
เนื่องด้วยความอยากไปมัณฑะเลย์ของเพื่อนที่จะร่วมทริป อีกทั้งความเคยชินในกิจวัตรประจำปีของพวกเรา(จองโปรฯข้ามปีของแอร์เอเชียนั่นเอง) ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นได้ จากตอนแรกสอบถาม ได้เพื่อนร่วมเดินทาง 6 คน แล้วเพิ่มเป็น 8 แต่ไปไงมาไงไม่รู้ ทริปนี้เหลือแค่ 5 คน และคนที่อยากไปมากสุดก็อดไปด้วย แต่ไม่ว่าก่อนเดินทางมีอุปสรรคแค่ไหน ทริปนี้ก็เกิดขึ้นได้ และผ่านไปได้ด้วยดีเกินความคาดหมายซะด้วย
เริ่มตั้งแต่การจองวันเดินทาง กว่าจะลงตัวให้ได้ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะมีในตอนนั้น และแล้วก็ได้กำหนดวันเที่ยวมา 4 วัน คือ 27-30 พ.ค. 56 เมื่อได้วันลงตัว ก็ถึงคราววางโปรแกรม อย่าคิดว่า เวลา 4 วัน (ที่ไม่ค่อยจะเต็ม 4 วันนัก เพราะไปถึงก็บ่ายวันแรก ส่วนวันกลับก็เที่ยง) พวกเราจะวางแผนแค่เที่ยวมัณฑะเลย์เท่านั้น เรามีเป้าหมายไปถึง “พุกาม” เลยทีเดียว ระยะทาง การเดินทาง เราไม่หวั่น และก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้ และอย่างที่บอก “ได้เกินกว่าแผนที่วางไว้ซะอีก”

แผนการเดินทางที่วางไว้คร่าวๆคือ ครึ่งบ่ายวันแรก ก็ city tour ซะก่อน และเราเลือกปิดท้าย ด้วยดูพระอาทิตย์ตกที่สะพานไม้อูเบ็ง ยอมตัด Mandalay hill ออกไป เพราะพระอาทิตย์ตกที่มัณฑะเลย์เรามีเวลาดูแค่เย็นเดียวเท่านั้น (ต้องเลือกเอานะ แล้วแต่แต่ละคนชอบ) ส่วนวันที่ 2 ของแผนเรา ก็คือ ตีสี่ไปดู พิธีล้างพระพักตร์ของพระมหามัยมุนี และสายๆข้ามเรือไปมิงกุนให้ได้ (คิดว่าแค่นี้ก็หมดวันนึงแล้ว เพราะเรือกลับเข้าฝั่ง บ่าย2) และเตรียมตัวมาขึ้นเครื่องที่จะไปพุกาม ตัดสินใจอยู่นานว่า จะจองเครื่อง หรือรถทัวร์ดี แต่เพื่อความสบาย ประหยัดเวลาการเดินทาง และราคาที่ไม่แพงเกินไปจนรับไม่ได้ของเครื่องบิน ก็ตัดสินใจติดต่อ Air Mandalay ผ่านทางเว็บไซด์ ซึ่งเราสามารถติดต่อจองได้เองเลย และติดต่อชำระเงินที่พม่า เพียงแต่เราต้องจองไว้ก่อนนะ (จองก่อนวันเดินทางประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็ยังได้ แต่ตรวจเช็ครอบบินให้ดีก่อนจะวางแผนจองที่พัก และสามารถแจ้งวัน เวลา สถานที่ที่เราสะดวกชำระกับเค้าไปทางเมลได้ ที่สำคัญ เค้ารับเงินสด USD เท่านั้นนะจ๊ะ) ค้างคืนที่ 2 ที่พุกาม เที่ยวพุกาม 1 วันเต็มๆ เนื่องด้วยรอบเวลาบิน บังคับให้ต้องนอนที่พุกามอีกคืนและบินกลับมัณฑะเลย์ตอนเช้า แล้วรอขึ้นเครื่องกลับบ้านเราต่อเลย (เผื่อเวลาดีเลย์ของเครื่องที่นู้นไว้ซะหน่อย มีคนขู่ไว้เยอะ)
และแล้วเมื่อเริ่มทริปตามโปรแกรมจริง วันแรก( 27 พ.ค. 56) ดอนเมือง – มัณฑะเลย์ – อมรปุระ
