-----ย้อนรอย! 5 คดี อุ้มฆ่าพิศวง มี 3 คดีเกิดขึ้นในรัฐบาลตระกูลชินวัตร (ตอนที่1)-----

ย้อนรอย ยุคมืดประเทศไทย อุ้มฆ่าพิศวง? จากสังหาร 4 รมต. ถึง อวสาน “เจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์” ใคร? จะเป็นรายต่อไป

ข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของ เจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ เอกยุทธ อัญชันบุตร กระทั่งหลายฝ่ายออกมายืนยันถึงการเสียชีวิต ภายหลังมีการจับกุม สันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถ พร้อมคำรับสารภาพเป็นผู้ลงมือสังหารด้วยตัวเอง

จากเหตุจูงใจความแค้นที่แฟนสาวโดนไล่ออกจากงาน และประสงค์ชิงเงินสด 5 ล้านบาท?

ข้อกังขาย่อมเกิดขึ้น ด้วยเพราะ “เจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์” คนนี้ ใช้ชีวิตอย่างไม่ธรรมดา ด้วยเคยหนีเป็นหนีตายทางการเมืองมานักต่อนัก ด้วยบุคลิคดิบส่วนตัวที่เป็นก้างขวางคอและขัดแย้งกับขั้วอำนาจทางการเมืองไปเรื่อยในหลายยุค ตั้งแต่เป็นนายทุนหนุ่มวัยเพียง 25 ปี ที่สนับสนุน “กลุ่มยังเติร์ก” หรือนายทหารกลุ่มจปร.7 นำโดย พ.อ.มนูญ (มนูญกฤต) รูปขจร ทำการปฏิวัติรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในอดีต แต่ไม่สำเร็จ ต้องระเห็จออกนอกประเทศกันไปคนละทาง

โดยเฉพาะการมีลีลาเอาตัวรอดจากคดี “แชร์ชาร์เตอร์” ในอดีต ด้วยการหนีออกนอกประเทศจนคดีหมดอายุความ

เพื่อให้ได้เห็นภาพประวัติศาสตร์จากอดีตถึงปัจจุบัน ลองมาย้อนรอยคดี “อุ้มฆ่า” หรือ “สังหาร” สำหรับประเทศไทยพอสังเขป ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเกิดขึ้นหลายครั้ง เฉพาะที่เป็นคดีใหญ่คดีดัง ส่วนใหญ่ มักเกี่ยวกับกับผลประโยชน์ อำนาจ โดยเฉพาะมูลเหตุทางการเมืองเสมอ ๆ หลายครั้งก็เป็นฝีมือของฝ่ายเจ้าหน้าที่เองด้วยซ้ำ หลายคดีก็สามารถปิดได้โดยผู้กระทำความผิดได้รับโทษทัณฑ์ แต่หลายคดี ก็ยังคงเป็นปริศนาตลอดกาล


1.คดีเพชรซาอุ คดีขโมยเครื่องเพชรราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดิอาระเบีย เมื่อปี 2532 โดย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ซึ่งได้เดินทางไปทำงานยังซาอุดิอาระเบีย และถูกทาบทามให้เข้าไปทำงานในพระราชวังของกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกรได้ขโมยเครื่องเพชรของ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด (Prince Faisal Bin Fahd Bin Abdul Aziz) แห่งราชวงศ์ไฟซาลของซาอุดิอาระเบียมาได้ถึง 2 ครั้ง
อธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ในขณะนั้นมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตภาคเหนือ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย หลังจากนั้นเมื่อนายเกรียงไกร ถูกชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.ชลอ จับกุมและนำตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพ แต่ทว่า พล.ต.ท.ชลอ กลับใช้ได้ทุกวิถีทาง โดย นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชรที่รับซื้อเพชรที่ถูกโจรกรรมถูกตำรวจในทีม พล.ต.ท.ชลอ ข่มขู่คุกคามให้คืนเพชร

ในที่สุด พล.ต.ท.ชลอ ตัดสินใจให้คณะทำงานตั้งด่านตรวจ หน้าซอยบ้านนายสันติ ระหว่างที่ภรรยาของนายสันติ คือ นางดาราวดี กำลังจะไปส่งลูกชาย ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ที่โรงเรียน ทีมของพล.ต.ท.ชลอ ก็จับทั้งคู่ไปกักขัง เพื่อบังคับให้นายสันตินำเพชรส่วนที่เหลือมาคืน ซึ่งนายสันติก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ว่าลูกและเมียถูกอุ้ม แต่ขังไว้นานเป็นเดือน ย้ายที่กบดานไปหลายแห่งก็ยังไม่ได้เพชรคืน ซ้ำตำรวจคนหนึ่งยังได้ข่มขืนภรรยาของนายสันติ

ทีมตำรวจชุดนี้จึงฆ่าปิดปากสองแม่ลูก แล้วอำพรางคดีให้เป็นเหมือนกับเกิดอุบัติเหตุรถชน

