รอคุณ Coriolis ไม่ไหวแล้วครับ .. เพราะเดี๋ยวต้องออกไปกินข้าวข้างนอก .. อาจจะไม่ได้มาตั้งโพสต์ให้ดู
เลยขออนุญาต ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก่อนนะครับ ^^
วันนี้ ก็ถือว่า
"ลงหนัก" มากจริง ๆ แดงเถือกกว่า 2% .. รู้สึกว่า ตัวเองคิดถูกที่เก็บเงินสดไว้รอโอกาส .. แต่คิดไป คิดมา .. ผมอาจจะแค่โชคดี ที่เก็บเงินสดไว้ .. เพราะจริง ๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ตลาดหุ้น มันจะขึ้น หรือ ลง ไปขนาดไหน
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ทีนี้ .. เรามาดู ข้อดี-ข้อเสีย ของกองทุนดัชนีกันบ้าง ..
ข้อดี
- กองทุนดัชนี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำสุดในบรรดากองทุนหุ้น หรือ ถ้าจะมีความเสี่ยง ก็จะเสี่ยงในนระดับเดียวกับดัชนี (เพราะกองทุนซื้อหุ้นทุกตัวในตลาดฯ และ ลงทุนในส่วนเดียวกับดัชนี)
- กองทุนดัชนี มีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าธรรมเนียม
“ต่ำมาก” .. ฉะนั้น เมื่อกองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำ เพราะไม่ต้องงจ้าง ผจก.กองทุน หรือ ไม่ต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นของ ผจก.กองทุน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำ และ เก็บค่าธรรมเนียมต่ำมาก หรือ บางกอง ก็แทบจะไม่มีค่าธรรมเนียมเลย .. ฉะนั้น ผลตอบแทนที่กองทุนทำได้ จึงตกถึงผู้ถือหน่วยลงทุนแบบ
“เต็มเม็ด เต็มหน่วย”
- ด้วยความที่กองทุนดัชนี ไม่จำเป็นต้องใช้ ผจก.กองทุน ในการคัดเลือกหุ้น .. ดังนั้น ความเสี่ยงในเรื่องของการคัดเลือกหุ้นให้ถูกตัว หรือ เลือกหุ้นผิดตัว จึงตัดทิ้งไปได้เลย
- กองทุนดัชนี เมื่อไม่มี ผจก.กองทุน ในการซื้อ-ขายหุ้น .. จึงทำให้กองทุนดัชนี สามารถถือหุ้นยาวได้
“ตลอดกาล” (ตราบเท่าที่ตลาดหลักทรัพย์ยังเปิดทำการอยู่) ฉะนั้น ถ้าใครอยากถือหุ้นยาว ๆ หรือ ลงทุนระยะยาว .. กองทุนดัชนี เป็นทางเลือกที่ดีมากครับ .. และ กองทุนดัชนี จะมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตน้อยมาก (คือ เปลี่ยนพอร์ตตามดัชนี ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี)
ข้อเสีย
- กองทุนดัชนี จำเป็นจะต้องลงทุนในหุ้นตลอดเวลา .. ถ้าคุณสังเกตให้ดีจะพบว่า ในภาวะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น หรือ กระทิงแบบสุด ๆ กองทุนดัชนีจะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก .. แต่ในเวลาตลาดเป็นขาลง หรือ หมีแบบสุด กองทุนดัชนี ก็จำเป็นจะต้องถือหุ้นตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงทำให้ผลตอบแทนลดลงตามดัชนี ข้อเสียจริง ๆ ก็คือ กองทุนดัชนี ไม่สามารถลดทอน หรือ ขายหุ้นออกจากพอร์ตได้หมด หรือ เก็บเงินสดไว้ในตลาดขาลง (ซึ่ง กองทุนหุ้นทั่ว ๆ ไปแบบ Active จะได้เปรียบตรงจุดนี้ ในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด)
- กองทุนดัชนี มีเป้าหมายเพื่อ
“สร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี” เท่านั้น .. ฉะนั้น ผู้ลงทุนจึงไม่สามารถคาดหวังถึงการเอาชนะตลาดได้
(ต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมาก ๆ ครับ ^^
[กระทู้สำรองมุงกองทุน] รายงานราคา NAV กองทุนดัชนี และ พูดคุยเกี่ยวกับกองทุน และ หุ้น ทุกประเภท ประจำวันที่ 5 มิ.ย. 56
เลยขออนุญาต ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก่อนนะครับ ^^
วันนี้ ก็ถือว่า "ลงหนัก" มากจริง ๆ แดงเถือกกว่า 2% .. รู้สึกว่า ตัวเองคิดถูกที่เก็บเงินสดไว้รอโอกาส .. แต่คิดไป คิดมา .. ผมอาจจะแค่โชคดี ที่เก็บเงินสดไว้ .. เพราะจริง ๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่า ตลาดหุ้น มันจะขึ้น หรือ ลง ไปขนาดไหน
*** สาระไม่สำคัญ *** (ต่อจากตอนที่แล้ว)
ทีนี้ .. เรามาดู ข้อดี-ข้อเสีย ของกองทุนดัชนีกันบ้าง ..
