มีใครบ้างที่ไม่ชอบเรื่องลึกลับ ?
มนุษย์แทบทุกคนมักจะทึ่งไปกับเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้
หรือกำหนดกฎเกณฑ์ได้ รายการสถานที่ลึกลับของโลกมี.-
10. สนามม้าชายหาด Racetrack Playa
ตั้งอยู่ในหุบเขามรณะ (Death Valley) รัฐแคลิฟอร์เนีย
สนามม้าชายหาดมีชื่อเสียงมากกับเรื่อง
หินเรือใบที่แล่นได้พร้อมกับทิ้งร่องรอยไว้ข้างหลัง
เรื่องราวของหินเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาว่า
ก้อนหินเหล่านี้เคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
โดยทิ้งร่องรอยไว้ข้างหลังได้อย่างไร
งานวิจัยส่วนหนึ่งพยายามสรุปว่ามีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือ
ลมแรงในหุบเขาและสภาพพื้นที่ลื่นในตอนกลางคืน
เป็นตัวการหลักในการแล่นเรือใบของก้อนหินเหล่านี้
9. ทะเลสาบวอสต็อค Lake Vostok
สรรพสิ่งที่มีกำเนิดในทวีปแอนตาร์กติกา
ยังคงเป็นเรื่องลึกลับที่น่าสนใจที่สุด
มีการถกเถียงอภิปรายกันในทุกวันนี้
ในขณะที่มันเป็นไปได้ว่า มนุษย์อาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่าง
จากการขุดค้นลึกลงไปจากผิวน้ำแข็งลงไปถึงชั้นดินใต้พื้นน้ำแข็ง
ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีทะเลสาบใต้พื้นผิวน้ำแข็ง
คาดว่ามีสายพันธุ์สิ่งที่มีชีวิตเคยอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 15-25 ล้านปี
เป็นสายพันธุ์สิ่งที่มีชีวิตที่โลกไม่เคยได้พบเห็นกันมาก่อน
และมีวิวัฒนาการกับการพัฒนาของสายพันธุ์เหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นอยู่ภายใต้น้ำแข็ง
ในตอนนี้คณะนักวิทยาศาสตร์/นักวิจัยต่างกำลังทำงานกันอย่างหนัก
ในการวิเคราะห์ตัวอย่างจากน้ำและดินที่นำขึ้นมาได้
ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าการค้นคว้าวิจัยครั้งนี้
จะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น
8. เกาะอีสเตอร์ Easter Island
ราปานุย Rapa Nui รูปปั้นหน้าคนที่มีชื่อเสียงของโลกที่มีอยู่บนเกาะอีสเตอร์
ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิจัยทั่วโลก ยังไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า
ใครเป็นคนสร้างรูปปั้นสูงกว่า 50 ฟุต เหตุผลที่พวกเขาสร้าง
และวิธีการที่เคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านี้ไปวางที่ชายฝั่งได้อย่างไร ฯลฯ
หนึ่งในทฤษฎีทั่วไปคือ ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีอารยธรรมเก่าแก่อยู่บนเกาะนี้
แต่ต่อมาเกิดการขาดแคลนทรัพยากรอาหาร
พวกเขาต่างโยกย้ายอพยพไปสู่ที่อื่น
หรือไม่ก็ล้มหายตายจากกันไปหมด
หมายเหตุ
มีข้อสันนิษฐานจากอีกแหล่งหนึ่งว่า
ก้อนหินแกะสลักพวกนี้น่าจะมาจากพวกแขกทมิฬอินเดียในอดีต
ที่ถูกคลื่นยักษ์ซึนามิพัดมาเกาะนี้จึงได้สลักรูปไว้เป็นเครื่องหมายสักการะ
เพราะมีรูปเรือและผงฝุ่นสีแดงอยู่ใต้ฐานก้อนหินยักษ์หน้าคนที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดี
คาดว่าเป็นการร่ำร้องโหยหาอดีตคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาไกลโพ้น
