เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ-อินชอน เกาหลี-วอชิงตัน ดีซี อเมริกา
เดินทางโดยสายการบินเกาหลี Korean Air
ก่อนเดินทางวิตกกังวลมากมาย เพราะมีเด็กอายุ 2 ปี 4 เดือนเดินทางด้วย เป็นห่วงเรื่องการขึ้นเครื่องบิน สภาพอากาศที่อเมริกา เสื้อผ้าที่ต้องเตรียมให้ลูก แต่ก็ผ่านไปด้วยดีแถมเหนื่อยสุดๆ แต่ก็สนุกด้วย
เครื่องบินออกจากสนามบินเวลา 23:45 น. ครอบครัวเราก็เดินทางไปถึงสนามบินประมาณ 3 ทุ่ม ไปเข้าแถวเช็คอิน คนเยอะมาก แต่เนื่องจากเราเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน ก็เช็คอินพร้อมกัน คุณเจ้าหน้าที่ที่สนามบินน่ารักมาก พาเราไปเคาน์เตอร์ที่ไม่มีคนรอ จับกระเป๋าทุกใบที่จะโหลดขึ้นชั่งน้ำหนักและรอ Boarding Pass รวมทั้งขอใบขาเข้าและขาออก (ไม่ได้ดูในซองตั๋วเลย ว่าเอเจนซีที่ขายตั๋วให้เค้าก็แนบมากับตั๋วในซองให้แล้ว ํ_ ํ) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้ แล้วเราก็ไปถ่ายรูปกับญาติๆ ที่มาส่ง เหมือนจะไปอยู่นาน ญาติไปกันหมดบ้านเลย ประมาณ 4 ทุ่ม ก็ต้องเข้าไปด้านในแล้วค่ะ ญาติๆ ก็มาส่งจนถึงหน้าบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปยังเคาน์เตอร์ตรวจคนขาออกเลย พอเข้าไปด้านใน พี่สาวกับคุณอาก็ไปใช้บริการสแกนพาสปอร์ตแทนการแสตมป์ตราขาออกค่ะ แต่เนื่องจากเรามีลูก ดังนั้น เรากับลูกต้องไปเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่ตม. อยู่ค่ะ แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นค่ะ คือเรากับลูกไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน ลูกใช้นามสกุลสามี คุณตม. ก็เลยไม่ให้ผ่านค่ะ ต้องไปตามคุณพ่อเด็กมาเป็นพยาน (แต่ตรงนี้เค้าไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาแล้วยังไงหว่า แต่คุณสารวัตร ตม ก็ให้โทรตามสามีมานะคะ แต่เผอิญโชคดีอีกหน่อยค่ะ พี่สาวเราเค้ามีไฟล์สูติบัตรลูกชายติด External Hard Disk ไปด้วย เผื่อเจ้านายพี่สาวจะคุยเรื่องงาน ก็เลยใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาทีเลยค่ะกว่าจะผ่าน ตม.ไปได้ ก็เลยยืนดูเรื่องคุณชายพุฒิภัทร์อยู่แถวๆ ห้อง ตม. ไปพลางๆ เมื่อเรียบร้อยคุณสารวัตรก็แสตมป์ตราขาออกให้ค่ะ ท่านให้เหตุผลว่า กลัวเด็กถูกลักพาตัว คิดสองแง่ วิธีนี้ดีค่ะ แต่เราไม่สะดวก 55 ไม่น่าจะเรื่องมาก ก็ฝากถึงคุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายที่นามสกุลลูกไม่เหมือนตัวเอง ก็พกสำเนาสูติบัตรติดไปด้วยนะคะ
