วันที่หุ้นตกแรงๆ อย่างวันนี้ ผมอยากชวนเพื่อนๆ มาคุยกันในเรื่องของ คำแนะนำหุ้นรายวัน ที่บริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ออกมาแนะนำเราอยู่ทุกๆ วัน ว่ามีความน่าเชื่อถือขนาดไหน?? ถ้าเราซื้อหุ้นตามคำแนะนำเหล่านั้น เราจะได้กำไรหรือขาดทุนกันแน่?? ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความสงสัยในเรื่องดังกล่าว เลยลงมือทำการทดลองเพื่อหาคำตอบของข้อสงสัยเหล่านี้ โดยการรวบรวมคำแนะนำหุ้นรายวันจากสี่บริษัทหลักทรัพย์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือน เม.ย. มาจำลองการซื้อขาย และคำนวณผลกำไรขาดทุนจากการซื้อขายตามคำแนะนำเหล่านั้น ก่อนจะพูดถึงผลการทดลอง ผมขอออกตัวก่อนว่า การทดลองครั้งนี้ ตั้งใจทำขึ้นเพื่อตอบสนองความอยากรู้ของตัวผมเอง ไม่ได้มีเจตนาจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลงทุนตามคำแนะนำหุ้นรายวันของใครแต่อย่างใด ใครมีข้อเสนอแนะ หรือความคิดเห็นอย่างไร รบกวนช่วยแนะนำด้วยนะครับ
กระบวนการทดลอง
คำแนะนำหุ้นรายวันจากแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นั้น มีความครบถ้วนสมบูรณ์ไม่เท่ากัน บางบริษัทระบุทั้งจุดซื้อ จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน บางบริษัทบอกแต่จุดทำกำไร ไม่ได้บอกจุดตัดขาดทุน บางบริษัทบอกแต่แนวรับแนวต้าน ไม่ได้พันธงว่าควรจะทำกำไร หรือตัดขาดทุน ที่ราคาเท่าไหร่ ความไม่ชัดเจนดังกล่าวทำให้การซื้อขายตามคำแนะนำเหล่านี้มีความคลุมเครือเกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เราตั้งสมมุติฐานว่า ถ้าคำแนะนำไม่ได้ระบุจุดเข้าซื้อไว้ เราจะเข้าซื้อที่ราคาเปิดตลาด ถ้าคำแนะนำไม่ได้ระบุจุดทำกำไรไว้ เราจะทำกำไรที่แนวต้าน และถ้าคำแนะนำไม่ได้กำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ เราจะตั้งจุดตัดขาดทุนเป็นราคาที่ทำให้อัตราส่วนระหว่างระหว่างผลกำไรและผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นมีค่าเป็นหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ราคาเข้าซื้ออยู่ที่ 10.00 บาท และจุดทำกำไรอยู่ที่ 11.00 เราจะตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 9.00 ซึ่งทำให้ผลกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นเท่ากับผลขาดทุน (ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 บาท)
เมื่อได้จุดซื้อ จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน ที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคำนวณผลกำไรขาดทุน จากการซื้อขายตามคำแนะนำเหล่านั้น ในขั้นตอนนี้เราจะใช้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์รายวันย้อนหลัง มาจำลองการซื้อขาย โดยเราจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ราคาเปิด (ในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้บอกวิธีการเข้าซื้อไว้) หรือเข้าซื้อเมื่อราคาหลักทรัพย์ตกลงมาถึงราคาที่กำหนด เมื่อเราเข้าซื้อแล้วจะติดตามราคาหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบว่าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร หรือจุดขาดทุนก่อนกัน ถ้าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร เราจะได้กำไรเป็นส่วนต่างของราคาเข้าซื้อ และราคาที่เราขายทำกำไร ในกรณีที่ราคาหลักทรัพย์วิ่งชนจุดตัดขาดทุนก่อน เราจะขาดทุนเท่ากับส่วนต่างของราคาเข้าซื้อ และราคาตัดขาดทุน สำหรับกรณี ข้อจำกัดของการใช้ข้อมูลการซื้อขายรายวันอยู่ในกรณีที่ราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนในวันเดียวกัน เนื่องจากเราจะไม่สามารถแยกได้ว่าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนราคาใดก่อน อย่างไรก็ตามการทดลองครั้งนี้โชคดีที่ไม่มีกรณีนี้เกิดขึ้นเลย
เพื่อให้ผลลัพทธ์ที่ได้สมจริงมากยิ่งขึ้น การซื้อขายทุกครั้งจะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 0.15% และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งเป็นอัตราปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย
