ผมใช้รถยนต์ โตโยต้า อัลติส รุ่น 2.0 Dual VVTI รุ่นที่มี 4 เกียร์ (แล้วเขาค่อยเปลี่ยนเป็น 7 เกียร์)
ใช้ดีโดยตลอด ผมก็นำรถเข้าศูนย์บริการประจำ(ศูนย์โตโยต้าเคมอเตอร์บางเขน) ทุกๆ 10,000 km (เพราะใช้น้ำมันสังเคราะห์ที่ใช้ได้ 10,000 km)
เหตุเกิดขึ้นเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 19 พค 2556 เวลา 12.00 ผมและภรรยาขับรถไปส่งลูกเรียนดนตรีที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ บริเวณ สน.ดอนเมือง ตามปกติ แล้วจะไปซื้อของที่ แม๊คโคร สาขารังสิตตามปกติ
ปรากฏว่ารถที่ขับความร้อนขึ้นประมาณ 75% ของเกจวัดก็เลยจอด(พอดียังอยู่ในกองดุริยางค์ทหารอากาศจอดได้ง่าย) ดับเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงหน้า แล้ว บิดกุญแจสตาร์ท ดูที่พัดลมหม้อน้ำปรากฏว่าไม่หมุน เปิดแอร์ดู ก็ปรากฏว่าพัดลมก็ไม่หมุน (ผมเลยสรุปด้วยตัวเองว่าน่าจะเป็นพัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน และคิดว่าจากประสบการณ์หากเราปิดแอร์วิ่งด้วยความเร็วทีไม่เร็วมากความร้อนไม่น่าจะขึ้น จึงได้ปิดแอร์วิ่งเพื่อหาที่เปลี่ยนพัดลม พอขับเลี้ยวซ้ายเข้าวิภาวดีหันหัวรังสิต ก็นึกขึ้นได้ว่ามีศูนย์บริการของ “โตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง อยู่ตรงข้ามสนามธูปเตมีย์” เพราะเคยเอารถไปทำสีเมื่อปีก่อน ก็เลยตัดสินใจขับรถด้วยความเร็วประมาณ 60 km/hr ถนนก็เป็นใจ รถไม่ติด ในระหว่างที่ขับผมก็สังเกตเกจความร้อนตลอด เกจก็อยู่ที่ประมาณ 50% (ซึ่งเป็นปกติก่อนพัดลมเสีย)
เมื่อเข้าศูนย์ ก็มีพนักงานรับรถมา ผมได้แจ้งอาการว่าความร้อนขึ้น พนักงานคนนั้นบอกว่าต้องรอให้ความร้อนขึ้นก่อนและเมื่อความร้อนขึ้นก็ให้ผมเปิดฝากระโปรงหน้าดู หลังจากดูที่หม้อพักน้ำก็บอกผมว่า ความร้อนขึ้นเพราะว่าผมเติมน้ำเปล่าเข้าไปในระบบหล่อเย็นทำให้ความร้อนขึ้น ซึ่งผมก็แจ้งว่าตอนน้ำพร่องก็เติมน้ำดื่มเข้าไปให้เกินขีด Low ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่แค่เติมน้ำแทนน้ำหล่อเย็นแล้วความร้อนจะขึ้น 75% ของเกจวัด และแจ้งสมมุติฐานเรื่องพัดลมเสีมให้เขาทราบละรบเร้าให้เขาพาช่างมาตรวจดูก่อน หลังจากนั้นพนักงานอีกท่าน(เขาแจ้งในวันหลังว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายช่าง) ก็พาช่างมาดู ช่างก็ใช้ประแจเคาะๆที่พัดลม จาดพัดลมที่ไม่หมุนก็หมุน ช่างเขาก็แจ้งว่าเป็นเพราะพัดลมระบายความร้อนเสียซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้เพราะรถผมวิ่งมาแล้ว 148,XXX km ก็เลยให้เขาเช็คว่ามีอะไหล่ไหม หากมีจะได้ซ่อม พนักงานรับรถคนแรกก็มาแจ้งว่ามีอะไหล่แต่ต้องรอคิว น่าจะใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง ซึ่งทางบอกเขาว่าได้เพราะวันรุ่งขึ้นผมต้องไปหาลูกค้าที่ระยอง งั้นผมรอรับรถเลย
