วันนีผมปั่นจักรยานไปพระราชวังสนามจันทร์นครปฐมมาครับ
เนื่องจากมีรุ่นน้องที่เรียนจบจากศิลปากรแนะนำให้ไปเที่ยวที่ทับแก้วดู
ก่อนออกผมก็เตรียมตัวไม่ค่อยดีนักพักผ่อนน้อย แหมแค่ 67 กิโล (ดูระยะจากกูเกิลเมพ) กระจอกมากไปกลับไม่น่ายาก ปกติก็ปั่น 60 - 70 บ่อย ๆ อยู่แล้วอาทิตย์ล่ะ 1 วัน ทั่ว ๆ ไปทุกวันปั่นที่ 15 - 25 กิโลในกรุงเทพตลอด ตอนอยู่บ้านที่ลำปางก็ขึ้นไปค่ายประตูผาบ่อย ๆ ประมาทคิดว่าหมูว่ะ 5555 (ประมาทอย่างแรง)
ระยะทางขาไป 70 กิโลเมตร ขากลับ 75 กิโลเมตร รวมแล้ว 140 กิโลเมตรหน่อย ๆ
ใช้เวลาอยู่บนเบาะจักรยานประมาณหกชั่วโมงนิด ๆ พักตามรายทางอีกสามชั่วโมง
ทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปอีกหนึ่งวันครับ เคยไปสูงสุดก็แค่ 67 กิโลในวันเดียว (ตอนนั้น 67 จอดซื้อน้ำสองครั้งไม่พักเลย)
ขาไปพักกินข้าวหนึ่งครั้ง ซื้อน้ำสองครั้ง
ขากลับพักนอนหนึ่งครั้ง กินข้าวหนึ่งครั้ง ซื้อน้ำหนึ่งครั้ง

รูปมีแต่ขาไปครับ ขากลับแบตมือถือหมดลืมเอา Power Bank ไป
ของที่เตรียมไปสำหรับวันนี้
ก็มีพวกยางในสำรองของจักรยาน ผ้าเช็ดหน้า โฟมล้างหน้าและครีมกันแดด เงินอีกนิดหน่อย
โดยทาครีมออกจากบ้านไปเลย ตอนทาทาไม่ค่อยดีมาก โป๊ะ ๆ หน้าทำให้เวลาเหงื่อออกครีมมันก็เข้าตานิดหน่อยแสบตาเลย
แถมผมงกครีมกันแดดครับทาหน้ากะแขนพอ ขาเอาครีมเหลือพวกนีเวียทาเท้าแตก ทาทับ ๆ ไปกลับบ้านมาได้เรื่องขาไหม้ดำปี๋เลยครับ 5555
เส้นทางง่ายมากครับออกจากคอนโดตรงรัชดาแล้วมุ่งตรงไปทางดุสิตออกกรุงเทพไปทางสะพานพระปิ่นเกล้าจนถึงนครปฐมครับ ผมออกเดินทางเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้าอากาศกำลังดีพอสมควรสำหรับวันเสาร์
เส้นทางจากแยกพระรามเก้ามุ่งไปทางสวนดุสิตนั้นนรกตรงถนนแถว ๆ โตโยต้าทูโซ่ครับ ทางแบบเสือหมอบแสนสะท้านเลย กระเด้งไปตลอดทาง โดยสะพานพระปิ่นเกล้าตรงข้ามแม่น้ำผมปั่นตามก้นมอเตอร์ไซด์ไป ส่วนสะพานกรุงธนปั่นตรงเลนสีแดงข้าง ๆ รู้สึกจะเป็นทางคนเดินครับ ทีเหลือก็ปั่นไปเพลิน ๆ พยายามไม่โหมมากกลัวหมดแรง
ขาไปแรงกำลังดีไปได้เรื่อย ๆ ครับ กินน้ำไปเรื่อย ๆ ไปหยุดพักกินข้าวขาหมูตอนถึงชายขอบกรุงเทพแล้วครับ
จากนั้นก็วิ่งยาวจนถึงหน้ามหาวิยาลัยมหิดลศาลายา จากนั้นแรงเริ่มตก ก็แวะกินข้าวกินน้ำกินขนมและพยายามเลี้ยงรอบขาให้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ
