อาคารตึกสูงระฟ้า สัญญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีและความทันสมัย ทุกอย่างปกคลุมกัวลาลัมเปอร์อยู่ทุกอณู แต่ก็ยังมีมัสยิดและอาคารเก่าแก่แทรกตัวอยู่
พูดถึงเมืองในเอเชียที่มีเครื่องหมายการค้าชัดเจน ก็มีอยู่ไม่กี่เมือง แต่หนึ่งในนั้นคือ ”กัวลาลัมเปอร์”(Kuala Lumpur) ที่แค่นึกถึง ภาพของตึกแฝดก็ลอยเด่นมากล่าวคำต้อนรับ
อาคารตึกสูงระฟ้า สัญญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีและความทันสมัย ทุกอย่างปกคลุมกัวลาลัมเปอร์อยู่ทุกอณู แต่ก็ยังมีมัสยิดและอาคารเก่าแก่แทรกตัวอยู่
อย่ามัวแต่แหงนคอมองตึกแฝดล่ะ มาถึงเมืองมุสลิมทั้งที ไม่ได้เที่ยวมัสยิดเสียเที่ยวแย่
ที่แรกที่ควรไปทำความรู้จักเมื่อมาถึงกัวลาลัมเปอร์คือ มัสยิด จาแม็ก (Jamek Mosque) มัสยิดแห่งนี้แม้ยิ่งใหญ่อลังการสู้มัสยิดแห่งชาติไม่ได้ แต่เรื่องความสวยงามขอบอกว่ากินขาด ที่นี่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1909 รูปทรงสง่างาม มียอดโดมรูปหอมใหญ่ ระเบียงโค้ง พื้นเป็นหินอ่อนขัดมันจนเป็นเงาสวยงาม
นอกจากนี้ยังมี อาคารสุลต่าน อับดุล ซามัด(Sultan Abdul Samad Building) ตึกที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1897 เพื่อเป็นที่ทำงานของกรมการบริหารของรัฐบาลอังกฤษ รูปลักษณ์โดยรวมดึงดูดความสนใจของผู้ผ่านไปมา
ปัจจุบันเป็นที่ทำการของศาลฎีกาและศาลสูง รวมทั้งมีศูนย์หัตถกรรมของมาเลเซีย อยู่ในตึกนี้ด้วย
จากอาคารสุลต่าน อับดุล ซามัด จะมองเห็น จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) อยู่ฝั่งตรงข้าม คนที่นี่เรียกดาตารัน เมอร์เดก้า ที่บางคนบอกว่า ดูไปแล้วคล้ายสนามหลวงบ้านเรา แต่จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง
ณ ที่แห่งนี้เองที่ธงชาติอังกฤษถูกชักลงเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อมาเลเซียได้รับเอกราชคืนมาในวันที่ 31 ส.ค. 2500 และถ้าแหงนคอดูก็จะเห็นเสาธงสูงมาก ได้ข้อมูลมาว่า เสาธงแห่งนี้สูง 100 เมตร เป็นเสาธงสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ใครจะไปคิดว่าที่ใต้ถุนสนามหญ้าดาตารัน เมอร์เดก้า มีศูนย์การค้าชื่อ พลาซ่า พุตตรา ซ่อนอยู่ด้วย โผล่จากบันไดใต้ดินขึ้นมาเห็นตรงหัวมุมของดาตารัน เมอร์เดก้า มีจัตุรัสแห่งหนึ่งคือเซอลังงอร์คลับ (Selangor Club) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1967 และที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันคือโบสถ์เซนต์แมรี่ (Saint Mary Church) สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบ โกธิก มีอายุมากกว่า 100 ปี
ถัดไปเป็นห้องสมุดอนุสรณ์ (Memorial Library) อาคารสองชั้นแบบสมัยอาณานิคม ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1909 ที่นี่เป็นห้องสมุดสาธารณะและศูนย์ทรัพยากรใครจะหาข้อมูลอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของกัวลาลัมเปอร์ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
กระเถิบมาอีกนิดเป็น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ภายในมีวัตถุโบราณแสดงมากมาย มีทั้งหินทรายอายุ 520 ล้านปี และกระโหลกศรีษะอายุ 40,000 ปี
อยู่แถวนี้แล้วคุณอาจรู้สึกว่าเหมือนกำลังเดินเที่ยวอยู่ในกรุงลอนดอน เพราะตัวตึกและอาคารต่าง ๆ ล้วนเก่าแก่ และรูปทรงเหมือนตึกในยุโรป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน นี่แหละร่องรอยแห่งอดีต
สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ที่มีสถาปัตยกรรมน่ามองคือสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์ ที่ดูยังไง ก็ไม่เหมือนสถานีรถไฟ เพราะเหมือนพวกวังเก่าซะมากกว่า ตัวอาคารเก่าแก่และสร้างได้งดงามเหลือเกิน เจ้าหน้าที่บอกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 แต่มารื้อซ่อมแซมปรับโฉมอีกครั้งราวปี ค.ศ. 1986 บริเวณสถานียังมีโรงแรมเฮอริเทจตั้งอยู่
เดินข้ามฟากไปยัง มัสยิดแห่งชาติ (National Mosque) มัสยิดแห่งนี้แม้สวยสู้มัสยิด จาแม็ก ไม่ได้ แต่มีรูปลักษณะการตบแต่งที่ทันสมัย และแสดงถึงศิลปกรรมอิสลามได้เป็นอย่างดี ลักษณะที่เด่นมากคือ หลังคามีรูปแบบเหมือนร่มพับหลายชั้น
อีกจุดหนึ่งที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของกัวลาลัมเปอร์คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) ที่นี่เขาออกแบบเหมือนพระราชวังมาเลย์ ตอนหน้าของอาคารเป็นผนังใหญ่ ทั้งสองด้านมีภาพเขียนแสดงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ฝีมือช่างของมาเลเซียสะท้อนถึงสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดของประเทศ
ภายในมีห้องแสดงหลายประเภท มีทั้งวัตถุโบราณ การแสดงถึงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปกรรมและหัตถกรรม พืชพันธุ์ไม้ สัตว์ อาวุธ และเงินตรา ส่วนภายนอก ยังมีพวกหัวจักรรถไฟเก่า รถยนต์เก่าแก่ และมีพระราชวังจำลองมาแสดงให้ดูด้วย
ที่จริงยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมอิสลาม (Islamic Arts Meseum)อีกแห่งหนึ่งที่น่าเข้ามาก ด้านในมีห้องแสดงภาพและสถาปัตยกรรมอิสลาม มีรูปจำลองเลียนแบบอาคารที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น ทัช มาฮาล
ท่องพิพิธภัณฑ์และมัสยิดกันไปแล้ว กัวลาลัมเปอร์ยังมีตึกสูงระฟ้าเอาไว้ให้ไปยืนเล็งกันเพียบเลย ตึกปิโตรนัส ทวิน ทาวเวอร์(Petronas Twin Tower) ที่ชั้นล่างเป็นพลาซ่าและห้างสรรพสินค้า ขาช้อปประเภทชอบของหรูหราฟู่ฟ่า หรือแบรนด์เนมทั้งหลายแหล่ เห็นแล้วนั่งไม่ติดแน่
ด้านหน้าตึกแฝดเขาทำเป็นลานกว้าง ยาวมาก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป มองขึ้นไปจะเห็นสะพานเชื่อมระหว่าง 2 ตึก ได้ข้อมูลมาว่าอยู่บนชั้น 41 เป็นจุดชมวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์
มีอยู่อีกอย่างที่สูงสุดในทวีปเอเชียและสูงเป็นอันดับ 4 ในบรรดาหอสูงสื่อสารในโลก นั่นคือ หอสูงเคแอล (KL Tower) ใครที่ได้ขึ้นไปบนนี้จะได้เห็นทัศนียภาพสุดสายตา ด้านบนมีร้านอาหารให้นั่งดินเนอร์และจิววิวไปพร้อมๆกัน
และสำหรับนักช้อป กัวลาลัมเปอร์ก็ถือว่าเป็นสุดยอดแหล่งช้อปในเอเชียที่มีข้าวของเอาไว้ให้ไปช้อปกันเพลินๆ แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีอยู่ 2 ที่หลักๆ คือย่านบูกิต บินตัง ที่เปรียบเสมือนกับสยามแสควร์ของบ้านเรานี่เอง ละแวกนี้มีทั้งห้างพาวิลเลียนที่แออัดไปด้วยกองทัพสินค้าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ให้เดินกรีดกรายช้อปปิ้ง
ถ้ายังไม่จุใจมีอีกเกือบ 10 ห้างให้เดินสายช้อปกันต่อ ส่วนอีกโซนหนึ่งของเคแอลที่เป็นแหล่งช้อปคือถนนอัมปังและย่านบังซาร์ที่มีห้างซูเรีย เคแอลซีซี รอสาวกแบรนด์เนมไปหิ้วของหรูกลับบ้าน และยังมีตลาดอินเดีย เซ็นทรัลมาร์เก็ตไปจนถึงไชน่าทาวน์ที่ล้วนแต่ทำให้กัวลาลัมเปอร์กลายเป็นสวรรค์ของนักช้อป
