความเป็นเบอร์ 1 ในตลาดชาเขียวพร้อมดื่มของแบรนด์โออิชิ แม้ว่าสังเวียนชาเขียวในขณะนั้นมีอยู่หลายเจ้าที่โดดเข้ามาทำตลาด จนกระทั่งผู้ปลุกปั้นแบรนด์โออิชิอย่างตัน หวนคืนสมรภูมิชาเขียวอีกครั้ง ในชื่อ "อิชิตัน"
เมื่อนั้น แมทธิวและพวก ก็เริ่มรู้ชะตาของตัวเองว่า การรักษาความเป็นแชมป์ไว้นั้นยากเย็นเพียงใด นั่นคือก๊อกแรก !!
มาถึง "ก๊อกสอง" พันธกิจใหญ่ที่เขาต้องขับเคลื่อน คือการ "สานฝัน" ให้เสี่ยเจริญ รุกธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-alcohol) เจาะเวที “โลก” ตามธงที่ตั้งไว้ ขณะที่เป้าใหญ่กว่านั้น ไทยเบฟเวอเรจ (รวมพอร์ตชาเขียวโออิชิ) ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจต่างประเทศจาก 5% ของยอดขายในปี 2555 เป็น 30% ในอนาคตอันใกล้
ในงานแถลงข่าวประกาศความร่วมมือระหว่างโออิชิ กับพาร์ทเนอร์ใหม่ “เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส มาร์เก็ตติ้ง เอสดีเอ็น บีเอชดี หรือ เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส” บริษัทในเครือของบริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา คือวันประกาศพันธกิจนั้น โดยมีแมทธิว เป็นแม่ทัพใหญ่ ด้วยการนำชาเขียวโออิชิ ไปรุกตลาดอาเซียน ประเดิมที่มาเลเซีย ผ่านเครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็น ที่เป็นเหมือนลายแทงการค้า
“การทำตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศ กลยุทธ์การตลาด เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคมีความแตกต่างกัน ช่องทางจำหน่ายก็แตกต่าง เช่น การนำชาเขียวโออิชิทำตลาดในมาเลเซียจะต้องเริ่มที่ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น เรื่องเหล่านี้ต้องวางแผนและศึกษาตลาดให้ดีก่อน” แมทธิว ยกตัวอย่างโจทย์หินในการบุกแดนเสือเหลือง
เจ้าตัวยังเล่าว่า ดีลนี้ใช้เวลาเจรจากับเอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเรส ค่อนข้างเร็วเพียง 3 เดือน โดยเห็นว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดร่วมกันที่มีแต่ได้กับได้ (win-win) เพราะโออิชิจะมีช่องทางการจัดจำหน่ายชาเขียวรุกอาเซียน ขณะเดียวกันก็จะทำให้เอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส ขึ้นแท่นผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มในมาเลเซียได้ไม่ยาก โดยส่วนแบ่งการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 50% ในอนาคต จากปัจจุบันเอฟแอนด์เอ็น เบเวอเรจเจส มีชาดำแบรนด์ Seasons เป็นเจ้าตลาด โดยมีส่วนแบ่งราว 32%
"วิสัยทัศน์ของเอฟแอนด์เอ็นในมาเลเซีย คือเขาต้องการเป็นผู้นำตลาดชา โออิชิก็จะช่วยเติมเต็ม Portfolioขณะที่เอฟแอนด์เอ็นก็มีจุดแข็งที่การเป็นผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า การร่วมมือครั้งนี้จะช่วยทำให้บริษัทยิ่งใหญ่มากขึ้น"
ยกชื่อชั้นแบรนด์ไทยให้เป็นส่วนหนึ่งของ "ผู้นำ" ตลาดชาในมาเลเซีย ภายในปี 2560 เอาชนะเบอร์ 1 อย่าง Polka ชาจากค่ายซัปโปโร เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่เมืองอาทิตย์อุทัย และ Yoe's ของมาเลเซียที่รั้งเบอร์ 2 ตลาดชามาเลย์
เขายังบอกอีกว่า ภารกิจของโออิชิในสังเวียนภูมิภาคนั้น ในขาของการทำตลาด โออิชิจะเน้นการนับสนุนเรื่องงบประมาณด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขณะที่การจัดจำหน่ายจะใช้เครือข่ายของบริษัทในเครือของเอฟแอนด์เอ็น ที่มีช่องทางจำหน่ายครอบคลุมถึง 7.2 หมื่นแห่ง ประกอบด้วย ตู้แช่ 6 หมื่นแห่ง ตู้กดเครื่องดื่ม 5,100 แห่ง ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 1,460 แห่ง และร้านค้าในสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) 3,800 แห่ง
เรียกได้ว่า "กินรวบ" ช่องทางจัดจำหน่ายถึง 90% ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในมาเลเซีย
ตลาดชาเขียวในมาเลเซียเล็กกว่าไทย 7 เท่าตัว ด้วยมูลค่าตลาดรวมเพียง 2,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดชาเขียวในไทยมีมูลค่าตลาดรวม 1.4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นโอกาสในการขยายตลาดจึงยังมีอีกมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้กันมาบริโภคชาพร้อมดื่ม แทนชาร้อนที่ปัจจุบันใหญ่กว่าตลาดชาพร้อมดื่มถึง 10 เท่าตัว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พึงระวัง นั่นคือ เอฟแอนด์เอ็นมีสินค้านมข้นหวาน นมสด จำหน่ายในตลาดชาร้อน โออิชิจึงต้องวางกลยุทธ์การทำตลาดให้ถี่ถ้วน ไม่ให้การเร่งตลาดชาพร้อมดื่มเป็นการทำลายยอดขายอีกหลายสินค้าในพอร์ตเอฟแอนด์เอ็น
บอสใหญ่โออิชิ ยังเห็นว่า อีกหนึ่งความได้เปรียบในการทำตลาดชาเขียวในมาเลเซีย นั่นคือการกำหนดราคาจำหน่าย ที่ขนาด 380 มล.ในราคา 26 บาท "สูงกว่า" ไทยที่ขายอยู่ที่ขวดละ 15 บาท ส่วนต่างราคาหมายถึงกำไรที่จะนำไปทุ่มเทกับการจัดกิจกรรมทางการตลาดได้เข้มข้นมากขึ้น
ไม่เพียงเอฟแอนด์เอ็น ปัจจุบันโออิชิยังมีเครือข่ายบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เบฟเวอเรจ โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด (International Beverage Holdings Limited -IBHL) ที่มีพนักงาน 850 คน รวมถึงบริษัท โออิชิ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด เป็นอีกช่องทางในการส่งออกชาเขียวไปยังตลาดยุโรปภายในปีนี้ เช่น อังกฤษ รัสเซีย โปแลนด์ โดยบรรจุภัณฑ์มีการพิมพ์ฉลาก 7 ภาษา" ตอกย้ำการกรุยทางให้โออิชิ ผงาดบนเวทีโลก
การมีพันธมิตรชั้นนำระดับภูมิภาค แมทธิวสำทับว่า "เอฟแอนด์เอ็นมีความชำนาญในตลาดเครื่องดื่มในเอเชีย แต่การทำตลาดจะมองแค่ผลิตภัณฑ์ไม่ได้ จะต้องมี Route to the Market (เส้นทางการค้า) ซึ่งองค์กรของเรามีความพร้อมมาก โดยเฉพาะเมื่อไปต่างประเทศกับพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง”
นอกจากนี้ มาเลเซียไม่ใช่ประเทศแรกที่โออิชิไปเคาะประตูการค้า แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำตลาดในลาว และกัมพูชา จนสามารถรั้งตำแหน่ง "ผู้นำตลาด" ในสองประเทศนี้ เรียบร้อยแล้ว
การส่งโออิชิไปขายในประเทศเพื่อนบ้านยังเป็นเพียงการเดิมเกมการตลาดก้าวแรกของทีซีซีกรุ๊ปเท่านั้น ในอนาคตจะต้องนำสินค้าในพอร์ตเครื่องดื่มของไทยเบฟฯและบมจ.เสริมสุขออกไปทำตลาด โดยอาศัยเครือข่ายของเอฟแอนด์เอ็น ,IBHL และโออิชิ อินเตอร์ เพิ่มเติมอีกแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้รายละเอียดยังไม่ตกผลึก ได้แก่ น้ำดื่มช้าง น้ำดื่มคริสตัล โซดาช้าง โซดาคริสตัล น้ำอัดลมเอส โคล่า กาแฟปรุงสำเร็จแบล็คอัพ น้ำผลไม้ฟรุ้ตเน็ต เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เครื่องดื่มเกลือแร่พาวเวอร์พลัส
อย่างการเจาะตลาดเวียดนามทั้งประเทศ เสี่ยเจริญปูฐานไว้อย่างดี โดยอาศัยเครือข่ายโลจิสติกส์ของบริษัทไทอัน เวียดนาม จอยส์สต๊อก ซึ่งเป็นบริษัทที่เบอร์ลี่ยุคเกอร์ ไปซื้อกิจการเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นใบเบิกทางในตลาดเวียดนามเหนือ และไทคอร์ป (เบอร์ลี่ยุคเกอร์ถือหุ้น 75%) เป็นใบเบิกทางในตลาดเวียดนามใต้
อย่างไรก็ตาม แมทธิว ย้ำว่าเบื้องต้น จะขอมุ่งมั่นปลุกปั้นแบรนด์ชาเขียวโออิชิ รุกตลาดสิงคโปร์ บรูไน และพม่า เป็นอันดับแรก
"อย่างพม่า เอฟแอนด์เอ็นก็ถือหุ้นในบริษัทเมียนมาร์ บริวเวอรี่ ผู้ผลิตเบียร์พม่าหรือ Myanmar Beer ในสัดส่วน 55%" สะท้อนให้เห็นโอกาสต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจควบคู่ทั้ง 2 ขา คือธุรกิจแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์
ด้วยตลาดในประเทศที่ส่ออาการ "พ่าย" อิชิตัน แต่ แมทธิวย้ำหนักแน่นว่า "การวัดส่วนแบ่งการตลาดไม่ได้ดูกันเป็นเดือนๆ เกมนี้ต้องดูกันยาวๆ" ก่อนตบท้าย "ปัจจุบันโออิชิยังเป็นเบอร์ 1 ครองส่วนแบ่งการตลาด 42%"
ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนชาเขียวโออิชิ แมทธิว มุ่งมั่นที่จะรักษาแชมป์ชาเขียวในบ้าน ส่วนตลาดนอกบ้าน เป้าหมายใหญ่ที่มากกว่าการรั้งแชมป์ในแต่ละประเทศคือ การนำร่องสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ให้กับไทยเบฟฯ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ในภูมิภาค โดยมีพี่เบิ้มอย่างเอฟแอนด์เอ็น เบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มในมาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็น "แรงเหวี่ยง" สำคัญ