ส่วนตัวคิดว่าถนน กรุงเทพ - นครปฐมไม่ค่อยเหมาะปั่นทริปกินลมชมวิวเพราะสิบล้อเยอะ ฝุ่นเยอะตาม วิวสวย ๆ มีบางช่วงไม่มากเท่าไร
และถนนบางช่วงมีทางขนานบางทีไม่ดี ก็ได้สัมผัสใกล้ชิดดูดตูดสิบล้อบ่อย ๆ
ซึ่งทริปนี้ผมกลัวขาจะมีปัญหาประเภทปวดเข่า เข่าร้อน ตะคริวกิน เพราะไม่เคยปั่นถึงร้อยโลในวันเดียวเลย เลยสลับเกียร์ให้เหมาะกับอยู่ตลอด และใช้เกียร์เบากว่าปกติ ปกติใช้เกียร์ 3-4, 3-5, 3-6 แต่วันนี้ใช้ 2-6, 2-7 ครับเพราะกลัวภาระไปตกที่เข่ามากเกินไป ใช้แรงจากกล้ามเนื้อขาแทน
ส่วนการนั่งวันนี้ผมนั่งล้ำไปข้างหน้ามากกว่าปกตินิดนึง เพื่อลดอาการปวดก้น แต่ไปส่งผลตอนหลัง ๆ ทำให้เกิดอาการปวดไหล่ขวาแทนครับ
Doppelganger 413 Jakmel ล้างใหม่กริป ๆ
เรื่องรถผมไม่ได้เตรียมอะไรมากนอกจากล้างก่อนไปล่วงหน้าวันนึง วันนี้ระหว่างทางไปเจอร้านจักรยานที่นครปฐมพอดี ลมยางหลังอ่อน ๆ เลยแวะเติมลมแล้วเห็นมีไมล์ Velo ไร้สายอยู่ก็ถือโอกาสติดใหม่เสียเลยครับ
สุดท้ายมาถึงพระราชวังสนามจันทร์เอาราว ๆ สิบเอ็ดโมง ประทับใจมากครับ สวยเหลือเกินอากาศก็ดี
แต่น่าเสียดายที่เค้าไม่ให้ปั่นจักรยานชมวัง ต้องเดินหรือเช่ารถไฟฟ้า ผมเลือกเช่ารถไฟฟ้าครับ หมดแรง สามร้อยบาท
แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าขับรถมาเที่ยวแนะนำเดินเอาดีกว่าครับ ได้บรรยากาศมากกว่า
ขากลับตอนแรกยังลัลล๊าอยู่ครับ เพราะตอนเช้ากินข้าวไปมื้อนึง แต่ยังไม่ได้กินตอนเที่ยงก็ว่าจะไปหาเอาข้างหน้าปั่นไปได้ซักเกือบยี่สิบกิโลจะพันนครปฐมอยู่แล้วนรกมาเยือนครับ หมดแรง เหนื่อยจนต้องจอดนอนพักที่วัด ตอนแรกคิดว่าตัวเองง่วงนอนเพราะคืนที่ผ่านมาหลับหกโมงเย็นตื่นตีหนึ่งครับ แล้วลากยาวถึงเช้าเลย ก็นอน ๆ ไปซักพัก คนที่มาปฎิบัติธรรมกลุ่มนึงผู้หญิงเค้ามามุงดูคิดว่าผมเป็นลมมั้งเอาน้ำเอาขนมมาให้ ฮาเลย อร่อยดีครับกินแล้วก็ล่ำลาแล้วไปต่อได้อีกหน่อย โอโหคราวนี้หมดก๊อกของจริงเลยครับ สุดท้ายไปจอดเอาข้าวที่นึงเป็นร้านก๋วยเตี๊ยวมีร้านกาแฟชื่อ Blue Sky ข้างใน จัดชุดใหญ่ไปเลย เกาเหลาเนื้อตุ๋น ข้าวเปล่า ลูกชิ้นเอ็นห้าไม้ โค๊กสองขวด มอคค่าแก้วนึง แถมนอนอ่านหนังสือเล่นในร้านเค้าอีกประมาณชั่วโมงนึง เจ้าของร้านใจดีมากครับ
พอได้พักได้กินแรงกลับมาครับ คืนสภาพอย่างรวดเร็ว
เริ่มปั่นกลับทันทีลากยาว ๆ ห้าสิบกิโลถึงคอนโด