ระหว่างที่รอก็เข้าไปนั่งในห้องรับรองซึ่งเขามีกระจกให้เราสามารถมองเข้าไปในบริเวณที่ซ่อมได้ นั่งรอไป 2ชั่วโมง มองเห็นช่างมารุมที่รถของผมก็เลยไปถามความคืบหน้าว่าเป็นไงบ้าง พนักงานคนที่บอกว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการตอบว่ามีปัญหา น้อตหักคาต้องใช้เวลานานหน่อย เราก็รอต่อแต่ถึงเวลาต้องไปรับลูกเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษแล้ว ผมเลยตัดสินใจให้ภรรยานั่งแท็กซี่เพื่อไปรับลูกก่อน สรุปว่ากว่าจะเสร็จ 5 โมงเย็น ซึ่งพนักงานคนที่บอกว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแจ้งว่าอะไหล่ที่แสดงในระบบสต๊อกเป็นของรุ่นอื่น เขาเห็นว่าผมจะไปต่างจังหวัดก็เลยนำพัดลมของ test drive ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันมาเปลี่ยนให้ (ก็น่ารักดีแต่ทำไมไม่แจ้งผมก่อน) และจะทำการสั่งอะไหล่จากโตโยต้ามาให้เมื่อของเข้ามาแล้วจะโทรแจ้งให้เข้ามาเปลี่ยนอีกทีซึ่งไม่น่าจะเกิน 2 -3 วัน และเก็บเงินของผมสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็มี ค่ามอเตอร์พัดลม ค่าน้ำหล่อเย็น ค่าแรงในการทำงาน เป็นเงินประมาณ 4 พันกว่าบาท (เนื่องจากเป็นรถของบริษัทจึงต้องเอาใบเสร็จไปเบิกเลยจำราคาที่แน่นอนไม่ได้) เขาก็ออกใบรับชั่วคราวให้ส่วนตัวจริงจะออกให้วันที่มาเปลี่ยนอะไหล่
อาทิตย์นึงผ่านไปก็ไม่มีใครโทรมาแจ้งผมต้องโทรไปถามเองว่าของมาหรือยัง ซึ่งพนักงานที่รับสายไม่สามารถเช็คประวัติจากทาง server ให้ได้ เพราะใส่เลขทะเบียนแล้วไม่ขึ้นต้องใส่เลขตัวถังรถ ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เคยรับรถผมเมื่อันก่อนโทรกลับ เขาก็ไม่ได้โทรกลับซึ่งผมก็ต้องเป็นคนโทรไปหาอีกรอบเพื่อขอคุยกับเขา ซึ่งเขาก็แจ้งผมว่ามอเตอร์มาแล้วให้เข้าไปเปลี่ยนได้ผมก็ถามว่าต้องนัดคิวไหม พนักงานก็บอกว่าไม่ต้องนัดเข้ามาได้เลยเปลี่ยนมอเตอร์ใช้เวลาไม่กี่นาที ผมก็ได้นำรถเข้าไปวันเสาร์ที่ 25 พค 2556 เวลาประมาณ 10.30 น. ปรากฏว่ารองผู้จัดการแจ้งว่าต้องรอคิวแล้วใช้เวลาเปลี่ยน 2 ชั่วโมง ซึ่งผมก็ได้ต่อว่าเขาไปว่าพนักงานของคุณแจ้งว่าไม่กี่นาทีแล้วไม่ต้องนัดคิว สุดท้ายรองผู้จัดการก็ยืนยันว่าขอเวลา 2 ชั่วโมง หากผมว่างสัก2 ชั่วโมง ก็ค่อยเอารถเข้ามาทำ (แหม๋วิ่งมาจากรัชดาไม่ได้ทำอีก)
หลังจากนั้น วันพุธที่ 29 พค 2556 ผมก็เอารถไปเปลี่ยนมอเตอร์คราวนี้เอารถไปส่งให้เวลาเที่ยงกว่าเกือบบ่ายโมงแต่กว่าจะเสร็จปาไป 17.30 น. ซึ่งพนักงาน(รองผู้จัดการ)แจ้งว่ารถรุ่นนี้จะเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมต้องถอดหม้อน้ำ, ท่อน้ำ, สายน้ำยาแอร์ ก่อนถึงจะใส่มอเตอร์พัดลมได้ เมื่อติดตั้งคืนเรียบร้อยแล้วก็ต้องทำการแว็กซ์ระบบแอร์แล้วเติมน้ำยาแอร์เข้าไปในระบบ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วเขาก็นำรถไปล้างให้ หลังจากล้างเสร็จ ทางพนักงานที่เคยรับรถผมมาบอกว่าเดี๋ยวจะแว็กน้ำยาให้อีกทีจะได้เย็นๆแล้วจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีก ซึ่งผมก็รอได้ (ไหนๆก็ไหนๆแล้ว) สุดท้ายเกือบ 18.00 