พอผ่านตรงนี้ ก็เดินๆๆๆ ค่ะเข้าไปข้างใน เดินไกลมากก กว่าจะถึงเกท เดินไปถึงเกทก็ 5 ทุ่มนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากดึกแล้วลูกชายก็เริ่มงอแง ง่วงนอน พอถึงเกทลูกชายก็เกิดอาการกลัวเครื่องบินซะอย่างนั้นเลย ตอนอยู่ที่บ้านเห็นเครื่องบินผ่านไปกี่ลำกี่ลำ ก็บอกแม่ airplane มาแล้ว เรียกให้ทุกคนในบ้านดู (บ้านอยู่ใกล้สนามบินน่ะค่ะ) ก่อนเดินทางก็คุยกับลูกค่ะ ว่าจะพาไปขึ้นเครื่องบินนะ แต่เนื่องจากไม่เคยเดินทางโดยเครื่องบินเลย (ในประเทศ) เลยทำให้เค้ากลัว ต้องคอยกอดเค้าไว้ด้วยค่ะ พอได้เวลาขึ้นเครื่อง พนักงานก็จะเรียกให้ขึ้นเครื่อง แบ่งทางเข้าเป็น 2 ทางค่ะ คือมีเด็กเดินทางด้วยจะเข้าช่องทาง VIP ส่วนผู้โดยสารอื่นๆ ก้เข้าอีกเลน แต่ไ่ม่ต่างกันเลยค่ะ เข้าไปออกันตรงงวงช้างนั่นล่ะ ไม่ได้สิทธิพิเศษอะไรเลย เรากับพี่สาวไม่รู้ว่าเราสามารถเข้าไปพร้อมกันได้ เลยแยกทางกันเข้าแถว แต่ก็ไปเจอกันในงวงช้างอยู่ดี ทีนี้ตอนอยู่ในงวงช้าง ลูกชายก็เกิดอาการกังวลมั้งคะ ร้องจะกลับบ้านอย่างเดียวเลย เราก็ใจฝ่อเลยค่ะ ก็กอดและปลอบเค้าค่ะ ว่ามานั่งเครื่องบินแล้วไง ไปเที่ยวกันไม่ต้องกลัว เค้าก็เริ่มร้องไห้

พอไปถึงตรงที่นั่ง ก็พาเค้านั่ง เค้าก็ร้องค่ะ แต่น้องแอร์โฮสเตส (คนไทย) ก็เดินมาคุยมาเล่นด้วย แล้วก็เอาของเล่นและน้ำดื่มมาให้ ก็ดีขึ้นค่ะ เบี่ยงเบนความสนใจไปได้
ของเล่นที่ให้เป็นสมุดระบายสีน้ำค่ะ (เราชอบมากๆ เลย) เป็นตัวการ์ตูนของเกาหลีค่ะ ชื่อ Pororo สมุดมี 4 หน้าค่ะ มีพู่กันมาให้หนึ่งด้ามค่ะ พู่กันแบบดูดน้ำได้ เวลาระบายสีก็คอยบีบน้ำออกมาทีละน้อยแล้วก็แต้มไปบนสมุดค่ะ สีก็จะปรากฏค่ะ แต่พอสักพักน้ำที่สมุดแห้งภาพก็จะหายไป เล่นได้หลายครั้งมากเลย จนสมุดเปื่อยและงอ คือพอแห้งเราก็ใช้พู่กันจุ่มน้ำมาไ้ว้ในหลอดพู่กันแล้วก็ระบายลงไปบนสมุดใหม่ค่ะ เล่นได้สักพักลูกชายก็ง่วงแล้วก็หลับไปค่ะ แต่เราหิว 55 ก็ถามคุณอาว่าเค้าจะเสิร์ฟอาหารบนเครื่องตอนไหน อาเราก็บอกว่า บินได้สักพักก็เสริฟ์ เราก็เลยไม่ได้กินข้าวเย็นไปอ่ะ กะว่าไปกินบนเครื่องทีเดียว ที่ไหนได้ เสิร์ฟอาหารประมาณ ตี 3 ของบ้านเราอ่ะ อาหารมีให้เลือก 3 อย่างได้มั้งคะ จำไม่ได้ ขาไปกิน BiBimBub (ข้าวยำเกาหลี) คุณแอร์โฮสเตสชาวเกาหลีแนะนำ แล้วเคยอ่านรีวิวในนี้่ล่ะ เค้าบอกว่าอร่อยก็เลยลองดู แล้วคุณแอร์ฯ ก็ให้แผ่นกระดาษขนาด A4 แนะนำวิธีกินให้ค่ะ ดูน่าสนใจมากเลย แต่พอได้กินแล้ว เอ่อ มันไม่อร่อยอ่ะ อ้อ แล้วก็อาหารของเด็ก ช่วงเครื่องจะออกคุณแอร์ฯ ก็จะเดินไปทุกที่นั่งค่ะ จะถามว่าสำหรับเด็กต้องการอาหารอะไร และเครื่องดื่มอะไร ก็ขอน้ำส้มให้ลูกชายค่ะ (น้ำส้มไม่ค่อยอร่อย แบบกล่องเทใส่แก้ว) น้ำสับปะรดอร่อยกว่า แต่อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ
สำหรับที่นั่ง เคยอ่านเจอในนี้อีกเช่นกัน บอกว่าที่นั่งของสายการบินนี้นั่งสบาย แต่สำหรับเราไม่อ่ะ เมื่อยคอเมื่อยหลังสุดๆ เลยอ่ะ อาจจะเพราะเดินทางระยะไกลด้วยมั้ง แต่สำหรับลูกชายนอนสบายนะคะ เพราะเราจองที่นั่งสามที่ติดกัน ก็เลยยกที่วางแขนออก แล้วก็ให้ลูกชายนอนเหยียดยาวเลยค่ะ มีแม่กับป้านี่ล่ะ นั่งเมื่อยตลอดทาง พี่สาวเราได้หลับ แต่เราไม่ได้หลับ ก็หิวอ่ะเนอะ แล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะเสิร์ฟอาหารกี่โมง แต่ก็มีช่วงที่หลับไปนิดหน่อยค่ะ บนเครื่องก็ปิดไฟให้ผู้โดยสารค่ะ แต่พอจะเสิร์ฟอาหารก็เปิดไฟค่ะ บนเครื่องบินจะวางผ้าห่ม, ชุดแปรงสีฟันยาสีฟัน แล้วก็รองเท้าผ้าบางๆและหมอน ไว้ให้ที่เก้าอี้แต่ละตัวค่ะ อากาศในเครื่องตอนแรกคิดว่าจะหนาวค่ะ ผ้าห่มที่มีไว้ให้ก็เพียงพอค่ะ ห้องน้ำบนเครื่องก็มีทั้งห้องน้ำแคบและกว้างค่ะ ห้องน้ำกว้างจะสำหรับผู้โดยสารที่จะมี wheel chair หรือมีผู้ติดตาม แล้วเค้าจะมีรูปติดหน้าห้องน้ำแต่ละห้องนะคะ คือจะมีห้องสำหรับ 1. รูปคนท้อง, รูปแม่และเด็ก และรูปผู้หญิง อีกห้องจะเป็นห้องน้ำสำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง มีหลายห้องค่ะ แต่ก็มีการรอคิวเหมือนกันค่ะ...เดี๋ยวมาต่อรีวิวตอนถึงเกาหลีและการเปลี่ยนไฟล์ที่สนามบินอินชอนค่ะ
[CR] การเดินทางไปอเมริกาครั้งแรก
เดินทางโดยสายการบินเกาหลี Korean Air
ก่อนเดินทางวิตกกังวลมากมาย เพราะมีเด็กอายุ 2 ปี 4 เดือนเดินทางด้วย เป็นห่วงเรื่องการขึ้นเครื่องบิน สภาพอากาศที่อเมริกา เสื้อผ้าที่ต้องเตรียมให้ลูก แต่ก็ผ่านไปด้วยดีแถมเหนื่อยสุดๆ แต่ก็สนุกด้วย
เครื่องบินออกจากสนามบินเวลา 23:45 น. ครอบครัวเราก็เดินทางไปถึงสนามบินประมาณ 3 ทุ่ม ไปเข้าแถวเช็คอิน คนเยอะมาก แต่เนื่องจากเราเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด 4 คน ก็เช็คอินพร้อมกัน คุณเจ้าหน้าที่ที่สนามบินน่ารักมาก พาเราไปเคาน์เตอร์ที่ไม่มีคนรอ จับกระเป๋าทุกใบที่จะโหลดขึ้นชั่งน้ำหนักและรอ Boarding Pass รวมทั้งขอใบขาเข้าและขาออก (ไม่ได้ดูในซองตั๋วเลย ว่าเอเจนซีที่ขายตั๋วให้เค้าก็แนบมากับตั๋วในซองให้แล้ว ํ_ ํ) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้ แล้วเราก็ไปถ่ายรูปกับญาติๆ ที่มาส่ง เหมือนจะไปอยู่นาน ญาติไปกันหมดบ้านเลย ประมาณ 4 ทุ่ม ก็ต้องเข้าไปด้านในแล้วค่ะ ญาติๆ ก็มาส่งจนถึงหน้าบันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปยังเคาน์เตอร์ตรวจคนขาออกเลย พอเข้าไปด้านใน พี่สาวกับคุณอาก็ไปใช้บริการสแกนพาสปอร์ตแทนการแสตมป์ตราขาออกค่ะ แต่เนื่องจากเรามีลูก ดังนั้น เรากับลูกต้องไปเข้าช่องที่มีเจ้าหน้าที่ตม. อยู่ค่ะ แล้วก็เกิดปัญหาขึ้นค่ะ คือเรากับลูกไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน ลูกใช้นามสกุลสามี คุณตม. ก็เลยไม่ให้ผ่านค่ะ ต้องไปตามคุณพ่อเด็กมาเป็นพยาน (แต่ตรงนี้เค้าไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาแล้วยังไงหว่า แต่คุณสารวัตร ตม ก็ให้โทรตามสามีมานะคะ แต่เผอิญโชคดีอีกหน่อยค่ะ พี่สาวเราเค้ามีไฟล์สูติบัตรลูกชายติด External Hard Disk ไปด้วย เผื่อเจ้านายพี่สาวจะคุยเรื่องงาน ก็เลยใช้เวลาอีกประมาณ 30 นาทีเลยค่ะกว่าจะผ่าน ตม.ไปได้ ก็เลยยืนดูเรื่องคุณชายพุฒิภัทร์อยู่แถวๆ ห้อง ตม. ไปพลางๆ เมื่อเรียบร้อยคุณสารวัตรก็แสตมป์ตราขาออกให้ค่ะ ท่านให้เหตุผลว่า กลัวเด็กถูกลักพาตัว คิดสองแง่ วิธีนี้ดีค่ะ แต่เราไม่สะดวก 55 ไม่น่าจะเรื่องมาก ก็ฝากถึงคุณพ่อ คุณแม่ทั้งหลายที่นามสกุลลูกไม่เหมือนตัวเอง ก็พกสำเนาสูติบัตรติดไปด้วยนะคะ
พอผ่านตรงนี้ ก็เดินๆๆๆ ค่ะเข้าไปข้างใน เดินไกลมากก กว่าจะถึงเกท เดินไปถึงเกทก็ 5 ทุ่มนิดหน่อยค่ะ เนื่องจากดึกแล้วลูกชายก็เริ่มงอแง ง่วงนอน พอถึงเกทลูกชายก็เกิดอาการกลัวเครื่องบินซะอย่างนั้นเลย ตอนอยู่ที่บ้านเห็นเครื่องบินผ่านไปกี่ลำกี่ลำ ก็บอกแม่ airplane มาแล้ว เรียกให้ทุกคนในบ้านดู (บ้านอยู่ใกล้สนามบินน่ะค่ะ) ก่อนเดินทางก็คุยกับลูกค่ะ ว่าจะพาไปขึ้นเครื่องบินนะ แต่เนื่องจากไม่เคยเดินทางโดยเครื่องบินเลย (ในประเทศ) เลยทำให้เค้ากลัว ต้องคอยกอดเค้าไว้ด้วยค่ะ พอได้เวลาขึ้นเครื่อง พนักงานก็จะเรียกให้ขึ้นเครื่อง แบ่งทางเข้าเป็น 2 ทางค่ะ คือมีเด็กเดินทางด้วยจะเข้าช่องทาง VIP ส่วนผู้โดยสารอื่นๆ ก้เข้าอีกเลน แต่ไ่ม่ต่างกันเลยค่ะ เข้าไปออกันตรงงวงช้างนั่นล่ะ ไม่ได้สิทธิพิเศษอะไรเลย เรากับพี่สาวไม่รู้ว่าเราสามารถเข้าไปพร้อมกันได้ เลยแยกทางกันเข้าแถว แต่ก็ไปเจอกันในงวงช้างอยู่ดี ทีนี้ตอนอยู่ในงวงช้าง ลูกชายก็เกิดอาการกังวลมั้งคะ ร้องจะกลับบ้านอย่างเดียวเลย เราก็ใจฝ่อเลยค่ะ ก็กอดและปลอบเค้าค่ะ ว่ามานั่งเครื่องบินแล้วไง ไปเที่ยวกันไม่ต้องกลัว เค้าก็เริ่มร้องไห้