ข้อดี
- กองทุนดัชนี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำสุดในบรรดากองทุนหุ้น หรือ ถ้าจะมีความเสี่ยง ก็จะเสี่ยงในนระดับเดียวกับดัชนี (เพราะกองทุนซื้อหุ้นทุกตัวในตลาดฯ และ ลงทุนในส่วนเดียวกับดัชนี)
- กองทุนดัชนี มีค่าใช้จ่าย หรือ ค่าธรรมเนียม “ต่ำมาก” .. ฉะนั้น เมื่อกองทุนมีค่าใช้จ่ายต่ำ เพราะไม่ต้องงจ้าง ผจก.กองทุน หรือ ไม่ต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์หุ้นของ ผจก.กองทุน จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำ และ เก็บค่าธรรมเนียมต่ำมาก หรือ บางกอง ก็แทบจะไม่มีค่าธรรมเนียมเลย .. ฉะนั้น ผลตอบแทนที่กองทุนทำได้ จึงตกถึงผู้ถือหน่วยลงทุนแบบ “เต็มเม็ด เต็มหน่วย”
- ด้วยความที่กองทุนดัชนี ไม่จำเป็นต้องใช้ ผจก.กองทุน ในการคัดเลือกหุ้น .. ดังนั้น ความเสี่ยงในเรื่องของการคัดเลือกหุ้นให้ถูกตัว หรือ เลือกหุ้นผิดตัว จึงตัดทิ้งไปได้เลย
- กองทุนดัชนี เมื่อไม่มี ผจก.กองทุน ในการซื้อ-ขายหุ้น .. จึงทำให้กองทุนดัชนี สามารถถือหุ้นยาวได้ “ตลอดกาล” (ตราบเท่าที่ตลาดหลักทรัพย์ยังเปิดทำการอยู่) ฉะนั้น ถ้าใครอยากถือหุ้นยาว ๆ หรือ ลงทุนระยะยาว .. กองทุนดัชนี เป็นทางเลือกที่ดีมากครับ .. และ กองทุนดัชนี จะมีการปรับเปลี่ยนพอร์ตน้อยมาก (คือ เปลี่ยนพอร์ตตามดัชนี ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี)
ข้อเสีย
- กองทุนดัชนี จำเป็นจะต้องลงทุนในหุ้นตลอดเวลา .. ถ้าคุณสังเกตให้ดีจะพบว่า ในภาวะตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น หรือ กระทิงแบบสุด ๆ กองทุนดัชนีจะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก .. แต่ในเวลาตลาดเป็นขาลง หรือ หมีแบบสุด กองทุนดัชนี ก็จำเป็นจะต้องถือหุ้นตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงทำให้ผลตอบแทนลดลงตามดัชนี ข้อเสียจริง ๆ ก็คือ กองทุนดัชนี ไม่สามารถลดทอน หรือ ขายหุ้นออกจากพอร์ตได้หมด หรือ เก็บเงินสดไว้ในตลาดขาลง (ซึ่ง กองทุนหุ้นทั่ว ๆ ไปแบบ Active จะได้เปรียบตรงจุดนี้ ในการปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด)
- กองทุนดัชนี มีเป้าหมายเพื่อ “สร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี” เท่านั้น .. ฉะนั้น ผู้ลงทุนจึงไม่สามารถคาดหวังถึงการเอาชนะตลาดได้
(ต่อตอนหน้า)
ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมาก ๆ ครับ ^^