แหล่งข้อมูล
ในการทดลองครั้งนี้ เรารวบรวมคำแนะนำหุ้นรายวัน จากสี่บล. มาทำการวิเคราะห์ได้แก่ 1. คอลัมน์เซียมซีหุ้นจาก บล.เอเชียพลัส 2. คอลัมน์ Technical Wiz จากบล.คันทรี่กรุ๊ป 3. คอลัมน์เทคนิคหุ้นเด่นติดดาว จากบล.เกียรตินาคิน และ 4. คอลัมน์ Technical Picks จาก บล. ฟินันเซียไซรัส ตั้งแต่ต้นปี 2556 ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2556 โดยเราทำการทดลองเฉพาะกับคำแนะนำให้ซื้อเท่านั้น ไม่ได้ทำการทดลองกับคำแนะนำให้ทำ short-sell
ผลการทดลอง
ผลลัพธ์ที่ได้ จากการจำลองการซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำแนะนำหุ้นรายวัน จากทั้งสี่บล. เป็นดังแสดงในตารางข้างล่าง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า คำแนะนำหุ้นรายวันจากทั้งสี่บล. มีความแตกต่างกัน โดยคำแนะนำจากสามบล. ให้ผลกำไรไม่แตกต่างจากศูนย์มากนัก มีเพียงแต่คำแนะนำจากบล. เอเชียพลัสเท่านั้น ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าศูนย์อย่างมีนัยสำคัญ โดยได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.94% ต่อคำแนะนำ
บทสรุป
ผลการทดลองครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าคำแนะนำหุ้นรายวันจาก บล. ต่างๆ นั้นมีทั้งที่มีมูลค่าในการลงทุน และไม่มีมูลค่าในการลงทุน การที่เราจะตัดสินใจลงทุนตามคำแนะนำของใครนั้น ควรจะต้องทำการบ้านเพื่อตรวจสอบมูลค่าของคำแนะนำเหล่านั้นให้ดีเสียก่อน
หมายเหตุ
* ผลการทดลองที่ได้ เกิดจากการรวบรวมข้อมูลคำแนะนำหลักทรัพย์ และข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์จากเว็บไซต์ต่างๆ ถ้าข้อมูลที่รวบรวมมามีข้อผิดพลาด อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความผิดพลาดตามไปด้วย
* ผู้จัดทำไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ใด ต้องการจัดทำการทดลองนี้เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวเท่านั้น
* ผู้จัดทำไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแนะนำให้ซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำแนะนำของบล. ที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุด แต่ต้องการจะสื่อให้เห็นว่าคำแนะนำหลักทรัพย์รายวันมีทั้งที่มีคุณค่า และไม่มีคุณค่า
* การทดลองครั้งนี้นำข้อมูลมากจากสี่บล. เท่านั้น ผู้จัดทำกำลังรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจาก บล. อื่นๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ความถูกต้องเพิ่มเติม
เพื่อนๆ คิดว่า คำแนะนำหุ้นรายวัน จากบล. ต่างๆ มีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน?
กระบวนการทดลอง
คำแนะนำหุ้นรายวันจากแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นั้น มีความครบถ้วนสมบูรณ์ไม่เท่ากัน บางบริษัทระบุทั้งจุดซื้อ จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน บางบริษัทบอกแต่จุดทำกำไร ไม่ได้บอกจุดตัดขาดทุน บางบริษัทบอกแต่แนวรับแนวต้าน ไม่ได้พันธงว่าควรจะทำกำไร หรือตัดขาดทุน ที่ราคาเท่าไหร่ ความไม่ชัดเจนดังกล่าวทำให้การซื้อขายตามคำแนะนำเหล่านี้มีความคลุมเครือเกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เราตั้งสมมุติฐานว่า ถ้าคำแนะนำไม่ได้ระบุจุดเข้าซื้อไว้ เราจะเข้าซื้อที่ราคาเปิดตลาด ถ้าคำแนะนำไม่ได้ระบุจุดทำกำไรไว้ เราจะทำกำไรที่แนวต้าน และถ้าคำแนะนำไม่ได้กำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ เราจะตั้งจุดตัดขาดทุนเป็นราคาที่ทำให้อัตราส่วนระหว่างระหว่างผลกำไรและผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นมีค่าเป็นหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ราคาเข้าซื้ออยู่ที่ 10.00 บาท และจุดทำกำไรอยู่ที่ 11.00 เราจะตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 9.00 ซึ่งทำให้ผลกำไรที่อาจจะเกิดขึ้นเท่ากับผลขาดทุน (ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 บาท)
