เห็นกระทู้เรื่องน้อง"จี"แล้วอยากเล่าเรื่องน้อง"ซี"บ้าง

อ่านเรื่องน้อง”จี”แล้วนึกถึงเรื่องของเพื่อนคนนึงค่ะ อยากแชร์ว่าคนแบบนี้ในสังคมมันมีจริงๆ เกี่ยวกับปัญหาการเลี้ยงดูของคนในครอบครัวที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กด้วยเหมือนกันนะคะ เป็นการเล่าครั้งแรกนะค่ะจะพยายามเรียบเรียงให้ดีที่สุดคะ
(ยาวหน่อยนะวีรกรรมนางเยอะ)


>> เริ่มเลยนะคะ....ขอสมมตินามเค้าว่าน้อง “ซี” น้องซีมีพี่น้องอีกหนึ่งคนเป็นพี่ชาย ซีเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะตบตีกันบ่อยครั้ง พ่อแม่ซีชอบใช้ความรุนแรงแก้ปัญหาเสมอ (เช่นแม่ชอบพูดหยาบคายมาก, พ่อชอบไล่ตีลูกด้วยสายไฟเส้นใหญ่ๆหรือไม่ก็ไม้หน้าสาม) จนในที่สุดทั้งสองตัดสินสินใจแยกทางกัน พี่ชายซีไปอยู่ฝ่ายแม่และซีอยู่ฝ่ายพ่อ (พ่อและแม่ของซีต่างมีแฟนใหม่ทั้งคู่ในตอนนั้น)


>> ขอเล่าเรื่องพี่ชายซีนิดนึงว่าเค้ามาอยู่กับฝ่ายแม่ที่มียายและน้าๆ (เป็นผู้หญิงทั้งหมด)เลี้ยงดูแบบแข่งกับฝ่ายพ่อของซีประมาณว่าฝ่ายชั้นดีกว่า คือเค้าจะตามใจพี่ชายซีมาก อยากได้อะไรก็ได้เสมอ (จุดนี้ทำให้ซีอิจฉาพี่ชายอยู่ไม่น้อยเพราะซีชอบตัดพ้ออยู่บ่อยๆ) พี่ชายซีตอนนั้นนิสัยเอาแต่ใจพอควร มีอยู่วันหนึ่ง ร.ร. จับได้ว่าพี่ชายซี(ม.2)แอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำและโดดเรียนจนไม่สิทธิ์สอบจึงเรียกผู้ปกครองคือแม่และน้าๆทั้งหลายมารับฟัง บ้านนี้เค้าหน้าบางคะรับไม่ได้ถ้ามีใครทำผิดพลาด ต่างฝ่ายต่างโบ้ยกันไปมา สรุปปัญหาด้วยการให้พี่ชายซีออกจากเรียนและตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้อีกเลยเรียกว่าหมาหัวเน่าก็ได้ เพราะเหมือนปัญหาที่ไม่มีใครอยากรับไว้รวมทั้งแม่เด็กเอง ไม่มีใครสนับสนุนให้เรียนไม่มีใครคุยด้วย น่าสงสารมากคะ


>> ในขณะเดียวกันซีที่อยู่บ้านย่าของซี  ซีได้พาเพื่อนมากินเหล้ายามั่วสุมกันในบ้าน ย่ากับพ่อของซีโมโหมาก ติดต่อให้แม่ซีมารับกลับ เค้าไม่อยากเลี้ยงซีแล้วถ้าไม่มารับจะยิงทิ้ง! แม่ซีเลยมารับไปเลี้ยงด้วย ตอนนั้นแม่ซีเป็นลูกจ้างร้านซักรีดเล็กๆแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับซีมากเพราะเราก็ห่างๆกันไป รู้แต่ว่าซีขอเงินแม่แล้วแม่ไม่มีให้ ซีเลยเอาหนังสือและชุดนักเรียนคอซองมากองแล้วเผา บอกว่าถ้าไม่ให้เงินเที่ยวซีก็ไม่เรียน แต่ก็ผ่านช่วงม.ต้นมาได้จนเข้าม.ปลาย