สตาร์ท ออกตัวจากบ้านกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เนื่องจากเป็นวันทำงาน ถ้าออกสายก็กลัวจะตกเครื่องกันไปเลย เพราะฉะนั้นถึงสนามบินก่อนเวลาอุ่นใจกว่า และเผื่อเวลาไว้ช้อปปิ้งในสนามบินซักเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นดอนเมืองก็ตาม
เครื่องออกจากดอนเมืองเวลา 10.50น. ถึงมัณฑะเลย์เวลา 12.15 น. (เวลาบ้านเค้าช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมงนะ อย่าลืมปรับนาฬืกากันล่ะ) ไปถึงที่นั่น สนามบินเค้ายังใหม่มาก ไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าที่ควร และอากาศภายในอาคารทำให้เราถึงกับเหงื่อตกได้เลย เมื่อผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อย ภารกิจแรกที่ทำ คือ หาเคาน์เตอร์ธนาคารแลกเงิน ซึ่งก็มีอยู่ในอาคารชั้นผู้โดยสารขาเข้านั่นแหละ เห็นๆอยู่ประมาณ 4 เคาน์เตอร์ แนะนำให้สำรวจ rate กันก่อนนะ เพราะอาจต่างกันเล็กน้อย ตอนที่เข้าไปแลกกับธนาคารก็เห็นเค้าพลิกแบงค์เราดูไปดูมา เหมือนแบงค์เราจะมีปัญหา แต่สุดท้ายเราก็ได้เงินจ๊าตมาใช้จนได้ เมื่อแลกเงินเรียบร้อย ภารกิจต่อไปก็คือ ติดต่อกับ Air Mandalay เพื่อจ่ายเงิน และรับตั๋ว ซึ่งไม่ต้องกังวลในการหาเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วเพราะหาไม่เจอแน่นอน แต่เค้าจะมีพนักงานมารอรับเราเพื่อไปติดต่อที่ออฟฟิศในนั้นเลย เมื่อมาติดต่อซื้อตั๋ว ก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมธนาคารเค้าถึงพลิกแบงค์เราไปมาอยู่นาน เรื่องราวก็มาเฉลยเมื่อเรายื่นแบงค์ 100 USD ไปให้พนักงานสายการบิน เค้าบอกเราว่า “แบงค์ของคุณมีรอยแสตมป์เล็กๆอยู่ เค้าไม่สามารถรับได้” ซึ่งมันมีอยู่ในทุกแบงค์ 100 USD ทุกแบงค์ที่เราแลกมาเลย เค้าพยายามให้เราหาแบงค์ที่ไม่มีรอยแสตมป์ให้ได้ ทั้งๆที่แบงค์เราใหม่มากและแลกมาจ่ายในพม่าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังปัญหาอยู่ดี (ขอย้ำว่า แลกแบงค์ดอลล่ามาพม่า จะต้อง ใหม่ ไม่มีรอยยับ ขาด และไม่มีรอยแสตมป์ด้วยนะ) กว่าจะเจรจาจนเค้ายอม ก็แทบอ่อนใจ แต่เราก็ได้ตั๋วเครื่องบินไปพุกามมาครอบครองจนได้ เมื่อธุระที่สนามบินเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบบ่ายครึ่งแล้ว ต้องเหมาแท็กซี่เข้าสู่มัณฑะเลย์ Taxi มี 2 ขนาด คือ รถตู้และ รถเก๋ง ถ้า 4-5 คน จะนั่งรถเก๋งก็ได้ ราคาของรถตู้อยู่ที่ประมาณ 20,000 Kyat แต่ถ้าเป็นรถเก๋งราคาก็จะอยู่ที่ 12,000 Kyat ส่งถึงโรงแรม เราตัดสินใจเลือกรถต้ไปก่อนวันนี้ และเมื่อต่อรองราคากันซักพัก เค้าก็เสนอให้เหมารถเที่ยวรอบมัณฑะเลย์ ได้ถึงเวลา 18.30น. ในราคา 50,000 จ๊าต สถานที่ตามที่เราอยากไป แต่ต้องแจ้งกันไว้ก่อนที่สนามบิน เพราะตัวคนขับเองบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เมื่อพร้อมแล้วก็เริ่มนังรถออกจากสนามบิน วิวโดยรอบข้างทางใกล้สนามบิน ไม่มีบ้านเรือน พื้นที่ดูค่อนข้างว่างเปล่า แต่ถนนหนทางดูใช้ได้ทีเดียว นั่งมาได้ประมาณ 30นาที รถราและบ้านเรือนเริ่มหนาตาขึ้น มีร้านค้า และห้างสรรพสินค้าอยู่บ้างเมื่อเข้าสู่ตัวเมือง จุดมุ่งหมายแรกของเราก็ปรากฏสู่สายตาเมื่อนั่งรถมาได้เกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีกำแพงใหญ่ ล้อมรอบด้วยคูน้ำมีถนนตัดขนานกับคูน้ำไปตลอดทาง ที่นี่ คือ ”พระราชวังมัณฑะเลย์” พื้นที่กินอาณาบริเวณค่อนข้างกว้างไม่ใช่เล่น เมื่อถึงประตูใหญ่ โชเฟอร์ของเราก็เลี้ยวข้ามสะพาน และแจ้งว่า “ticket” พร้อมชี้มือไปที่ป้อมด้านหน้าประตูป้อมหนึ่ง และจอดรถ หน้าที่ของเราก็เดินลงไปซื้อ ticket ตามที่คนขับแจ้ง ราคาตั๋วที่นี่จะอยู่ที่ 10 USD

(เก็บรักษาตั๋วดีๆนะ เพราะยังมีประโยชน์อีกหลายที่เลย) เสียค่าผ่านประตูเรียบร้อย ก็ขึ้นรถวิ่งเข้าสู่ภายในรั้วพระราชวัง ก่อนเดินเที่ยวก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขอดูบัตรที่ซื้อมาเมื่อกี้ เขียนอะไรยุกยิกในบัตรนิดหน่อย ก็ยื่นคืน และเราก็เดินเที่ยวได้ตามสบาย แต่ต้องถอดรองเท้าด้วยนะ(มาเที่ยวพม่าต้องถอดรองเท้าจนเป็นนิสัยเลยล่ะ) ที่ต่อไปที่จอดเที่ยวก็คือ “ชเวนันดอว์” ขอแนะนำว่าต้องแวะดูพระตำหนักไม้ที่นี่ให้ได้ เพราะเป็นพระตำหนักเก่าๆจริงที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดช่วงสงครามเพียงหลังเดียวเท่านั้น (ที่นี่ต้องใช้ตั๋วที่ซื้อมาจากพระราชวังฯด้วยนะ) ส่วนวัดที่เห็นอยู่ติดกัน คือ “วัดอาตุมาชิ” วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ามินดง แต่ถูกไฟไหม้ไปและรัฐบาลสร้างขึ้นใหม่ตามแบบเดิม และนั่งรถไปใกล้ๆกัน ก็ถึง “วัดกุโสดอ” เป็นที่ตั้งหนังสือธรรมะที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย จารึกพระไตรปิฎกไว้ในแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ และในบริเวณเจดีย์วัด เราก็จะมองเห็น Mandalay hill ด้วย และจุดมุ่งหมายสุดท้ายวันนี้ คือ พระอาทิตย์ตกที่สะพานไม้อูเบ็ง แต่ดูจากเวลาแล้ว ได้แค่แสงยามเย็นเท่านั้น แต่พระอาทิตย์คงยังไม่ตก เพราะตกลงกับคนขับไว้แค่ 6โมงครึ่ง และก็เป็นไปอย่างที่คิด แต่แสงสีส้มยามเย็นสะท้อนกับน้ำในทะเลสาบตองตะมานที่มองจากสะพานไม้อูเบ็งก็สวยไม่ใช่เล่นเลย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะต้องกลับที่พัก รถตู้ก็เสยไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย ถึงแม้จะเป็นแค่โรงแรมเล็กๆที่เค้าไม่รู้จักก็ตาม ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่ตกลงไว้กันไว้ที่สนามบิน โดยไม่มีปัญหาตุกติกอะไรทั้งสิ้นเลย