น. ในระหว่างที่รอพนักงานก็จัดแจงออกใบเสร็จให้แล้วแจ้งว่าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ในส่วนของการแว็กแอร์นั้นเป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หลังจากได้รับรถผมก็คาใจเรื่องการเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมแล้วต้องยุ่งกับระบบแอร์ แล้วใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง (โอ้พระเจ้าไม่ต้องทำมาหากินอย่างอื่นแล้ว) หากเป็นเช่นนั้นจริง คนออกแบบของโตโยต้าคงลืมคิดเรื่องนี้มั้ง กลับมาบ้านก็ได้ส่ง line ไปบ่นให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนผมก็บอกว่าถ้าเขาไม่คิดค่าแว็กแอร์ก็โอเคมั้งเราก็คิดว่าไม่เป็นไรปัญหาเรื่องความร้อนจบได้วิธีการไม่ค่อยสำคัญ
แต่ปรากฏว่าฝันร้ายก็มาเยือนตอนกลางวัน วันเสาร์ที่ 8 มิ.ย. 2556 ตอนประมาณเที่ยงวันขับรถไปส่งลูกสาวที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ขับผ่านขนส่งปรากฏว่าได้ยินเสียงดังที่กระโปรงหน้ารถ จึงจอดข้างทางดับเครื่องยนต์แล้วเปิดกระโปรงหน้า หลังจากนั้นก็ไปสตาร์ทรถใหม่ ก็ยังได้ยินเสียง เมื่อมองดูก็สังเกตว่าต้นตอของเสียงมาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ สักพักภรรยาที่นั่งอยู่ในรถกบอกว่าแอร์ไม่เย็นแล้ว จึงตัดสินใจขับรถด้วยความเร็วประมาณไม่เกิน 60 km/hr ปิดแอร์ขึ้นโทลเวย์ไปที่โตโยต้ามหานครสาขาดอนเมือง(ที่เดิม) ถึงที่หมายประมาณ 12.30 น. เพราะคิดว่าปัญหาน่าจะเกี่ยวพ่วงกันกับการแก้ไขก่อนหน้านี้ เมื่อไปถึงก็ขอพบพนักงานรับรถคนเดิม(เพราะน่าจะรู้เรื่อง) แจ้งอาการให้ทราบและก็ขอพบผู้จัดการ(พนักงานบอกว่าอยู่)เพราะต้องการสอบถามว่าตอนที่แว๊กแอร์ของผมได้เติมน้ำมันเข้าไปไหม(เพราะสมัยก่อนต้องเติมน้ำมันทุกครั้ง) ปรากฏว่าผู้จัดการไม่มาพบและไม่มีใครใส่ใจที่จะไปตามให้ หลังจากนั้นพนักงานรับรถคนเดิมก็แจ้งว่าไม่สามารถตรวจให้เลยได้เนื่องจากว่าวันนั้นมีคิวเยอะ ต้องรอประมาณบ่าย 2 กว่าจะมีช่างว่างมาดูอาการให้ ผมก็ตัดสินใจรอ ระหว่างนั้นผมก็ได้โทรปรึกษาเพื่อนที่ทำงานที่โตโยต้า เขาก็แนะนำให้ผมโทรเข้าแจ้งที่ Toyota Call Center เบอร์ 02-386-2000
ซึ่งเมื่อผมโทรเข้าไปก็ได้เล่ารายละเอียดเหมือนกับรายละเอียดดังที่กล่าวมา ทาง Toyota Call Center ก็ได้ประสานงานมายัง โตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง เพื่อให้ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์มาดูแลผม แต่พอเลยเวลาบ่าย 2 ไปพอสมควรก็ไม่มีใครมาติดต่อหรือแจ้งความคืบหน้าแก่ผม ผมจึงเดินไปถามพนักงานรับรถคนเดิม ซึ่งเขาก็ได้มีโน้ตจากทางศูนย์ว่าผมมีข้อร้องเรียน(น่าจะเป็นขอความจาก Toyota Call Center) เขาก็ขอสรุปรายละเอียดว่ารถผมคอมเพรสเซอร์น๊อค ต้องทิ้งรถไว้ เขาขอเวลา 1 วัน เพื่อตรวจเช็ค แล้วจะแจ้งกลับน่าจะวันรุ่งขึ้น (อาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2556) ผมก็ไม่ขัดข้อง และขอให้เขาออกเอกสารรับรถให้ (คิดดูสิครับรับรถไปตั้งนานไม่ออกเอกสารให้ เฮ้อ) หลังจากนั้นผมและภรรยาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน
โชคดีที่บ้านผมมีรถอีกคันสำหรับภรรยาเอาไว้รับส่งลูกวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2556 เราจึงมีรถรับส่งลูกทำกิจกรรมได้ เรารอการติดต่อกลับจากทางศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง ติดต่อมา ซึ่งกว่าจะติดต่อมาก็ประมาณ 16.45 น. โดยคนที่ติดต่อมาเป็นพนักงานอีกคน เขาได้แจ้งกับผมว่าสรุป คอมเพรสเซอร์น๊อค ต้องเปลี่ยน คอมเพรสเซอร์ เขาจะคุยกับผู้ใหญ่วันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ผมก็ได้สอบถามเขาว่าสาเหตุเกิดจากอะไรทางเขาก็ได้โอนสายให้คุยกับช่างซึ่งช่างก็ได้แจ้งกับผมว่าสาเหตุที่ คอมเพรสเซอร์น๊อค เพราะระบบ สกปรก ผมก็ได้ถามชื่อพนักงานทั้ง 2 คนไว้ และรอการติดต่อกลับจากศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง
ทางศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง ก็ได้ติดต่อกลับมาหาผมในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 เวลาประมาณ 15.00 น. โดยคนที่ติดต่อกลับมา คือ รองผู้จัดการฝ่ายบริการ เขาแจ้งว่าสาเหตุเกิดจากเมื่อตอนที่มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสีย น้ำยาแอร์ไม่ได้ถูกระบายความร้อน วิ่งกลับเข้าสู่คอมเพรสเซอร์ ทำให้คอมเพรสเซอร์น๊อค (ไม่เห็นเหมือนกับช่างคนเมื่อวานบอกเลย) ซึ่งผมได้ชี้แจงไปตามเหตุการข้างต้นว่า “เมื่อความร้อนขึ้นผมปิดแอร์วิ่งและวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 60 km/hr. และผมได้ดูเกจวัดความร้อนตลอดเวลา ระยะทางก็จาก สน.ดอนเมือง ไปยัง ศูนย์บริการ” ไม่น่าเป็นไปได้มี่น้ำยาแอร์ที่ร้อนจะวิ่งเข้าสู่คอมเพรสเซอร์” ซึ่งทางรองผู้จัดการก็บอกว่าเขาม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และทางเขยินดีที่จะช่วยเหลือด้วยการให้ส่วนลดค่าอะไหล่ 30% แล้วผมรัผิดชอบส่วนที่เหลือเป็นเงินประมาณ 6 พันกว่าบาท ซึ่งทาผมยินดีที่จะจ่ายหากเป็นความผิดของผม หรือเป็นเพราะอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์
แต่จากเหตุการณ์ดังที่เล่ามาผมมีข้อสงสัยดังนี้
1.) วิธีปฎิบัติของผมผิดหรือเปล่าครับเมื่อความร้อนของรถยนต์ขึ้นสูง 75% ของเกจ
2.) การเติมน้ำเปล่า (ไม่เคยเอาน้ำหล่อเย็นออกเอง และรถผมเข้าศูนย์ตลอด) สำหรับรถรุ่นนี้ทำให้ความร้อนขึ้นได้หรือเปล่าครับ
3.) การที่จะเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมหมอน้ำสำหรับรถรุ่นนี้ต้องถอดหม้อน้ำ ถอดท่อแอร์ ด้วยเหรอครับ (ลืมบอกไปครับวันแรกที่เขาเปลี่ยนมอเตอร์จาก Test Drive ก็ไม่เห็นมีการแว็กแอร์ครับ)
4.) น้ำยาแอร์สำหรับรถรุ่นนี้เวลาเติมเข้าไปต้องใส่น้ำมันคอมเพรสเซอร์หรือเปล่าครับ
รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ และรบกวนชี้แนะด้วยครับว่าผมต้องทำอย่างไรต่อดี ตอนนี้รถผมยังจอดอยู่ที่ศูนย์บริการ และผมได้ขอให้รองผู้จัดการทำรายละเอียดที่เขาอธิบายให้ผมฟังทางโทรศัพท์เมื่อจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นเอกสารเพราะเนื่องจากรถผมเป็นรถของบริษัท หากจะทำอะไรคงต้องขออนุมัติจากผู้ใหญ่ ซึ่งทางเขาบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