เมื่อได้จุดซื้อ จุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุน ที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการคำนวณผลกำไรขาดทุน จากการซื้อขายตามคำแนะนำเหล่านั้น ในขั้นตอนนี้เราจะใช้ข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์รายวันย้อนหลัง มาจำลองการซื้อขาย โดยเราจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ราคาเปิด (ในกรณีที่คำแนะนำไม่ได้บอกวิธีการเข้าซื้อไว้) หรือเข้าซื้อเมื่อราคาหลักทรัพย์ตกลงมาถึงราคาที่กำหนด เมื่อเราเข้าซื้อแล้วจะติดตามราคาหลักทรัพย์ เพื่อตรวจสอบว่าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร หรือจุดขาดทุนก่อนกัน ถ้าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร เราจะได้กำไรเป็นส่วนต่างของราคาเข้าซื้อ และราคาที่เราขายทำกำไร ในกรณีที่ราคาหลักทรัพย์วิ่งชนจุดตัดขาดทุนก่อน เราจะขาดทุนเท่ากับส่วนต่างของราคาเข้าซื้อ และราคาตัดขาดทุน สำหรับกรณี ข้อจำกัดของการใช้ข้อมูลการซื้อขายรายวันอยู่ในกรณีที่ราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนจุดทำกำไร และจุดตัดขาดทุนในวันเดียวกัน เนื่องจากเราจะไม่สามารถแยกได้ว่าราคาหลักทรัพย์วิ่งเข้าชนราคาใดก่อน อย่างไรก็ตามการทดลองครั้งนี้โชคดีที่ไม่มีกรณีนี้เกิดขึ้นเลย
เพื่อให้ผลลัพทธ์ที่ได้สมจริงมากยิ่งขึ้น การซื้อขายทุกครั้งจะถูกหักค่าคอมมิชชั่น 0.15% และเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งเป็นอัตราปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทย
แหล่งข้อมูล
ในการทดลองครั้งนี้ เรารวบรวมคำแนะนำหุ้นรายวัน จากสี่บล. มาทำการวิเคราะห์ได้แก่ 1. คอลัมน์เซียมซีหุ้นจาก บล.เอเชียพลัส 2. คอลัมน์ Technical Wiz จากบล.คันทรี่กรุ๊ป 3. คอลัมน์เทคนิคหุ้นเด่นติดดาว จากบล.เกียรตินาคิน และ 4. คอลัมน์ Technical Picks จาก บล. ฟินันเซียไซรัส ตั้งแต่ต้นปี 2556 ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2556 โดยเราทำการทดลองเฉพาะกับคำแนะนำให้ซื้อเท่านั้น ไม่ได้ทำการทดลองกับคำแนะนำให้ทำ short-sell
ผลการทดลอง
ผลลัพธ์ที่ได้ จากการจำลองการซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำแนะนำหุ้นรายวัน จากทั้งสี่บล. เป็นดังแสดงในตารางข้างล่าง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า คำแนะนำหุ้นรายวันจากทั้งสี่บล. มีความแตกต่างกัน โดยคำแนะนำจากสามบล. ให้ผลกำไรไม่แตกต่างจากศูนย์มากนัก มีเพียงแต่คำแนะนำจากบล. เอเชียพลัสเท่านั้น ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าศูนย์อย่างมีนัยสำคัญ โดยได้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.94% ต่อคำแนะนำ
บทสรุป
ผลการทดลองครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าคำแนะนำหุ้นรายวันจาก บล. ต่างๆ นั้นมีทั้งที่มีมูลค่าในการลงทุน และไม่มีมูลค่าในการลงทุน การที่เราจะตัดสินใจลงทุนตามคำแนะนำของใครนั้น ควรจะต้องทำการบ้านเพื่อตรวจสอบมูลค่าของคำแนะนำเหล่านั้นให้ดีเสียก่อน
หมายเหตุ
* ผลการทดลองที่ได้ เกิดจากการรวบรวมข้อมูลคำแนะนำหลักทรัพย์ และข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์จากเว็บไซต์ต่างๆ ถ้าข้อมูลที่รวบรวมมามีข้อผิดพลาด อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความผิดพลาดตามไปด้วย
* ผู้จัดทำไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทหลักทรัพย์ใด ต้องการจัดทำการทดลองนี้เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวเท่านั้น
* ผู้จัดทำไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแนะนำให้ซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำแนะนำของบล. ที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุด แต่ต้องการจะสื่อให้เห็นว่าคำแนะนำหลักทรัพย์รายวันมีทั้งที่มีคุณค่า และไม่มีคุณค่า
* การทดลองครั้งนี้นำข้อมูลมากจากสี่บล. เท่านั้น ผู้จัดทำกำลังรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจาก บล. อื่นๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ความถูกต้องเพิ่มเติม