เก็บของขึ้นห้องพักเสร็จก็พร้อมออกเดินหาร้านอาหารเย็นกัน ออกมาจากโรงแรม ท้องฟ้าก็มืดแล้ว บ้านเรือนและร้านข้างทางก็ปิดกันไปบ้าง ร้านอาหารที่ยังเปิดส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับอาหารหน้าตาแปลกๆที่เหมือนจะขายเป็นบุฟเฟ่ต์จนเราไม่กล้าทาน ค่อยๆสำรวจร้านข้างทางไปเรื่อยๆก็มีร้านอาหารตามสั่งที่ช่วยประทังชีวิตเราได้ เด็กในร้านไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย ดีที่อาเจ้เจ้าของร้านใช้ภาษาอังกฤษพอได้ เลยได้ทานอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกลับถึงโรงแรมก็เตรียมแผนการเที่ยววันต่อไป โดยสอบถามกับทางโรงแรมถึง Taxi ที่จะให้มารับช่วงเช้ามืด(ประมาณตีสี่) ที่จะไปดูพิธีล้างพระพักตร์ของพระมหามัยมุนี เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ ได้รถเก๋งในราคา 5,000 จ๊าต หายห่วงเรื่องรถก็ถึงเวลาอาบน้ำนอน เตรียมลุยตั้งแต่เช้ามืดต่อพรุ่งนี้
เยือนเมืองมัณฑะเลย์ ยลเสน่ห์เจดีย์พุกาม ตอนที่ 2
http://pantip.com/topic/30568273
เยือนเมืองมัณฑะเลย์ ยลเสน่ห์เจดีย์พุกาม ตอนที่ 3 (End)
http://pantip.com/topic/30576665
เยือนเมืองมัณฑะเลย์ ยลเสน่ห์เจดีย์พุกาม ตอนที่ 1 (วางแผนเที่ยว+การเดินทางวันแรก)
เริ่มตั้งแต่การจองวันเดินทาง กว่าจะลงตัวให้ได้ราคาถูกที่สุดเท่าที่จะมีในตอนนั้น และแล้วก็ได้กำหนดวันเที่ยวมา 4 วัน คือ 27-30 พ.ค. 56 เมื่อได้วันลงตัว ก็ถึงคราววางโปรแกรม อย่าคิดว่า เวลา 4 วัน (ที่ไม่ค่อยจะเต็ม 4 วันนัก เพราะไปถึงก็บ่ายวันแรก ส่วนวันกลับก็เที่ยง) พวกเราจะวางแผนแค่เที่ยวมัณฑะเลย์เท่านั้น เรามีเป้าหมายไปถึง “พุกาม” เลยทีเดียว ระยะทาง การเดินทาง เราไม่หวั่น และก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้ และอย่างที่บอก “ได้เกินกว่าแผนที่วางไว้ซะอีก”
และแล้วเมื่อเริ่มทริปตามโปรแกรมจริง วันแรก( 27 พ.ค. 56) ดอนเมือง – มัณฑะเลย์ – อมรปุระ
สตาร์ท ออกตัวจากบ้านกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า เนื่องจากเป็นวันทำงาน ถ้าออกสายก็กลัวจะตกเครื่องกันไปเลย เพราะฉะนั้นถึงสนามบินก่อนเวลาอุ่นใจกว่า และเผื่อเวลาไว้ช้อปปิ้งในสนามบินซักเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นดอนเมืองก็ตาม
เครื่องออกจากดอนเมืองเวลา 10.50น. ถึงมัณฑะเลย์เวลา 12.15 น. (เวลาบ้านเค้าช้ากว่าเราครึ่งชั่วโมงนะ อย่าลืมปรับนาฬืกากันล่ะ) ไปถึงที่นั่น สนามบินเค้ายังใหม่มาก ไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าที่ควร และอากาศภายในอาคารทำให้เราถึงกับเหงื่อตกได้เลย เมื่อผ่าน ตม. และรับกระเป๋าเรียบร้อย ภารกิจแรกที่ทำ คือ หาเคาน์เตอร์ธนาคารแลกเงิน ซึ่งก็มีอยู่ในอาคารชั้นผู้โดยสารขาเข้านั่นแหละ เห็นๆอยู่ประมาณ 4 เคาน์เตอร์ แนะนำให้สำรวจ rate กันก่อนนะ เพราะอาจต่างกันเล็กน้อย ตอนที่เข้าไปแลกกับธนาคารก็เห็นเค้าพลิกแบงค์เราดูไปดูมา เหมือนแบงค์เราจะมีปัญหา แต่สุดท้ายเราก็ได้เงินจ๊าตมาใช้จนได้ เมื่อแลกเงินเรียบร้อย ภารกิจต่อไปก็คือ ติดต่อกับ Air Mandalay เพื่อจ่ายเงิน และรับตั๋ว ซึ่งไม่ต้องกังวลในการหาเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วเพราะหาไม่เจอแน่นอน แต่เค้าจะมีพนักงานมารอรับเราเพื่อไปติดต่อที่ออฟฟิศในนั้นเลย เมื่อมาติดต่อซื้อตั๋ว ก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมธนาคารเค้าถึงพลิกแบงค์เราไปมาอยู่นาน เรื่องราวก็มาเฉลยเมื่อเรายื่นแบงค์ 100 USD ไปให้พนักงานสายการบิน เค้าบอกเราว่า “แบงค์ของคุณมีรอยแสตมป์เล็กๆอยู่ เค้าไม่สามารถรับได้” ซึ่งมันมีอยู่ในทุกแบงค์ 100 USD ทุกแบงค์ที่เราแลกมาเลย เค้าพยายามให้เราหาแบงค์ที่ไม่มีรอยแสตมป์ให้ได้ ทั้งๆที่แบงค์เราใหม่มากและแลกมาจ่ายในพม่าด้วยซ้ำ แต่ก็ยังปัญหาอยู่ดี (ขอย้ำว่า แลกแบงค์ดอลล่ามาพม่า จะต้อง ใหม่ ไม่มีรอยยับ ขาด และไม่มีรอยแสตมป์ด้วยนะ) กว่าจะเจรจาจนเค้ายอม ก็แทบอ่อนใจ แต่เราก็ได้ตั๋วเครื่องบินไปพุกามมาครอบครองจนได้ เมื่อธุระที่สนามบินเรียบร้อยก็เป็นเวลาเกือบบ่ายครึ่งแล้ว ต้องเหมาแท็กซี่เข้าสู่มัณฑะเลย์ Taxi มี 2 ขนาด คือ รถตู้และ รถเก๋ง ถ้า 4-5 คน จะนั่งรถเก๋งก็ได้ ราคาของรถตู้อยู่ที่ประมาณ 20,000 Kyat แต่ถ้าเป็นรถเก๋งราคาก็จะอยู่ที่ 12,000 Kyat ส่งถึงโรงแรม เราตัดสินใจเลือกรถต้ไปก่อนวันนี้ และเมื่อต่อรองราคากันซักพัก เค้าก็เสนอให้เหมารถเที่ยวรอบมัณฑะเลย์ ได้ถึงเวลา 18.30น. ในราคา 50,000 จ๊าต สถานที่ตามที่เราอยากไป แต่ต้องแจ้งกันไว้ก่อนที่สนามบิน เพราะตัวคนขับเองบางคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เมื่อพร้อมแล้วก็เริ่มนังรถออกจากสนามบิน วิวโดยรอบข้างทางใกล้สนามบิน ไม่มีบ้านเรือน พื้นที่ดูค่อนข้างว่างเปล่า แต่ถนนหนทางดูใช้ได้ทีเดียว นั่งมาได้ประมาณ 30นาที รถราและบ้านเรือนเริ่มหนาตาขึ้น มีร้านค้า และห้างสรรพสินค้าอยู่บ้างเมื่อเข้าสู่ตัวเมือง จุดมุ่งหมายแรกของเราก็ปรากฏสู่สายตาเมื่อนั่งรถมาได้เกือบ 1 ชั่วโมง โดยมีกำแพงใหญ่ ล้อมรอบด้วยคูน้ำมีถนนตัดขนานกับคูน้ำไปตลอดทาง ที่นี่ คือ ”พระราชวังมัณฑะเลย์” พื้นที่กินอาณาบริเวณค่อนข้างกว้างไม่ใช่เล่น เมื่อถึงประตูใหญ่ โชเฟอร์ของเราก็เลี้ยวข้ามสะพาน และแจ้งว่า “ticket” พร้อมชี้มือไปที่ป้อมด้านหน้าประตูป้อมหนึ่ง และจอดรถ หน้าที่ของเราก็เดินลงไปซื้อ ticket ตามที่คนขับแจ้ง ราคาตั๋วที่นี่จะอยู่ที่ 10 USD
