คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
Myth Buster สำหรับการลดน้ำหนัก
เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนักนั้นสำหรับไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะบอกว่าต้องให้ตัดแป้งตอนเย็น โดยที่คิดว่า Carbohydrate นั้นจะทำให้เราอ้วน โดยมี่ความคิดเริ่มต้นมาจาก The Atkins Diet (ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้ว่า Carbohydrate ทำให้เราอ้วน และทุกคนลดน้ำหนักแบบ Low Fat Approach (การเน้นการตัดไขมันเป็นส่วนใหญ่))
Carbohydrate นั้นเมื่อเราได้รับปริมาณเกินก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันได้ เนื่องจากร่างกายนั้นสามารถเก็บ Carbohydrate ในรูปแบบของพลังงานได้จำกัด เพราะว่าเก็บได้แค่เพียงในกล้ามเนื้อและในตับ
เหตุใด Carbohydrate จึงจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก
Carbohydrate นั้นนอกจากจะทำให้เรามีแรงออกกำลังกาย รู้สึกสดชื่นและเป็นแหล่งพลังงานที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง "สะอาดที่สุด" แล้ว, โปรและไขมันก็เป็นพลังงานให้ร่างกายได้ แต่ว่ามันเหมือน Carbohydate เป็นน้ำมัน และแก๊สเป็นโปรและไขมัน พลังงานอย่างไหนทำให้รถแรงกว่ากันนะครับ
Carbohydrate มักถูกมองว่าเป็นผู้ร้าย ทั้งทำให้ฟันผุ, อ้วน, เหนือยง่าย, เบาหวาน และยิ่งทราบว่า Carbohydate นั้นไปย่อยเป็นน้ำตาลด้วยแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
Carbohydrate นั้นจริงๆแล้วจำเป้นต่อการลดน้ำหนักมาก, การจำกัด Calorie นั้นทำให้ร่างกายนั้นชลอการเผาผลาญลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Calorie ที่เราจำกัดนั้นเป็น Carbohydrate เนื่องจาก Carbohydate นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Hormone ที่มีชื่อว่า Thyroid โดย Thyroid Hormone นั้นทำหน้าที่ในการเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย และเร่งการใช้ไขมันเป็นพลังงาน
การที่ขาด Thyroid Hormone ยังทำให้เราเหนื่อยง่าย และอ้วนง่าย และนำมาซึ่งโรคต่างๆ, การอด Carbohydate นั้นจะทำให้ TSH(Thyroid stimulating hormone) ลดลง และ T4(Levothyroxine) ลดลง และที่สำคัญที่สุดคือ T3(Liothyronine Sodium) ลดลง
T3 คือตัวที่น่าสนใจที่สุด เพราะ T3 นั้นเราถือว่าเป็น "Active Thyroid" โดยร่างกายนั้นจะเปลี่ยน T4(inactive) บางส่วนเป็น T3(Active) แต่ว่าอัตราส่วนที่ T4 จะถูกเปลี่ยนเท่าไหร่นั้น "ปริมาณ Carbohydrate ที่เรารับประทาน" เป็นตัวแปรหลักตัวหนึ่ง
หากเราทาน Carbohydrate เพียงพอร่างกายก็จะยอมเปลี่ยน T4 เป็น T3
หากเราทาน Carbohydrate "น้อยเกินไป" ร่างกายก็จะเปลี่ยน T4 เป็น T3 น้อยลง
เมื่อ T3 ในร่างกายน้อยลงนั้นก็จะส่งผลทำให้น้ำหนักตัน เหนื่อยง่ายและเมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะส่งผลกระทบถึงทางด้านอารมณ์และจิตใจ