ต่อมา ทีมสอบสวนชุดใหม่กลับสืบพบว่าเป็นการอุ้มฆ่า จึงได้ทำการจับกุมตัว พล.ต.ท.ชลอ และลูกน้องทั้ง 9 คน มาดำเนินการทางกฎหมาย พล.ต.ท.ชลอถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานออกคำสั่งฆ่าสองแม่ลูก และในที่สุดศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้ประหารชีวิต พล.ต.ท.ชลอ และศาลฎีกาก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2552 ยืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิต สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศเรื่อง มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดอดีตข้าราชการตำรวจออกเสียจากยศตำรวจ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งหมด ต่อมา พล.ต.ท.ชลอ ได้รับพระราชทานอภัยโทษใน พ.ศ. 2553 เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต และใน พ.ศ. 2554 เหลือโทษจำคุก 50 ปี

2.คดีฆ่านักการทูตและนักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย ได้แก่ คดีสังหารนักการทูตซาอุฯ 3 ราย เมื่อต้นปี 2533 และ คดีหายตัวลึกลับของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจ ชาวซาอุฯ โดยเฉพาะคดี หลังถือว่ากระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุฯมากที่สุด เนื่องด้วยนายอัลรูไวลี่ มีศักดิ์เป็นเชื้อพระวงศ์กษัตริย์ซาอุฯ

นายอัลรูไวลี่ เข้ามาอยู่ในเมืองไทยประมาณปี 2529 โดยทำธุรกิจจัดส่งแรงงานไปทำงานในประเทศแถบตะวันออกกลาง ภายหลังเกิดคดีฆาตกรรมนักการทูตซาอุฯ จากนั้นไม่นาน นายอัลรูไวลี่ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2533 มีคนพบเห็นครั้งสุดท้ายขณะขับรถเก๋งเปอโยต์ 505 สีเขียว ทะเบียน 3 ข-7687 กรุงเทพมหานคร ออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน ประมาณเวลา 15.00 น. นายอัลรูไวลี่ โทรศัพท์ติดต่อกับภรรยาบอกว่าจะเดินทางไปรับกลับบ้าน จากนั้นก็หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สถานทูตประเทศซาอุฯประจำประเทศไทย ได้เข้า แจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ต่อมาพบรถของนายอัลรูไวรี่ จอดไว้ที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านถนนสีลม

ต่อมารัฐบาลในปี 2535 รัฐบาลสมัยนั้นต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย จึงสั่งให้ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ปัดฝุ่นคดีขึ้นมาอีกครั้ง โดยตำรวจสืบสวนในทางลับ กระทั่งพบว่าการหายตัวไปของอัลรูไวลี่ น่าจะมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีสังหาร 3 เจ้าหน้าที่ทูตซาอุฯก่อนหน้า เนื่องจากทีมสืบสวนที่ทำคดีสังหารนักการทูตซาอุฯ อ้างว่าพยายามตามหาตัวอัลรูไวลี่ มาสอบปากคำข้อมูลพยานหลักฐานบางอย่างเพราะทราบว่าพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเหยื่อบางคน ต่อมามีนายพลตำรวจบางนายขณะนั้นตกเป็นผู้ต้องสงสัย และถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นผู้รับมอบหมายให้ทำคดีฆ่าสังหารนักการทูตซาอุฯ แต่ภายหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้คดีนี้ยังคง ค้างคาใจ ทางการซาอุฯตลอดมา

กระทั่งปัจจุบัน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้ามารื้อฟื้นคดี ระบุว่าพบพยานหลักฐานใหม่เป็น แหวนทองที่หัวแหวนมีรูปพระจันทร์เสี้ยวได้มาจากนายตำรวจในทีมสอบสวนคดี โดยนายตำรวจ คนดังกล่าวอ้างเหตุผลที่กลับคำให้การและนำแหวนมามอบให้เป็นหลักฐานว่า เพื่อต้องการไถ่บาป เพราะรู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ทั้งนี้พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่า ตำรวจคนดังกล่าวได้ไปทำพิธีกรรมอุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อจริง ก่อนหน้าเข้าให้การ ชุดสืบสวนจึงให้น้ำหนักคำให้การพร้อมกันไว้เป็นพยาน จากนั้นดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาบิ๊กสีกากีระดับ พล.ต.ท. พร้อมตำรวจยศ พ.ต.อ. 2 นาย, พ.ต.ท. และ จ.ส.ต. ตำรวจนอกราชการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ โทษฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายและร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและเพื่อปกปิดการกระทำความผิดอื่นของตน และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ก่อนที่คดีจะหมดอายุความเมื่อต้นปี 2553 เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง

โดยจำเลยทั้ง 5 สารภาพได้ร่วมกันลักพาตัวนายอัลรูไวลี่ เนื่องจากสงสัยว่าอัลรูไวลี่ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนักการทูตซาอุฯ เพราะมีความขัดแย้งกันเรื่องจัดส่งแรงงานไทย จากนั้นนำตัวอัลรูไวลี่ไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านพระโขนง และทำร้ายร่างกายโดยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ยอมรับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายนักการทูตซาอุฯ นอกจากนี้ยังร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงอัลรูไวลี่จนเสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปเผาทำลายในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อปิดบังการตายหรือปิดบังสาเหตุของการตาย

แต่ทว่ามากี่ยุค กี่รัฐบาล คดีปริศนาการหายตัวของอัลรูไวลี่ ก็ยังไร้ร่องรอยอยู่อย่างเดิม...

ที่มา แนวหน้า
ตอนที่2 -----------> http://pantip.com/topic/30602560
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่