สุเมธ (081-910-8190)
รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยครับว่าผมผิดหรือเป็นความเฮงซวยของศูนย์บริการโตโยต้า เพื่อนๆจะได้ไม่ต้องเจออย่างผม
ใช้ดีโดยตลอด ผมก็นำรถเข้าศูนย์บริการประจำ(ศูนย์โตโยต้าเคมอเตอร์บางเขน) ทุกๆ 10,000 km (เพราะใช้น้ำมันสังเคราะห์ที่ใช้ได้ 10,000 km)
เหตุเกิดขึ้นเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 19 พค 2556 เวลา 12.00 ผมและภรรยาขับรถไปส่งลูกเรียนดนตรีที่กองดุริยางค์ทหารอากาศ บริเวณ สน.ดอนเมือง ตามปกติ แล้วจะไปซื้อของที่ แม๊คโคร สาขารังสิตตามปกติ
ปรากฏว่ารถที่ขับความร้อนขึ้นประมาณ 75% ของเกจวัดก็เลยจอด(พอดียังอยู่ในกองดุริยางค์ทหารอากาศจอดได้ง่าย) ดับเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงหน้า แล้ว บิดกุญแจสตาร์ท ดูที่พัดลมหม้อน้ำปรากฏว่าไม่หมุน เปิดแอร์ดู ก็ปรากฏว่าพัดลมก็ไม่หมุน (ผมเลยสรุปด้วยตัวเองว่าน่าจะเป็นพัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน และคิดว่าจากประสบการณ์หากเราปิดแอร์วิ่งด้วยความเร็วทีไม่เร็วมากความร้อนไม่น่าจะขึ้น จึงได้ปิดแอร์วิ่งเพื่อหาที่เปลี่ยนพัดลม พอขับเลี้ยวซ้ายเข้าวิภาวดีหันหัวรังสิต ก็นึกขึ้นได้ว่ามีศูนย์บริการของ “โตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง อยู่ตรงข้ามสนามธูปเตมีย์” เพราะเคยเอารถไปทำสีเมื่อปีก่อน ก็เลยตัดสินใจขับรถด้วยความเร็วประมาณ 60 km/hr ถนนก็เป็นใจ รถไม่ติด ในระหว่างที่ขับผมก็สังเกตเกจความร้อนตลอด เกจก็อยู่ที่ประมาณ 50% (ซึ่งเป็นปกติก่อนพัดลมเสีย)
เมื่อเข้าศูนย์ ก็มีพนักงานรับรถมา ผมได้แจ้งอาการว่าความร้อนขึ้น พนักงานคนนั้นบอกว่าต้องรอให้ความร้อนขึ้นก่อนและเมื่อความร้อนขึ้นก็ให้ผมเปิดฝากระโปรงหน้าดู หลังจากดูที่หม้อพักน้ำก็บอกผมว่า ความร้อนขึ้นเพราะว่าผมเติมน้ำเปล่าเข้าไปในระบบหล่อเย็นทำให้ความร้อนขึ้น ซึ่งผมก็แจ้งว่าตอนน้ำพร่องก็เติมน้ำดื่มเข้าไปให้เกินขีด Low ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่แค่เติมน้ำแทนน้ำหล่อเย็นแล้วความร้อนจะขึ้น 75% ของเกจวัด และแจ้งสมมุติฐานเรื่องพัดลมเสีมให้เขาทราบละรบเร้าให้เขาพาช่างมาตรวจดูก่อน หลังจากนั้นพนักงานอีกท่าน(เขาแจ้งในวันหลังว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายช่าง) ก็พาช่างมาดู ช่างก็ใช้ประแจเคาะๆที่พัดลม จาดพัดลมที่ไม่หมุนก็หมุน ช่างเขาก็แจ้งว่าเป็นเพราะพัดลมระบายความร้อนเสียซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้เพราะรถผมวิ่งมาแล้ว 148,XXX km ก็เลยให้เขาเช็คว่ามีอะไหล่ไหม หากมีจะได้ซ่อม พนักงานรับรถคนแรกก็มาแจ้งว่ามีอะไหล่แต่ต้องรอคิว น่าจะใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง ซึ่งทางบอกเขาว่าได้เพราะวันรุ่งขึ้นผมต้องไปหาลูกค้าที่ระยอง งั้นผมรอรับรถเลย