>> วีรกรรมของซีตอนม.ปลายมีให้ได้ยินเรื่อยๆแต่แสบสุดคือตอนม.5ซีถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองตักเตือน ซีไม่พอใจ จึงใช้เก้าอี้ฟาดหน้าครูเข้าให้ เป็นเรื่องสิคะ ในที่สุดก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน ทางยาย, แม่และน้าๆของซี เค้าภูมิใจมากที่ซีเอาเก้าอี้ฟาดครูคนนั้นเค้าบอกว่า”เกิดเป็นคนบ้านนี้ต้องไม่ยอมคน ออกเป็นออกไปเรียนที่อื่นก็ได้!” ยายและแม่เล่าให้ชาวบ้านฟังแบบภาคภูมิใจมากชาวบ้านก็เออออๆตามไปงั้นไม่มีใครแสดงความเห็นอะไรได้แต่มองหน้ากัน แล้วซีก็ย้ายมาเรียนวิทยาลัยนอกตัวเมืองในปีต่อมาเรื่องซีก็เงียบๆไปแต่เห็นซีอยู่กับแก๊งเด็กสก๊อยอยู่บ่อยๆช่วงนั้นไม่ได้คุยกันเลย


>> มาเจอยายกับแม่ของซีอีกทีก็เล่าวีรกรรมของซีให้ฟังอย่างภูมิใจอีกว่า ตอนซีไปอยู่หอพักของวิทยาลัยนั้นซีเป็นหัวโจก หัวหน้าแก๊งอะไรทำนองนี้ มีอยู่ครั้งนึงแกเล่าให้ฟังว่าซีจัดการกับโจรที่งัดหอซีด้วยกระบวนท่าคาราเต้ซะจนโจรยอมซิโรราบจับส่งตำรวจได้(เหมือนละครลูกสาวกำนันทำนองนั้น) เราฟังก็เออออ ตามอีกแหละคนบ้านนี้เค้าออกเพ้อๆเวอร์ๆจนชาวบ้านชินกันแล้วคะเลยไม่มีใครค้านอะไร แต่ตอนนั้นเรากับเพื่อนๆก็ตะหงิดๆเรื่องเล่าที่ออกจากปากพวกเค้าแล้วเพราะแต่ละเรื่องมันหาความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แล้วซีก็เรียนวิทยาลัยนั่นไม่รอดลาออกมาเรียน กศน. แต่ยายซีก็ยังมีเรื่องภูมิใจมากมาเล่าว่าซีมีแฟนเป็นลูกเสี่ยมีอิทธิพลในจังหวัด ต่อมาได้ข่าวว่าแฟนซีติดคุกข้อหาค้ายาบ้า แล้วก็ไม่ได้ข่าวอะไรของซีอีกสักพัก


>> ผ่านไปสองปี เราจบ ม. ปลายแล้วเข้าเรียนวิทยาลัยแถวบ้าน ทางบ้านน้องซีบอกว่าซีขึ้นไปเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏ แห่งหนึ่งที่กรุงเทพ บ้านซีเห่อกันมาก คุยไปทั้งตำบลว่าซีสอบได้มหาวิทยาลัย (บ้านซีไม่มีใครเคยเรียนมหาวิทยาลัยเลย) ทุกคนต่างทุ่มเทส่งเงินให้ซี ไม่ว่าจะเป็นยาย, น้าๆ, รวมทั้งพ่อของซีที่เห็นว่าลูกตั้งใจเรียนก็ช่วยกันส่งเสีย ซีมีรายได้หลายทางมากจากทางญาติที่หวังให้ซีเป็นบัณฑิตคนแรกของตระกูล เราก็ยินดีด้วย ตอนนั้นชื่นชมซีนะว่าอุตสาห์เรียน กศน. จบสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ซีคงกลับตัวมาตั้งใจเรียนจริงๆแล้ว