(เก็บรักษาตั๋วดีๆนะ เพราะยังมีประโยชน์อีกหลายที่เลย) เสียค่าผ่านประตูเรียบร้อย ก็ขึ้นรถวิ่งเข้าสู่ภายในรั้วพระราชวัง ก่อนเดินเที่ยวก็จะมีเจ้าหน้าที่มาขอดูบัตรที่ซื้อมาเมื่อกี้ เขียนอะไรยุกยิกในบัตรนิดหน่อย ก็ยื่นคืน และเราก็เดินเที่ยวได้ตามสบาย แต่ต้องถอดรองเท้าด้วยนะ(มาเที่ยวพม่าต้องถอดรองเท้าจนเป็นนิสัยเลยล่ะ) ที่ต่อไปที่จอดเที่ยวก็คือ “ชเวนันดอว์” ขอแนะนำว่าต้องแวะดูพระตำหนักไม้ที่นี่ให้ได้ เพราะเป็นพระตำหนักเก่าๆจริงที่รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดช่วงสงครามเพียงหลังเดียวเท่านั้น (ที่นี่ต้องใช้ตั๋วที่ซื้อมาจากพระราชวังฯด้วยนะ) ส่วนวัดที่เห็นอยู่ติดกัน คือ “วัดอาตุมาชิ” วัดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้ามินดง แต่ถูกไฟไหม้ไปและรัฐบาลสร้างขึ้นใหม่ตามแบบเดิม และนั่งรถไปใกล้ๆกัน ก็ถึง “วัดกุโสดอ” เป็นที่ตั้งหนังสือธรรมะที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย จารึกพระไตรปิฎกไว้ในแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่ และในบริเวณเจดีย์วัด เราก็จะมองเห็น Mandalay hill ด้วย และจุดมุ่งหมายสุดท้ายวันนี้ คือ พระอาทิตย์ตกที่สะพานไม้อูเบ็ง แต่ดูจากเวลาแล้ว ได้แค่แสงยามเย็นเท่านั้น แต่พระอาทิตย์คงยังไม่ตก เพราะตกลงกับคนขับไว้แค่ 6โมงครึ่ง และก็เป็นไปอย่างที่คิด แต่แสงสีส้มยามเย็นสะท้อนกับน้ำในทะเลสาบตองตะมานที่มองจากสะพานไม้อูเบ็งก็สวยไม่ใช่เล่นเลย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะต้องกลับที่พัก รถตู้ก็เสยไปส่งถึงหน้าโรงแรมเลย ถึงแม้จะเป็นแค่โรงแรมเล็กๆที่เค้าไม่รู้จักก็ตาม ค่าใช้จ่ายเป็นไปตามที่ตกลงไว้กันไว้ที่สนามบิน โดยไม่มีปัญหาตุกติกอะไรทั้งสิ้นเลย
เก็บของขึ้นห้องพักเสร็จก็พร้อมออกเดินหาร้านอาหารเย็นกัน ออกมาจากโรงแรม ท้องฟ้าก็มืดแล้ว บ้านเรือนและร้านข้างทางก็ปิดกันไปบ้าง ร้านอาหารที่ยังเปิดส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมกับอาหารหน้าตาแปลกๆที่เหมือนจะขายเป็นบุฟเฟ่ต์จนเราไม่กล้าทาน ค่อยๆสำรวจร้านข้างทางไปเรื่อยๆก็มีร้านอาหารตามสั่งที่ช่วยประทังชีวิตเราได้ เด็กในร้านไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย ดีที่อาเจ้เจ้าของร้านใช้ภาษาอังกฤษพอได้ เลยได้ทานอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกลับถึงโรงแรมก็เตรียมแผนการเที่ยววันต่อไป โดยสอบถามกับทางโรงแรมถึง Taxi ที่จะให้มารับช่วงเช้ามืด(ประมาณตีสี่) ที่จะไปดูพิธีล้างพระพักตร์ของพระมหามัยมุนี เจ้าหน้าที่ติดต่อให้ ได้รถเก๋งในราคา 5,000 จ๊าต หายห่วงเรื่องรถก็ถึงเวลาอาบน้ำนอน เตรียมลุยตั้งแต่เช้ามืดต่อพรุ่งนี้
เยือนเมืองมัณฑะเลย์ ยลเสน่ห์เจดีย์พุกาม ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/30568273
เยือนเมืองมัณฑะเลย์ ยลเสน่ห์เจดีย์พุกาม ตอนที่ 3 (End) http://pantip.com/topic/30576665