ระหว่างที่รอก็เข้าไปนั่งในห้องรับรองซึ่งเขามีกระจกให้เราสามารถมองเข้าไปในบริเวณที่ซ่อมได้ นั่งรอไป 2ชั่วโมง มองเห็นช่างมารุมที่รถของผมก็เลยไปถามความคืบหน้าว่าเป็นไงบ้าง พนักงานคนที่บอกว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการตอบว่ามีปัญหา น้อตหักคาต้องใช้เวลานานหน่อย เราก็รอต่อแต่ถึงเวลาต้องไปรับลูกเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษแล้ว ผมเลยตัดสินใจให้ภรรยานั่งแท็กซี่เพื่อไปรับลูกก่อน สรุปว่ากว่าจะเสร็จ 5 โมงเย็น ซึ่งพนักงานคนที่บอกว่าเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแจ้งว่าอะไหล่ที่แสดงในระบบสต๊อกเป็นของรุ่นอื่น เขาเห็นว่าผมจะไปต่างจังหวัดก็เลยนำพัดลมของ test drive ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันมาเปลี่ยนให้ (ก็น่ารักดีแต่ทำไมไม่แจ้งผมก่อน) และจะทำการสั่งอะไหล่จากโตโยต้ามาให้เมื่อของเข้ามาแล้วจะโทรแจ้งให้เข้ามาเปลี่ยนอีกทีซึ่งไม่น่าจะเกิน 2 -3 วัน และเก็บเงินของผมสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด ก็มี ค่ามอเตอร์พัดลม ค่าน้ำหล่อเย็น ค่าแรงในการทำงาน เป็นเงินประมาณ 4 พันกว่าบาท (เนื่องจากเป็นรถของบริษัทจึงต้องเอาใบเสร็จไปเบิกเลยจำราคาที่แน่นอนไม่ได้) เขาก็ออกใบรับชั่วคราวให้ส่วนตัวจริงจะออกให้วันที่มาเปลี่ยนอะไหล่
อาทิตย์นึงผ่านไปก็ไม่มีใครโทรมาแจ้งผมต้องโทรไปถามเองว่าของมาหรือยัง ซึ่งพนักงานที่รับสายไม่สามารถเช็คประวัติจากทาง server ให้ได้ เพราะใส่เลขทะเบียนแล้วไม่ขึ้นต้องใส่เลขตัวถังรถ ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เคยรับรถผมเมื่อันก่อนโทรกลับ เขาก็ไม่ได้โทรกลับซึ่งผมก็ต้องเป็นคนโทรไปหาอีกรอบเพื่อขอคุยกับเขา ซึ่งเขาก็แจ้งผมว่ามอเตอร์มาแล้วให้เข้าไปเปลี่ยนได้ผมก็ถามว่าต้องนัดคิวไหม พนักงานก็บอกว่าไม่ต้องนัดเข้ามาได้เลยเปลี่ยนมอเตอร์ใช้เวลาไม่กี่นาที ผมก็ได้นำรถเข้าไปวันเสาร์ที่ 25 พค 2556 เวลาประมาณ 10.30 น. ปรากฏว่ารองผู้จัดการแจ้งว่าต้องรอคิวแล้วใช้เวลาเปลี่ยน 2 ชั่วโมง ซึ่งผมก็ได้ต่อว่าเขาไปว่าพนักงานของคุณแจ้งว่าไม่กี่นาทีแล้วไม่ต้องนัดคิว สุดท้ายรองผู้จัดการก็ยืนยันว่าขอเวลา 2 ชั่วโมง หากผมว่างสัก2 ชั่วโมง ก็ค่อยเอารถเข้ามาทำ (แหม๋วิ่งมาจากรัชดาไม่ได้ทำอีก)
หลังจากนั้น วันพุธที่ 29 พค 2556 ผมก็เอารถไปเปลี่ยนมอเตอร์คราวนี้เอารถไปส่งให้เวลาเที่ยงกว่าเกือบบ่ายโมงแต่กว่าจะเสร็จปาไป 17.30 น. ซึ่งพนักงาน(รองผู้จัดการ)แจ้งว่ารถรุ่นนี้จะเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมต้องถอดหม้อน้ำ, ท่อน้ำ, สายน้ำยาแอร์ ก่อนถึงจะใส่มอเตอร์พัดลมได้ เมื่อติดตั้งคืนเรียบร้อยแล้วก็ต้องทำการแว็กซ์ระบบแอร์แล้วเติมน้ำยาแอร์เข้าไปในระบบ ซึ่งเมื่อเสร็จแล้วเขาก็นำรถไปล้างให้ หลังจากล้างเสร็จ ทางพนักงานที่เคยรับรถผมมาบอกว่าเดี๋ยวจะแว็กน้ำยาให้อีกทีจะได้เย็นๆแล้วจะได้ไม่ต้องเข้ามาอีก ซึ่งผมก็รอได้ (ไหนๆก็ไหนๆแล้ว) สุดท้ายเกือบ 18.00 น. ในระหว่างที่รอพนักงานก็จัดแจงออกใบเสร็จให้แล้วแจ้งว่าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ในส่วนของการแว็กแอร์นั้นเป็นบริการที่ไม่คิดค่าใช้จ่าย