เครดิต จาก คมชัดลึก
เที่ยวใกล้ๆในกัวลาลัมเปอร์
พูดถึงเมืองในเอเชียที่มีเครื่องหมายการค้าชัดเจน ก็มีอยู่ไม่กี่เมือง แต่หนึ่งในนั้นคือ ”กัวลาลัมเปอร์”(Kuala Lumpur) ที่แค่นึกถึง ภาพของตึกแฝดก็ลอยเด่นมากล่าวคำต้อนรับ
อาคารตึกสูงระฟ้า สัญญลักษณ์แห่งเทคโนโลยีและความทันสมัย ทุกอย่างปกคลุมกัวลาลัมเปอร์อยู่ทุกอณู แต่ก็ยังมีมัสยิดและอาคารเก่าแก่แทรกตัวอยู่
อย่ามัวแต่แหงนคอมองตึกแฝดล่ะ มาถึงเมืองมุสลิมทั้งที ไม่ได้เที่ยวมัสยิดเสียเที่ยวแย่
ที่แรกที่ควรไปทำความรู้จักเมื่อมาถึงกัวลาลัมเปอร์คือ มัสยิด จาแม็ก (Jamek Mosque) มัสยิดแห่งนี้แม้ยิ่งใหญ่อลังการสู้มัสยิดแห่งชาติไม่ได้ แต่เรื่องความสวยงามขอบอกว่ากินขาด ที่นี่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1909 รูปทรงสง่างาม มียอดโดมรูปหอมใหญ่ ระเบียงโค้ง พื้นเป็นหินอ่อนขัดมันจนเป็นเงาสวยงาม
นอกจากนี้ยังมี อาคารสุลต่าน อับดุล ซามัด(Sultan Abdul Samad Building) ตึกที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1897 เพื่อเป็นที่ทำงานของกรมการบริหารของรัฐบาลอังกฤษ รูปลักษณ์โดยรวมดึงดูดความสนใจของผู้ผ่านไปมา
ปัจจุบันเป็นที่ทำการของศาลฎีกาและศาลสูง รวมทั้งมีศูนย์หัตถกรรมของมาเลเซีย อยู่ในตึกนี้ด้วย
จากอาคารสุลต่าน อับดุล ซามัด จะมองเห็น จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) อยู่ฝั่งตรงข้าม คนที่นี่เรียกดาตารัน เมอร์เดก้า ที่บางคนบอกว่า ดูไปแล้วคล้ายสนามหลวงบ้านเรา แต่จริง ๆ แล้วที่นี่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง
ณ ที่แห่งนี้เองที่ธงชาติอังกฤษถูกชักลงเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อมาเลเซียได้รับเอกราชคืนมาในวันที่ 31 ส.ค. 2500 และถ้าแหงนคอดูก็จะเห็นเสาธงสูงมาก ได้ข้อมูลมาว่า เสาธงแห่งนี้สูง 100 เมตร เป็นเสาธงสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ใครจะไปคิดว่าที่ใต้ถุนสนามหญ้าดาตารัน เมอร์เดก้า มีศูนย์การค้าชื่อ พลาซ่า พุตตรา ซ่อนอยู่ด้วย โผล่จากบันไดใต้ดินขึ้นมาเห็นตรงหัวมุมของดาตารัน เมอร์เดก้า มีจัตุรัสแห่งหนึ่งคือเซอลังงอร์คลับ (Selangor Club) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1967 และที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันคือโบสถ์เซนต์แมรี่ (Saint Mary Church) สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมแบบ โกธิก มีอายุมากกว่า 100 ปี
ถัดไปเป็นห้องสมุดอนุสรณ์ (Memorial Library) อาคารสองชั้นแบบสมัยอาณานิคม ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1909 ที่นี่เป็นห้องสมุดสาธารณะและศูนย์ทรัพยากรใครจะหาข้อมูลอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของกัวลาลัมเปอร์ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
กระเถิบมาอีกนิดเป็น พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 ภายในมีวัตถุโบราณแสดงมากมาย มีทั้งหินทรายอายุ 520 ล้านปี และกระโหลกศรีษะอายุ 40,000 ปี
อยู่แถวนี้แล้วคุณอาจรู้สึกว่าเหมือนกำลังเดินเที่ยวอยู่ในกรุงลอนดอน เพราะตัวตึกและอาคารต่าง ๆ ล้วนเก่าแก่ และรูปทรงเหมือนตึกในยุโรป ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน นี่แหละร่องรอยแห่งอดีต
สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ที่มีสถาปัตยกรรมน่ามองคือสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์ ที่ดูยังไง ก็ไม่เหมือนสถานีรถไฟ เพราะเหมือนพวกวังเก่าซะมากกว่า ตัวอาคารเก่าแก่และสร้างได้งดงามเหลือเกิน เจ้าหน้าที่บอกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 แต่มารื้อซ่อมแซมปรับโฉมอีกครั้งราวปี ค.ศ. 1986 บริเวณสถานียังมีโรงแรมเฮอริเทจตั้งอยู่
เดินข้ามฟากไปยัง มัสยิดแห่งชาติ (National Mosque) มัสยิดแห่งนี้แม้สวยสู้มัสยิด จาแม็ก ไม่ได้ แต่มีรูปลักษณะการตบแต่งที่ทันสมัย และแสดงถึงศิลปกรรมอิสลามได้เป็นอย่างดี ลักษณะที่เด่นมากคือ หลังคามีรูปแบบเหมือนร่มพับหลายชั้น
อีกจุดหนึ่งที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของกัวลาลัมเปอร์คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum) ที่นี่เขาออกแบบเหมือนพระราชวังมาเลย์ ตอนหน้าของอาคารเป็นผนังใหญ่ ทั้งสองด้านมีภาพเขียนแสดงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ฝีมือช่างของมาเลเซียสะท้อนถึงสิ่งที่เป็นมรดกตกทอดของประเทศ
ภายในมีห้องแสดงหลายประเภท มีทั้งวัตถุโบราณ การแสดงถึงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปกรรมและหัตถกรรม พืชพันธุ์ไม้ สัตว์ อาวุธ และเงินตรา ส่วนภายนอก ยังมีพวกหัวจักรรถไฟเก่า รถยนต์เก่าแก่ และมีพระราชวังจำลองมาแสดงให้ดูด้วย
ที่จริงยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมอิสลาม (Islamic Arts Meseum)อีกแห่งหนึ่งที่น่าเข้ามาก ด้านในมีห้องแสดงภาพและสถาปัตยกรรมอิสลาม มีรูปจำลองเลียนแบบอาคารที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น ทัช มาฮาล
ท่องพิพิธภัณฑ์และมัสยิดกันไปแล้ว กัวลาลัมเปอร์ยังมีตึกสูงระฟ้าเอาไว้ให้ไปยืนเล็งกันเพียบเลย ตึกปิโตรนัส ทวิน ทาวเวอร์(Petronas Twin Tower) ที่ชั้นล่างเป็นพลาซ่าและห้างสรรพสินค้า ขาช้อปประเภทชอบของหรูหราฟู่ฟ่า หรือแบรนด์เนมทั้งหลายแหล่ เห็นแล้วนั่งไม่ติดแน่
ด้านหน้าตึกแฝดเขาทำเป็นลานกว้าง ยาวมาก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป มองขึ้นไปจะเห็นสะพานเชื่อมระหว่าง 2 ตึก ได้ข้อมูลมาว่าอยู่บนชั้น 41 เป็นจุดชมวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์
มีอยู่อีกอย่างที่สูงสุดในทวีปเอเชียและสูงเป็นอันดับ 4 ในบรรดาหอสูงสื่อสารในโลก นั่นคือ หอสูงเคแอล (KL Tower) ใครที่ได้ขึ้นไปบนนี้จะได้เห็นทัศนียภาพสุดสายตา ด้านบนมีร้านอาหารให้นั่งดินเนอร์และจิววิวไปพร้อมๆกัน
และสำหรับนักช้อป กัวลาลัมเปอร์ก็ถือว่าเป็นสุดยอดแหล่งช้อปในเอเชียที่มีข้าวของเอาไว้ให้ไปช้อปกันเพลินๆ แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในกรุงกัวลาลัมเปอร์มีอยู่ 2 ที่หลักๆ คือย่านบูกิต บินตัง ที่เปรียบเสมือนกับสยามแสควร์ของบ้านเรานี่เอง ละแวกนี้มีทั้งห้างพาวิลเลียนที่แออัดไปด้วยกองทัพสินค้าแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ให้เดินกรีดกรายช้อปปิ้ง
ถ้ายังไม่จุใจมีอีกเกือบ 10 ห้างให้เดินสายช้อปกันต่อ ส่วนอีกโซนหนึ่งของเคแอลที่เป็นแหล่งช้อปคือถนนอัมปังและย่านบังซาร์ที่มีห้างซูเรีย เคแอลซีซี รอสาวกแบรนด์เนมไปหิ้วของหรูกลับบ้าน และยังมีตลาดอินเดีย เซ็นทรัลมาร์เก็ตไปจนถึงไชน่าทาวน์ที่ล้วนแต่ทำให้กัวลาลัมเปอร์กลายเป็นสวรรค์ของนักช้อป
เครดิต จาก คมชัดลึก