>> ผ่านมาปีที่สาม แม่กับยายของซีเล่าให้ฟังว่า ซีได้ฝึกงานที่รายการทีวีชื่อดังรายการหนึ่งที่ช่อง 9 และซีได้เป็นพิธีกรด้วยซึ่งรายการนั้นเราดูทุกวันไม่เคยเห็นซีเลย เราก็ลองถามแม่กับยายแกดูว่า เคยดูยัง?เค้าก็อ้ำอึ้งว่าไม่เคยดูเหมือนกัน เพื่อนๆที่ได้ยินก็ตะหงิดๆอีกแล้ว ยายซีบอกว่าเพราะซีเป็นคนสวยมากเลยได้งานนี้ ขอบอกก่อนว่าซีไม่ใช่คนสวยอะไรหน้าตาบ้านๆได้ผิวขาวแต่ก็ไม่ขี้เหล่ แต่ถ้าประเมินแล้วซีก็ถือว่าหน้าตาดีกว่าบรรดาญาติฝ่ายแม่ของซีทั้งหมด เค้าคงมองว่าซีสวยสุดในหมู่บ้านแล้วคะ ตอนนั้นยายแกเล่าว่ากิ๊กของซีคนนึงรวยมาก(อายุพอๆกับยายซีแหละ)มาเที่ยวบ้านยายเค้าเป็นคนดีมากบลาๆ ซีก็เล่าให้เพื่อนๆฟังพร้อมเอารูปให้ดู(รุ่นปู่อะคะ -_-“ )ว่ากิ๊กคนนี้ซื้อของให้มากมาย “แต่ไม่เคยมีอะไรกันนะ” แหม๊ะใครจะเชื่อตาแก่หน้าตาเขี้ยวลากดินอย่างนี้คงเลี้ยงซีเป็นบ้านน้อยมากกว่า แล้วก็ได้ข่าวว่าเลิกกันไป


>> มาถึงเวลาที่ซีต้องจบปี 4 ทางบ้านซีเริ่มตัดชุดผ้าไหมรอไปงานรับปริญญา ซีบอกเพื่อนคนนึงว่าซีลาออกจากราชภัฏแล้วมาสมัครเรียนที่มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เหตุเพราะ(ขออภัยชาวราชภัฏนะคะ)”ที่เดิมมันมีแต่คนบ้านนอก” นางเล่าว่านางเข้ากับเพื่อนที่นั้นไม่ได้ มีแต่คนไม่น่าคบ โลว์ อะไรทำนองนี้ (นางพูดอย่างนี้เพื่อนที่เรียนราชภัฏก็เสียใจสิคะ) เพื่อนก็เอามาเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟัง ก็งงๆกันนะคะว่านั่นหรือคือเหตุผลที่เธอลาออก ซีชอบสร้างภาพว่าถ้าไปมหาลัยจะทำข้าวกล่องไปกินเพื่อประหยัดเงิน แต่เพื่อนอีกคนนึงบอกว่าจริงๆแล้วซีมีพฤติกรรมใช้เงินที่ตรงกันข้าม ซีชอบเข้าร้านหรูๆสั่งขนมมาเพื่อให้ได้โต๊ะนั่ง แล้วก็นั่งอยู่อย่างนั้นไม่ได้กิน(เพราะนางไม่ชอบกินอาหารฝรั่งคะกินไม่เป็นมันเลี่ยน)ขอแค่ได้แต่งตัวสวยแล้วเข้ามานั่งก็พอใจ มีอยู่ครั้งนึงนางไปเดินตลาดนัดแล้วเห็นเสื้อที่แม่ค้าใส่อยู่แล้วถูกใจนางขึ้นมาเลยบอกว่าจะเอาเสื้อตัวที่แม่ค้าใส่ตัวนี้ ถอดมาเลยเท่าไหร่ไม่เกี่ยง..แม่ค้าก็ขายสิคะราคาแพงเชียว สภาพนี่ไม่เห็นน่าซื้อ แต่นางก็ซื้อโชว์รวย งงกันทั้งตลาดคะ เพื่อนที่ไปเดินด้วยอายคนมากๆ

(มีต่อนะคะ>>)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่