หลังจากได้รับรถผมก็คาใจเรื่องการเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมแล้วต้องยุ่งกับระบบแอร์ แล้วใช้เวลาทั้งหมด 5 ชั่วโมง (โอ้พระเจ้าไม่ต้องทำมาหากินอย่างอื่นแล้ว) หากเป็นเช่นนั้นจริง คนออกแบบของโตโยต้าคงลืมคิดเรื่องนี้มั้ง กลับมาบ้านก็ได้ส่ง line ไปบ่นให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนผมก็บอกว่าถ้าเขาไม่คิดค่าแว็กแอร์ก็โอเคมั้งเราก็คิดว่าไม่เป็นไรปัญหาเรื่องความร้อนจบได้วิธีการไม่ค่อยสำคัญ
แต่ปรากฏว่าฝันร้ายก็มาเยือนตอนกลางวัน วันเสาร์ที่ 8 มิ.ย. 2556 ตอนประมาณเที่ยงวันขับรถไปส่งลูกสาวที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ขับผ่านขนส่งปรากฏว่าได้ยินเสียงดังที่กระโปรงหน้ารถ จึงจอดข้างทางดับเครื่องยนต์แล้วเปิดกระโปรงหน้า หลังจากนั้นก็ไปสตาร์ทรถใหม่ ก็ยังได้ยินเสียง เมื่อมองดูก็สังเกตว่าต้นตอของเสียงมาจาก คอมเพรสเซอร์แอร์ สักพักภรรยาที่นั่งอยู่ในรถกบอกว่าแอร์ไม่เย็นแล้ว จึงตัดสินใจขับรถด้วยความเร็วประมาณไม่เกิน 60 km/hr ปิดแอร์ขึ้นโทลเวย์ไปที่โตโยต้ามหานครสาขาดอนเมือง(ที่เดิม) ถึงที่หมายประมาณ 12.30 น. เพราะคิดว่าปัญหาน่าจะเกี่ยวพ่วงกันกับการแก้ไขก่อนหน้านี้ เมื่อไปถึงก็ขอพบพนักงานรับรถคนเดิม(เพราะน่าจะรู้เรื่อง) แจ้งอาการให้ทราบและก็ขอพบผู้จัดการ(พนักงานบอกว่าอยู่)เพราะต้องการสอบถามว่าตอนที่แว๊กแอร์ของผมได้เติมน้ำมันเข้าไปไหม(เพราะสมัยก่อนต้องเติมน้ำมันทุกครั้ง) ปรากฏว่าผู้จัดการไม่มาพบและไม่มีใครใส่ใจที่จะไปตามให้ หลังจากนั้นพนักงานรับรถคนเดิมก็แจ้งว่าไม่สามารถตรวจให้เลยได้เนื่องจากว่าวันนั้นมีคิวเยอะ ต้องรอประมาณบ่าย 2 กว่าจะมีช่างว่างมาดูอาการให้ ผมก็ตัดสินใจรอ ระหว่างนั้นผมก็ได้โทรปรึกษาเพื่อนที่ทำงานที่โตโยต้า เขาก็แนะนำให้ผมโทรเข้าแจ้งที่ Toyota Call Center เบอร์ 02-386-2000
ซึ่งเมื่อผมโทรเข้าไปก็ได้เล่ารายละเอียดเหมือนกับรายละเอียดดังที่กล่าวมา ทาง Toyota Call Center ก็ได้ประสานงานมายัง โตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง เพื่อให้ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์มาดูแลผม แต่พอเลยเวลาบ่าย 2 ไปพอสมควรก็ไม่มีใครมาติดต่อหรือแจ้งความคืบหน้าแก่ผม ผมจึงเดินไปถามพนักงานรับรถคนเดิม ซึ่งเขาก็ได้มีโน้ตจากทางศูนย์ว่าผมมีข้อร้องเรียน(น่าจะเป็นขอความจาก Toyota Call Center) เขาก็ขอสรุปรายละเอียดว่ารถผมคอมเพรสเซอร์น๊อค ต้องทิ้งรถไว้ เขาขอเวลา 1 วัน เพื่อตรวจเช็ค แล้วจะแจ้งกลับน่าจะวันรุ่งขึ้น (อาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2556) ผมก็ไม่ขัดข้อง และขอให้เขาออกเอกสารรับรถให้ (คิดดูสิครับรับรถไปตั้งนานไม่ออกเอกสารให้ เฮ้อ) หลังจากนั้นผมและภรรยาก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน
โชคดีที่บ้านผมมีรถอีกคันสำหรับภรรยาเอาไว้รับส่งลูกวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 2556 เราจึงมีรถรับส่งลูกทำกิจกรรมได้ เรารอการติดต่อกลับจากทางศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง ติดต่อมา ซึ่งกว่าจะติดต่อมาก็ประมาณ 16.45 น. โดยคนที่ติดต่อมาเป็นพนักงานอีกคน เขาได้แจ้งกับผมว่าสรุป คอมเพรสเซอร์น๊อค ต้องเปลี่ยน คอมเพรสเซอร์ เขาจะคุยกับผู้ใหญ่วันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ผมก็ได้สอบถามเขาว่าสาเหตุเกิดจากอะไรทางเขาก็ได้โอนสายให้คุยกับช่างซึ่งช่างก็ได้แจ้งกับผมว่าสาเหตุที่ คอมเพรสเซอร์น๊อค เพราะระบบ สกปรก ผมก็ได้ถามชื่อพนักงานทั้ง 2 คนไว้ และรอการติดต่อกลับจากศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง
ทางศูนย์บริการโตโยต้ามหานคร สาขาดอนเมือง ก็ได้ติดต่อกลับมาหาผมในวันจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 เวลาประมาณ 15.00 น. โดยคนที่ติดต่อกลับมา คือ รองผู้จัดการฝ่ายบริการ เขาแจ้งว่าสาเหตุเกิดจากเมื่อตอนที่มอเตอร์พัดลมระบายความร้อนเสีย น้ำยาแอร์ไม่ได้ถูกระบายความร้อน วิ่งกลับเข้าสู่คอมเพรสเซอร์ ทำให้คอมเพรสเซอร์น๊อค (ไม่เห็นเหมือนกับช่างคนเมื่อวานบอกเลย) ซึ่งผมได้ชี้แจงไปตามเหตุการข้างต้นว่า “เมื่อความร้อนขึ้นผมปิดแอร์วิ่งและวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 60 km/hr. และผมได้ดูเกจวัดความร้อนตลอดเวลา ระยะทางก็จาก สน.ดอนเมือง ไปยัง ศูนย์บริการ” ไม่น่าเป็นไปได้มี่น้ำยาแอร์ที่ร้อนจะวิ่งเข้าสู่คอมเพรสเซอร์” ซึ่งทางรองผู้จัดการก็บอกว่าเขาม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และทางเขยินดีที่จะช่วยเหลือด้วยการให้ส่วนลดค่าอะไหล่ 30% แล้วผมรัผิดชอบส่วนที่เหลือเป็นเงินประมาณ 6 พันกว่าบาท ซึ่งทาผมยินดีที่จะจ่ายหากเป็นความผิดของผม หรือเป็นเพราะอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์
แต่จากเหตุการณ์ดังที่เล่ามาผมมีข้อสงสัยดังนี้
1.) วิธีปฎิบัติของผมผิดหรือเปล่าครับเมื่อความร้อนของรถยนต์ขึ้นสูง 75% ของเกจ
2.) การเติมน้ำเปล่า (ไม่เคยเอาน้ำหล่อเย็นออกเอง และรถผมเข้าศูนย์ตลอด) สำหรับรถรุ่นนี้ทำให้ความร้อนขึ้นได้หรือเปล่าครับ
3.) การที่จะเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมหมอน้ำสำหรับรถรุ่นนี้ต้องถอดหม้อน้ำ ถอดท่อแอร์ ด้วยเหรอครับ (ลืมบอกไปครับวันแรกที่เขาเปลี่ยนมอเตอร์จาก Test Drive ก็ไม่เห็นมีการแว็กแอร์ครับ)
4.) น้ำยาแอร์สำหรับรถรุ่นนี้เวลาเติมเข้าไปต้องใส่น้ำมันคอมเพรสเซอร์หรือเปล่าครับ
รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วยครับ และรบกวนชี้แนะด้วยครับว่าผมต้องทำอย่างไรต่อดี ตอนนี้รถผมยังจอดอยู่ที่ศูนย์บริการ และผมได้ขอให้รองผู้จัดการทำรายละเอียดที่เขาอธิบายให้ผมฟังทางโทรศัพท์เมื่อจันทร์ที่ 10 มิ.ย. 2556 เวลาประมาณ 15.00 น. เป็นเอกสารเพราะเนื่องจากรถผมเป็นรถของบริษัท หากจะทำอะไรคงต้องขออนุมัติจากผู้ใหญ่ ซึ่งทางเขาบอกว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน
ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
สุเมธ (081-910-8190)