ช่วงห้ากิโลสุดท้ายสภาพเหมือนจิ้งหรีดใกล้ตายคือปวดไปหมดปั่นช้ามาก ๆ ความเร็วตกเหลือ 15+
พอหนึ่งกิโลเมตรสุดท้ายเหลือ 10+ ฮ่า ๆ
สุดท้ายก็ถึงคอนโดอย่างปลอดภัยไม่มีอะไรให้น่าหวาดเสียวเลยครับวันนี้ ไม่มีความเสี่ยงอุบัติเหตุใด ๆ เลย
ทริปนี้ได้รู้ขีดจำกัดตัวเองว่า 150 กิโลเมตรทำได้แต่มันนานเกินไป
เพราะต้องอยู่บนจักรยานประมาณหกชั่วโมงยิ่งตอนที่แบตมือถือหมดแล้ว ก็ดูวิวดูอะไรไปเอาครับ
และการกินขณะเดินทางสำคัญมาก อันนี้ผมพลาดเลย
เพราะปกติผมเป็นประเภทกินก่อนปั่นจากนั้นซัดรวดเดียวจบไม่แวะพักไม่แวะกิน ซื้อแต่น้ำกินมาตลอด
ตามที่ปั่นคือ 50 - 60 กิโลเมตร เลยไม่มีประสบการณ์ในการสะสมพลังงานและกินชดเชยระหว่างปั่นทางไกลเลยครับ ตรงปรับปรุง
คำนวนดูแล้วทริปนี้ใช้พลังงานไม่น้อยกว่า 3,000 - 3,500 แคลอรี่
และปกติตัวผมเองใช้พลังงานต่อวัน 2,520 แคลอรี่ เท่ากับวันนี้ผมต้องมีอย่างน้อย 6,000 แคลอรี่
ทริปนี้กินน้ำเปล่าไปหกขวด โค๊กสี่กระป๋อง ช็อคโกแลตสองแท่ง กาแฟสองแก้ว
ข้าวขาหมูหนึ่งจาน เกาเหลาเนื้อนึงถ้วย ข้าวเปล่าหนึ่ง ลูกชิ้นปิ้งห้าไม้
แจงออกมาประมาณนี้ (kilo)
น้ำเปล่าฟรีพลังงาน
โค๊กสี่กระป๋อง 140 x 4 = 560 แคลอรี่
ช็อคโกแลตสองแท่ง 220 x 2 = 440 แคลอรี่
กาแฟสองแก้ว 250 x 2 = 500 แคลอรี่
ข้าวขาหมูหนึ่งจาน = 700 แคลอรี่
เกาเหลาเนื้อและข้าวเปล่า = 600 แคลอรี่
ลูกชิ้นปิ้ง 165 x 5 = 825 แคลอรี่
พลังงานที่ผมได้รับจากอาหารวันนี้รวมแล้ว 3,625 แคลอรี่ครับ
เท่ากับว่าวันนี้เบิร์นไปเต็ม ๆ 2,375 แคลอรี่
โค๊กกะพวกเครื่องดื่มเกลือแร่นี่ในความรู้สึกผม ผมว่ามันเติมพลังงานฉุกเฉินแค่แป๊บ ๆ ครับไม่เกินยี่สิบนาทีหมด
ปั่นทางไกลยังไงต้องมีจัดชุดใหญ่อย่างน้อยสองมื้อ อาหารไทยนี่ล่ะครับพลังงานครบ ตอนแรกแวะซื้อแมคไก่มากิน กระเดือกไม่ลงซะงั้นจะอ้วกเอาไม่รู้ทำไม
เพราะแบบนี้ขากลับผมถึงได้เกิดอาการช๊อตหมดแรงเอาดื้อ ๆ สงสัยกินอาหารไม่สมดุลย์กับพลังงานที่ต้องใช้นี่ล่ะครับ
แต่ยังไง ๆ ทริปนี้ก็เป็นความทรงจำที่สนุกมากครับ และคงจะมีวันเดย์ทริปร้อยกิโลอีกในอนาคต
นครปฐมคนที่นี่ใจดีมากตอนผมแวะพักตามที่ต่าง ๆ ก็จะมีคนเข้ามาเมียงมอง มาถามว่าปั่นมาจากไหน พอรู้ว่ามาจากกรุงเทพ ก็พากันทำหน้าแบบ (ไกลนะเฮ้ย) แล้วเอาน้ำเอาขนมมาให้กิน คอยบอกทางให้ ใจดีจริง ๆ
ถ้ามีคำแนะนำอะไรแนะนำได้เลยนะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุงให้ทริปต่อไปพร้อมมากกว่านี้ครับ