ด้านล่างนี้เป็นอาการเบื้องต้นของภาวะ T3 ในร่างกายต่ำ
เหนื่อยง่าย
น้ำหนักขึ้นง่าย
เครียด
ไม่มีสมาธิ
หนาวง่าย
ท้องผูก
ไมเกรน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ตะคริว
ประจำเดือนอาจมาไม่ปรกติในผู้หญิง
เส้นผม, ผิวหนัง แห้ง
จำอะไรไม่ค่อยได้
ผมร่วง
หน้าบวม
Cholesterol สูง
การไดเอทที่ถูกต้องนั้นร่างกายควรได้รับ Carbohydrateในระดับนึงโดยหากท่านเพิ่งเริ่มไดเอทอย่างน้อยที่สุด Calorie ที่ได้รับทั้งหมดควรมาจาก Carbohydrate 30% แต่เน้นการใช้ในเวลาที่ถูกต้อง และเลือกใช้ Carbohydrate ที่ไม่ทำให้อ้วนนะครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=376856149052766&set=a.419874494750931.97190.142059359199114&type=3&theater
เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนักนั้นสำหรับไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็จะบอกว่าต้องให้ตัดแป้งตอนเย็น โดยที่คิดว่า Carbohydrate นั้นจะทำให้เราอ้วน โดยมี่ความคิดเริ่มต้นมาจาก The Atkins Diet (ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้ว่า Carbohydrate ทำให้เราอ้วน และทุกคนลดน้ำหนักแบบ Low Fat Approach (การเน้นการตัดไขมันเป็นส่วนใหญ่))
Carbohydrate นั้นเมื่อเราได้รับปริมาณเกินก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันได้ เนื่องจากร่างกายนั้นสามารถเก็บ Carbohydrate ในรูปแบบของพลังงานได้จำกัด เพราะว่าเก็บได้แค่เพียงในกล้ามเนื้อและในตับ
เหตุใด Carbohydrate จึงจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก
Carbohydrate นั้นนอกจากจะทำให้เรามีแรงออกกำลังกาย รู้สึกสดชื่นและเป็นแหล่งพลังงานที่เรียกได้ว่าค่อนข้าง "สะอาดที่สุด" แล้ว, โปรและไขมันก็เป็นพลังงานให้ร่างกายได้ แต่ว่ามันเหมือน Carbohydate เป็นน้ำมัน และแก๊สเป็นโปรและไขมัน พลังงานอย่างไหนทำให้รถแรงกว่ากันนะครับ
Carbohydrate มักถูกมองว่าเป็นผู้ร้าย ทั้งทำให้ฟันผุ, อ้วน, เหนือยง่าย, เบาหวาน และยิ่งทราบว่า Carbohydate นั้นไปย่อยเป็นน้ำตาลด้วยแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
Carbohydrate นั้นจริงๆแล้วจำเป้นต่อการลดน้ำหนักมาก, การจำกัด Calorie นั้นทำให้ร่างกายนั้นชลอการเผาผลาญลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก Calorie ที่เราจำกัดนั้นเป็น Carbohydrate เนื่องจาก Carbohydate นั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Hormone ที่มีชื่อว่า Thyroid โดย Thyroid Hormone นั้นทำหน้าที่ในการเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกาย และเร่งการใช้ไขมันเป็นพลังงาน
การที่ขาด Thyroid Hormone ยังทำให้เราเหนื่อยง่าย และอ้วนง่าย และนำมาซึ่งโรคต่างๆ, การอด Carbohydate นั้นจะทำให้ TSH(Thyroid stimulating hormone) ลดลง และ T4(Levothyroxine) ลดลง และที่สำคัญที่สุดคือ T3(Liothyronine Sodium) ลดลง