ของเล่นที่ให้เป็นสมุดระบายสีน้ำค่ะ (เราชอบมากๆ เลย) เป็นตัวการ์ตูนของเกาหลีค่ะ ชื่อ Pororo สมุดมี 4 หน้าค่ะ มีพู่กันมาให้หนึ่งด้ามค่ะ พู่กันแบบดูดน้ำได้ เวลาระบายสีก็คอยบีบน้ำออกมาทีละน้อยแล้วก็แต้มไปบนสมุดค่ะ สีก็จะปรากฏค่ะ แต่พอสักพักน้ำที่สมุดแห้งภาพก็จะหายไป เล่นได้หลายครั้งมากเลย จนสมุดเปื่อยและงอ คือพอแห้งเราก็ใช้พู่กันจุ่มน้ำมาไ้ว้ในหลอดพู่กันแล้วก็ระบายลงไปบนสมุดใหม่ค่ะ เล่นได้สักพักลูกชายก็ง่วงแล้วก็หลับไปค่ะ แต่เราหิว 55 ก็ถามคุณอาว่าเค้าจะเสิร์ฟอาหารบนเครื่องตอนไหน อาเราก็บอกว่า บินได้สักพักก็เสริฟ์ เราก็เลยไม่ได้กินข้าวเย็นไปอ่ะ กะว่าไปกินบนเครื่องทีเดียว ที่ไหนได้ เสิร์ฟอาหารประมาณ ตี 3 ของบ้านเราอ่ะ อาหารมีให้เลือก 3 อย่างได้มั้งคะ จำไม่ได้ ขาไปกิน BiBimBub (ข้าวยำเกาหลี) คุณแอร์โฮสเตสชาวเกาหลีแนะนำ แล้วเคยอ่านรีวิวในนี้่ล่ะ เค้าบอกว่าอร่อยก็เลยลองดู แล้วคุณแอร์ฯ ก็ให้แผ่นกระดาษขนาด A4 แนะนำวิธีกินให้ค่ะ ดูน่าสนใจมากเลย แต่พอได้กินแล้ว เอ่อ มันไม่อร่อยอ่ะ อ้อ แล้วก็อาหารของเด็ก ช่วงเครื่องจะออกคุณแอร์ฯ ก็จะเดินไปทุกที่นั่งค่ะ จะถามว่าสำหรับเด็กต้องการอาหารอะไร และเครื่องดื่มอะไร ก็ขอน้ำส้มให้ลูกชายค่ะ (น้ำส้มไม่ค่อยอร่อย แบบกล่องเทใส่แก้ว) น้ำสับปะรดอร่อยกว่า แต่อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ
สำหรับที่นั่ง เคยอ่านเจอในนี้อีกเช่นกัน บอกว่าที่นั่งของสายการบินนี้นั่งสบาย แต่สำหรับเราไม่อ่ะ เมื่อยคอเมื่อยหลังสุดๆ เลยอ่ะ อาจจะเพราะเดินทางระยะไกลด้วยมั้ง แต่สำหรับลูกชายนอนสบายนะคะ เพราะเราจองที่นั่งสามที่ติดกัน ก็เลยยกที่วางแขนออก แล้วก็ให้ลูกชายนอนเหยียดยาวเลยค่ะ มีแม่กับป้านี่ล่ะ นั่งเมื่อยตลอดทาง พี่สาวเราได้หลับ แต่เราไม่ได้หลับ ก็หิวอ่ะเนอะ แล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะเสิร์ฟอาหารกี่โมง แต่ก็มีช่วงที่หลับไปนิดหน่อยค่ะ บนเครื่องก็ปิดไฟให้ผู้โดยสารค่ะ แต่พอจะเสิร์ฟอาหารก็เปิดไฟค่ะ บนเครื่องบินจะวางผ้าห่ม, ชุดแปรงสีฟันยาสีฟัน แล้วก็รองเท้าผ้าบางๆและหมอน ไว้ให้ที่เก้าอี้แต่ละตัวค่ะ อากาศในเครื่องตอนแรกคิดว่าจะหนาวค่ะ ผ้าห่มที่มีไว้ให้ก็เพียงพอค่ะ ห้องน้ำบนเครื่องก็มีทั้งห้องน้ำแคบและกว้างค่ะ ห้องน้ำกว้างจะสำหรับผู้โดยสารที่จะมี wheel chair หรือมีผู้ติดตาม แล้วเค้าจะมีรูปติดหน้าห้องน้ำแต่ละห้องนะคะ คือจะมีห้องสำหรับ 1. รูปคนท้อง, รูปแม่และเด็ก และรูปผู้หญิง อีกห้องจะเป็นห้องน้ำสำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง มีหลายห้องค่ะ แต่ก็มีการรอคิวเหมือนกันค่ะ...เดี๋ยวมาต่อรีวิวตอนถึงเกาหลีและการเปลี่ยนไฟล์ที่สนามบินอินชอนค่ะ