One Day Trip Sanam Chandra Palace 140km
เนื่องจากมีรุ่นน้องที่เรียนจบจากศิลปากรแนะนำให้ไปเที่ยวที่ทับแก้วดู
ก่อนออกผมก็เตรียมตัวไม่ค่อยดีนักพักผ่อนน้อย แหมแค่ 67 กิโล (ดูระยะจากกูเกิลเมพ) กระจอกมากไปกลับไม่น่ายาก ปกติก็ปั่น 60 - 70 บ่อย ๆ อยู่แล้วอาทิตย์ล่ะ 1 วัน ทั่ว ๆ ไปทุกวันปั่นที่ 15 - 25 กิโลในกรุงเทพตลอด ตอนอยู่บ้านที่ลำปางก็ขึ้นไปค่ายประตูผาบ่อย ๆ ประมาทคิดว่าหมูว่ะ 5555 (ประมาทอย่างแรง)
ระยะทางขาไป 70 กิโลเมตร ขากลับ 75 กิโลเมตร รวมแล้ว 140 กิโลเมตรหน่อย ๆ
ใช้เวลาอยู่บนเบาะจักรยานประมาณหกชั่วโมงนิด ๆ พักตามรายทางอีกสามชั่วโมง
ทะลุขีดจำกัดของตัวเองไปอีกหนึ่งวันครับ เคยไปสูงสุดก็แค่ 67 กิโลในวันเดียว (ตอนนั้น 67 จอดซื้อน้ำสองครั้งไม่พักเลย)
ขาไปพักกินข้าวหนึ่งครั้ง ซื้อน้ำสองครั้ง
ขากลับพักนอนหนึ่งครั้ง กินข้าวหนึ่งครั้ง ซื้อน้ำหนึ่งครั้ง
รูปมีแต่ขาไปครับ ขากลับแบตมือถือหมดลืมเอา Power Bank ไป
ของที่เตรียมไปสำหรับวันนี้
ก็มีพวกยางในสำรองของจักรยาน ผ้าเช็ดหน้า โฟมล้างหน้าและครีมกันแดด เงินอีกนิดหน่อย
โดยทาครีมออกจากบ้านไปเลย ตอนทาทาไม่ค่อยดีมาก โป๊ะ ๆ หน้าทำให้เวลาเหงื่อออกครีมมันก็เข้าตานิดหน่อยแสบตาเลย
แถมผมงกครีมกันแดดครับทาหน้ากะแขนพอ ขาเอาครีมเหลือพวกนีเวียทาเท้าแตก ทาทับ ๆ ไปกลับบ้านมาได้เรื่องขาไหม้ดำปี๋เลยครับ 5555
เส้นทางง่ายมากครับออกจากคอนโดตรงรัชดาแล้วมุ่งตรงไปทางดุสิตออกกรุงเทพไปทางสะพานพระปิ่นเกล้าจนถึงนครปฐมครับ ผมออกเดินทางเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้าอากาศกำลังดีพอสมควรสำหรับวันเสาร์
เส้นทางจากแยกพระรามเก้ามุ่งไปทางสวนดุสิตนั้นนรกตรงถนนแถว ๆ โตโยต้าทูโซ่ครับ ทางแบบเสือหมอบแสนสะท้านเลย กระเด้งไปตลอดทาง โดยสะพานพระปิ่นเกล้าตรงข้ามแม่น้ำผมปั่นตามก้นมอเตอร์ไซด์ไป ส่วนสะพานกรุงธนปั่นตรงเลนสีแดงข้าง ๆ รู้สึกจะเป็นทางคนเดินครับ ทีเหลือก็ปั่นไปเพลิน ๆ พยายามไม่โหมมากกลัวหมดแรง
ขาไปแรงกำลังดีไปได้เรื่อย ๆ ครับ กินน้ำไปเรื่อย ๆ ไปหยุดพักกินข้าวขาหมูตอนถึงชายขอบกรุงเทพแล้วครับ
จากนั้นก็วิ่งยาวจนถึงหน้ามหาวิยาลัยมหิดลศาลายา จากนั้นแรงเริ่มตก ก็แวะกินข้าวกินน้ำกินขนมและพยายามเลี้ยงรอบขาให้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ
ส่วนตัวคิดว่าถนน กรุงเทพ - นครปฐมไม่ค่อยเหมาะปั่นทริปกินลมชมวิวเพราะสิบล้อเยอะ ฝุ่นเยอะตาม วิวสวย ๆ มีบางช่วงไม่มากเท่าไร
และถนนบางช่วงมีทางขนานบางทีไม่ดี ก็ได้สัมผัสใกล้ชิดดูดตูดสิบล้อบ่อย ๆ
ซึ่งทริปนี้ผมกลัวขาจะมีปัญหาประเภทปวดเข่า เข่าร้อน ตะคริวกิน เพราะไม่เคยปั่นถึงร้อยโลในวันเดียวเลย เลยสลับเกียร์ให้เหมาะกับอยู่ตลอด และใช้เกียร์เบากว่าปกติ ปกติใช้เกียร์ 3-4, 3-5, 3-6 แต่วันนี้ใช้ 2-6, 2-7 ครับเพราะกลัวภาระไปตกที่เข่ามากเกินไป ใช้แรงจากกล้ามเนื้อขาแทน
ส่วนการนั่งวันนี้ผมนั่งล้ำไปข้างหน้ามากกว่าปกตินิดนึง เพื่อลดอาการปวดก้น แต่ไปส่งผลตอนหลัง ๆ ทำให้เกิดอาการปวดไหล่ขวาแทนครับ
Doppelganger 413 Jakmel ล้างใหม่กริป ๆ
เรื่องรถผมไม่ได้เตรียมอะไรมากนอกจากล้างก่อนไปล่วงหน้าวันนึง วันนี้ระหว่างทางไปเจอร้านจักรยานที่นครปฐมพอดี ลมยางหลังอ่อน ๆ เลยแวะเติมลมแล้วเห็นมีไมล์ Velo ไร้สายอยู่ก็ถือโอกาสติดใหม่เสียเลยครับ
สุดท้ายมาถึงพระราชวังสนามจันทร์เอาราว ๆ สิบเอ็ดโมง ประทับใจมากครับ สวยเหลือเกินอากาศก็ดี
แต่น่าเสียดายที่เค้าไม่ให้ปั่นจักรยานชมวัง ต้องเดินหรือเช่ารถไฟฟ้า ผมเลือกเช่ารถไฟฟ้าครับ หมดแรง สามร้อยบาท
แต่เอาเข้าจริง ๆ ถ้าขับรถมาเที่ยวแนะนำเดินเอาดีกว่าครับ ได้บรรยากาศมากกว่า
ขากลับตอนแรกยังลัลล๊าอยู่ครับ เพราะตอนเช้ากินข้าวไปมื้อนึง แต่ยังไม่ได้กินตอนเที่ยงก็ว่าจะไปหาเอาข้างหน้าปั่นไปได้ซักเกือบยี่สิบกิโลจะพันนครปฐมอยู่แล้วนรกมาเยือนครับ หมดแรง เหนื่อยจนต้องจอดนอนพักที่วัด ตอนแรกคิดว่าตัวเองง่วงนอนเพราะคืนที่ผ่านมาหลับหกโมงเย็นตื่นตีหนึ่งครับ แล้วลากยาวถึงเช้าเลย ก็นอน ๆ ไปซักพัก คนที่มาปฎิบัติธรรมกลุ่มนึงผู้หญิงเค้ามามุงดูคิดว่าผมเป็นลมมั้งเอาน้ำเอาขนมมาให้ ฮาเลย อร่อยดีครับกินแล้วก็ล่ำลาแล้วไปต่อได้อีกหน่อย โอโหคราวนี้หมดก๊อกของจริงเลยครับ สุดท้ายไปจอดเอาข้าวที่นึงเป็นร้านก๋วยเตี๊ยวมีร้านกาแฟชื่อ Blue Sky ข้างใน จัดชุดใหญ่ไปเลย เกาเหลาเนื้อตุ๋น ข้าวเปล่า ลูกชิ้นเอ็นห้าไม้ โค๊กสองขวด มอคค่าแก้วนึง แถมนอนอ่านหนังสือเล่นในร้านเค้าอีกประมาณชั่วโมงนึง เจ้าของร้านใจดีมากครับ
พอได้พักได้กินแรงกลับมาครับ คืนสภาพอย่างรวดเร็ว
เริ่มปั่นกลับทันทีลากยาว ๆ ห้าสิบกิโลถึงคอนโด
ช่วงห้ากิโลสุดท้ายสภาพเหมือนจิ้งหรีดใกล้ตายคือปวดไปหมดปั่นช้ามาก ๆ ความเร็วตกเหลือ 15+
