คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
แบบตรง ๆ เลยก็คือเอามาอธิบายการปลดปล่อยพลังงานของปฏิกิริยานิวเคลียร์ได้ครับ
ซึ่งเราพบว่าเมื่ออะตอมของธาตุหนักสลายตัวออกเป็นธาตุเบา 2 ธาตุ มวลอะตอมมของ 2 ธาตุหลังจะน้อยกว่ามวลของอะตอมของธาตุตั้งต้นอยู่เล็กน้อย ซึ่งมวลที่หายไปจริง ๆ แล้วกลายเป็นพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมา
แต่ความจริงแล้วสูตรนี้ไม่ได้มีความสำคัญมากขนาดนั้นครับ
สิ่งที่สำคัญก็คือทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่ให้กำเนิดสูตรนี้ขึ้นมา โดยทฤษฎีนี้สามารถนำมาใช้อธิบายอนุภาคที่วิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างแม่นยำ อย่างที่ฟิสิกส์แบบดั้งเดิมไม่สามารถอธิบายได้
ผลหลัก ๆ ของทฤษฎีนี้ที่มีผลต่อชีวิตประจำวันของเราก็คือ GPS นั่นเอง
GPS ใช้หลักการที่ส่งสัญญาณจากเครื่องมือของเราไปยังดาวเทียม 4 ตัว และเปรียบเทียบเวลาที่สัญญาณที่่ใช้เดินทางแล้วคำนวณเป็นตำแหน่งของเครื่องมือนั้นว่าอยู่ในส่วนไหนของโลก แต่เนื่องจากว่าดาวเทียมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเมื่อเทียบกับพื้นผิวโลก ทำให้นาฬิกาบนดาวเทียมเดินด้วยความเร็วที่ต่างจากนาฬิกาบนผิวโลก ทำให้ตำแหน่งที่คำนวณได้คลาดเคลื่อนไปหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว แต่หลังจากคิดผลของทฤษฎีสัมพัทธภาพเข้าไปด้วยแล้ว ทำให้ GPS สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำถึงระดับเมตรเลยทีเดียว
นอกจากนี้ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากสำหรับฟิสิกส์ขั้นสูงเช่น Quantum field theory, Quantum Chromodynamic เป็นต้น ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีความสำคัญมากในการทำความเข้าใจอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นสสารต่าง ๆ ที่เราเห็นในทุกวันนี้
นอกจากนี้ส่วนขยายของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งก็คือทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปยังมีความสำคัญมากในการศึกษาทางด้านอวกาศ และจักรวาลวิทยา เนื่องจากสามารถอธิบายปรากฏการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทฤษฎีของนิวตันไม่สามารถอธิบายได้ เช่น วงโคจรของดาวพุธ
และยังสามารถทำนายการมีอยู่ของวัตถุที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างหลุมดำ และเป็นทฤษฎีที่สำคัญในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินไปของจักรวาล จักรวาลมีกำเนิดยังไง และจะมีจุดจบอย่างไร
ซึ่งเราพบว่าเมื่ออะตอมของธาตุหนักสลายตัวออกเป็นธาตุเบา 2 ธาตุ มวลอะตอมมของ 2 ธาตุหลังจะน้อยกว่ามวลของอะตอมของธาตุตั้งต้นอยู่เล็กน้อย ซึ่งมวลที่หายไปจริง ๆ แล้วกลายเป็นพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมา
แต่ความจริงแล้วสูตรนี้ไม่ได้มีความสำคัญมากขนาดนั้นครับ
สิ่งที่สำคัญก็คือทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่ให้กำเนิดสูตรนี้ขึ้นมา โดยทฤษฎีนี้สามารถนำมาใช้อธิบายอนุภาคที่วิ่งด้วยความเร็วสูงได้อย่างแม่นยำ อย่างที่ฟิสิกส์แบบดั้งเดิมไม่สามารถอธิบายได้
ผลหลัก ๆ ของทฤษฎีนี้ที่มีผลต่อชีวิตประจำวันของเราก็คือ GPS นั่นเอง
GPS ใช้หลักการที่ส่งสัญญาณจากเครื่องมือของเราไปยังดาวเทียม 4 ตัว และเปรียบเทียบเวลาที่สัญญาณที่่ใช้เดินทางแล้วคำนวณเป็นตำแหน่งของเครื่องมือนั้นว่าอยู่ในส่วนไหนของโลก แต่เนื่องจากว่าดาวเทียมเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเมื่อเทียบกับพื้นผิวโลก ทำให้นาฬิกาบนดาวเทียมเดินด้วยความเร็วที่ต่างจากนาฬิกาบนผิวโลก ทำให้ตำแหน่งที่คำนวณได้คลาดเคลื่อนไปหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว แต่หลังจากคิดผลของทฤษฎีสัมพัทธภาพเข้าไปด้วยแล้ว ทำให้ GPS สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำถึงระดับเมตรเลยทีเดียว
นอกจากนี้ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากสำหรับฟิสิกส์ขั้นสูงเช่น Quantum field theory, Quantum Chromodynamic เป็นต้น ซึ่งเป็นทฤษฎีที่มีความสำคัญมากในการทำความเข้าใจอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเป็นสสารต่าง ๆ ที่เราเห็นในทุกวันนี้
นอกจากนี้ส่วนขยายของทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งก็คือทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปยังมีความสำคัญมากในการศึกษาทางด้านอวกาศ และจักรวาลวิทยา เนื่องจากสามารถอธิบายปรากฏการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทฤษฎีของนิวตันไม่สามารถอธิบายได้ เช่น วงโคจรของดาวพุธ
และยังสามารถทำนายการมีอยู่ของวัตถุที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างหลุมดำ และเป็นทฤษฎีที่สำคัญในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินไปของจักรวาล จักรวาลมีกำเนิดยังไง และจะมีจุดจบอย่างไร
สมาชิกหมายเลข 800689 ถูกใจ, RWC ถูกใจ, ฟ้าสั่งให้ฉันรักคนที่มีเจ้าของ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 701950 ถูกใจ, Little_playboy ถูกใจ, JackOnell ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 719583 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้เรื่องสูตร e=mcกำลัง2