T3 คือตัวที่น่าสนใจที่สุด เพราะ T3 นั้นเราถือว่าเป็น "Active Thyroid" โดยร่างกายนั้นจะเปลี่ยน T4(inactive) บางส่วนเป็น T3(Active) แต่ว่าอัตราส่วนที่ T4 จะถูกเปลี่ยนเท่าไหร่นั้น "ปริมาณ Carbohydrate ที่เรารับประทาน" เป็นตัวแปรหลักตัวหนึ่ง
หากเราทาน Carbohydrate เพียงพอร่างกายก็จะยอมเปลี่ยน T4 เป็น T3
หากเราทาน Carbohydrate "น้อยเกินไป" ร่างกายก็จะเปลี่ยน T4 เป็น T3 น้อยลง
เมื่อ T3 ในร่างกายน้อยลงนั้นก็จะส่งผลทำให้น้ำหนักตัน เหนื่อยง่ายและเมื่อระยะเวลาผ่านไปก็จะส่งผลกระทบถึงทางด้านอารมณ์และจิตใจ
ด้านล่างนี้เป็นอาการเบื้องต้นของภาวะ T3 ในร่างกายต่ำ
เหนื่อยง่าย
น้ำหนักขึ้นง่าย
เครียด
ไม่มีสมาธิ
หนาวง่าย
ท้องผูก
ไมเกรน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ตะคริว
ประจำเดือนอาจมาไม่ปรกติในผู้หญิง
เส้นผม, ผิวหนัง แห้ง
จำอะไรไม่ค่อยได้
ผมร่วง
หน้าบวม
Cholesterol สูง
การไดเอทที่ถูกต้องนั้นร่างกายควรได้รับ Carbohydrateในระดับนึงโดยหากท่านเพิ่งเริ่มไดเอทอย่างน้อยที่สุด Calorie ที่ได้รับทั้งหมดควรมาจาก Carbohydrate 30% แต่เน้นการใช้ในเวลาที่ถูกต้อง และเลือกใช้ Carbohydrate ที่ไม่ทำให้อ้วนนะครับ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=376856149052766&set=a.419874494750931.97190.142059359199114&type=3&theater
แสดงความคิดเห็น
CLA กับ L-Carnitine กินอันไหนลดน้ำหนักได้ดีกว่ากันครับ
น้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆ 1ปีผ่านไปจนตอนนี้มาหยุดที่ 75 ค้างมา3เดือนแล้วไม่ยอมลงอีกเลย รูปร่างยังเป็นคนอ้วนอยู่ พุงใหญ่ มีไขมันอยู่เยอะมากทั้งที่พุง แขน ขา คาง หน้า
ปกติจะปั่นจักรยาน วอร์ม10นาที ปั่นหนักๆ10นาที และปั่นเบาๆ(zone2-3)อีก30นาที เดือนนี้มีเพิ่มเล่นเวท3เซ็ทก่อนปั่นจักรยาน ทำแบบนี้อาทิตย์ละ4วัน
ควบคุมอาหารตลอด กินแป้งน้อยมาก บางอาทิตย์แทบไม่ได้กินเลย ส่วนใหญ่กินแต่ผักกับเนื้อไก่ต้ม ถ้าอาทิตย์ไหนกินพลาดไปหน่อยน้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาเห็นๆ1-2กิโล แต่พอควบคุมเหมือนเดิมก็จะลดลงมาเหลือ75เท่าเดิม
ต้องการลดน้ำหนักอีก10กิโลเลยต้องหาตัวช่วย อยากรบกวนสอบถามอาหารเสริม 2 ตัวนี้
L-Carnitine กินก่อนออกกำลังกาย 30 นาที
CLA กินหลังจากออกกำลังกายเสร็จทันที
ตามความคิดของผม
L กินก่อนออกกำลังกาย เหมือนว่าจะเข้าไปช่วยดึงไขมันออกมาเบิร์นในช่วงที่ออกกำลังกาย
แต่ตัว C กินหลังออกกำลังกาย แล้วมันจะช่วยดึงไขมันออกมาเบิร์นในช่วงที่ออกกำลังกายได้ยังไง
จากลักษณะการกิน เหมือนว่า L น่าจะช่วยลดน้ำหนักและไขมันได้ดีกว่า
แต่ผมสอบถามไปทางเว็บผู้ขายว่าแนะนำ L-Carnitine ตัวไหน ทางผู้ขายกลับแนะนำเป็น CLA และบอกว่าได้ผลดีกว่า L-Carnitine
เลยอยากรบกวนถามนะครับ ตกลงแล้ว กินตัวไหนให้ผลในการ ลดน้ำหนักลดไขมัน ได้ดีกว่ากันครับ