พอหนึ่งกิโลเมตรสุดท้ายเหลือ 10+ ฮ่า ๆ
สุดท้ายก็ถึงคอนโดอย่างปลอดภัยไม่มีอะไรให้น่าหวาดเสียวเลยครับวันนี้ ไม่มีความเสี่ยงอุบัติเหตุใด ๆ เลย
ทริปนี้ได้รู้ขีดจำกัดตัวเองว่า 150 กิโลเมตรทำได้แต่มันนานเกินไป
เพราะต้องอยู่บนจักรยานประมาณหกชั่วโมงยิ่งตอนที่แบตมือถือหมดแล้ว ก็ดูวิวดูอะไรไปเอาครับ
และการกินขณะเดินทางสำคัญมาก อันนี้ผมพลาดเลย
เพราะปกติผมเป็นประเภทกินก่อนปั่นจากนั้นซัดรวดเดียวจบไม่แวะพักไม่แวะกิน ซื้อแต่น้ำกินมาตลอด
ตามที่ปั่นคือ 50 - 60 กิโลเมตร เลยไม่มีประสบการณ์ในการสะสมพลังงานและกินชดเชยระหว่างปั่นทางไกลเลยครับ ตรงปรับปรุง
คำนวนดูแล้วทริปนี้ใช้พลังงานไม่น้อยกว่า 3,000 - 3,500 แคลอรี่
และปกติตัวผมเองใช้พลังงานต่อวัน 2,520 แคลอรี่ เท่ากับวันนี้ผมต้องมีอย่างน้อย 6,000 แคลอรี่
ทริปนี้กินน้ำเปล่าไปหกขวด โค๊กสี่กระป๋อง ช็อคโกแลตสองแท่ง กาแฟสองแก้ว
ข้าวขาหมูหนึ่งจาน เกาเหลาเนื้อนึงถ้วย ข้าวเปล่าหนึ่ง ลูกชิ้นปิ้งห้าไม้
แจงออกมาประมาณนี้ (kilo)
น้ำเปล่าฟรีพลังงาน
โค๊กสี่กระป๋อง 140 x 4 = 560 แคลอรี่
ช็อคโกแลตสองแท่ง 220 x 2 = 440 แคลอรี่
กาแฟสองแก้ว 250 x 2 = 500 แคลอรี่
ข้าวขาหมูหนึ่งจาน = 700 แคลอรี่
เกาเหลาเนื้อและข้าวเปล่า = 600 แคลอรี่
ลูกชิ้นปิ้ง 165 x 5 = 825 แคลอรี่
พลังงานที่ผมได้รับจากอาหารวันนี้รวมแล้ว 3,625 แคลอรี่ครับ
เท่ากับว่าวันนี้เบิร์นไปเต็ม ๆ 2,375 แคลอรี่
โค๊กกะพวกเครื่องดื่มเกลือแร่นี่ในความรู้สึกผม ผมว่ามันเติมพลังงานฉุกเฉินแค่แป๊บ ๆ ครับไม่เกินยี่สิบนาทีหมด
ปั่นทางไกลยังไงต้องมีจัดชุดใหญ่อย่างน้อยสองมื้อ อาหารไทยนี่ล่ะครับพลังงานครบ ตอนแรกแวะซื้อแมคไก่มากิน กระเดือกไม่ลงซะงั้นจะอ้วกเอาไม่รู้ทำไม
เพราะแบบนี้ขากลับผมถึงได้เกิดอาการช๊อตหมดแรงเอาดื้อ ๆ สงสัยกินอาหารไม่สมดุลย์กับพลังงานที่ต้องใช้นี่ล่ะครับ
แต่ยังไง ๆ ทริปนี้ก็เป็นความทรงจำที่สนุกมากครับ และคงจะมีวันเดย์ทริปร้อยกิโลอีกในอนาคต
นครปฐมคนที่นี่ใจดีมากตอนผมแวะพักตามที่ต่าง ๆ ก็จะมีคนเข้ามาเมียงมอง มาถามว่าปั่นมาจากไหน พอรู้ว่ามาจากกรุงเทพ ก็พากันทำหน้าแบบ (ไกลนะเฮ้ย) แล้วเอาน้ำเอาขนมมาให้กิน คอยบอกทางให้ ใจดีจริง ๆ
ถ้ามีคำแนะนำอะไรแนะนำได้เลยนะครับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุงให้ทริปต่อไปพร้อมมากกว่านี้ครับ