แล้วคงหวนคืนกลับไปไม่ได้อีกแล้วในชาตินี้ตลอดกาล
เรื่องเดิมของผู้เขียน หินยักษ์เดินได้
http://2g.pantip.com/cafe/writer/topic/W12888360/W12888360.html

วิธีการขนย้ายหินยักษ์แบบที่หนึ่ง

วิธีการขนย้ายหินยักษ์แบบที่สอง
7. หุบเขาแมคเมอโด้ที่แห้งแล้ง McMurdo Dry Valleys
แม้ว่าหุบเขาเหล่านี้จะตั้งอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา
แต่ก็ไม่มีปรากฏการณ์ของหิมะเกาะตามพื้นผิวจำนวนมาก
ในทางกลับกันทำให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นทะเลทรายที่หนาวเย็นที่สุดในโลก
เป็นหุบเขาที่ดูแปลกประหลาดเพราะดูราวกับว่าเป็นหุบเขาที่มีสีเลือด
สีแดงในหุบเขาเป็นเพราะสนิมแร่เหล็กจำนวนมากในหุบเขา
6. น้ำพุร้อนเหินฟ้า Fly Geyser
ตั้งอยู่ใน Gerlach รัฐเนวาดา มีรูปทรงที่แปลกประหลาด
เพราะกองดินกองหินที่มีน้ำพุร้อนเติบโตขึ้นมาได้ ในตอนนี้สูงถึงสามเมตรแล้ว
แต่น้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนตัวของเอกชน
โดยปรกติจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
เจ้าของที่ดิน Bill Spoo
ได้ปฏิเสธที่จะทำให้มันกลายเป็นจุดท่องเที่ยว
นักวิจัยและช่างภาพได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมได้
แต่ต้องระบุวันเดือนปีและเวลาเป็นการล่วงหน้าก่อนเข้าเยี่ยมชม
5. ริโอทินโต้ Rio Tinto
มีต้นกำเนิดจากหุบเขาเซียร์ร้าโมเร่นหน่า Sierra Morenna
แคว้นอันดาลูเซีย Andalusia ในสเปน
เป็นแม่น้ำที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน
แม่น้ำสายนี้มีการชักน้ำมาใช้ทำเหมืองแร่มานานหลายศตวรรษแล้ว
เป็นผลทำให้แร่ธาตุจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่เหล็กไหลปะปนอยู่ในน้ำ
การปรากฏตัวของสนิมจากแร่เหล็ก คือ เหตุผลหลักที่ทำให้น้ำเป็นสีแดง
นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนี้ได้
เหตุผลที่มันยังอาศัยอยู่ได้เป็นเรื่องที่แปลกมาก
เพราะแม่น้ำสายนี้มีสภาพเป็นกรดสูง
ทั้งนี้ยังทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์บางคน
อนุมานว่าน้ำและดินบนดาวอังคาร
ที่พบเห็นจากกล้องโทรทัศน์ที่ถ่ายภาพพื้นผิวบนดาวอังคาร
มีสภาพเทียบเคียงกับสายน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำสายนี้
4. ภูเขาโรหล้าอีหม่า Mount Roraima
สถานที่ตั้งมีเอกลักษณ์ค่อนข้างเด่นชัดคือ
เป็นจุดบรรจบกันของชายแดนสามประเทศ
บราซิล เวเนซุเอลา และ กียานา ในทวีปอเมริกาใต้
สันนิษฐานว่าการก่อตัวภูเขาจนเป็นที่ราบสูงเพราะลมฝน
ภูเขาแห่งนี้มีความแปลกประหลาดเพราะรูปทรง
และที่มากไปกว่านั้นคือ มีสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นอาศัยอยู่
ก้อนเมฆมักจะอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของภูเขา
จุดสูงสุดของภูเขา Roraima ได้รับการยอมรับว่า
เป็นหนึ่งในพื้นที่โลกที่เก่าแก่ที่สุดจากการก่อตัวทางธรณีวิทยา
ปัจจุบันมีสัตว์พื้นเมืองบางชนิดที่ไม่สามารถพบได้ในที่ใดของโลก
และยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าพวกมันดำรงชีพมาอย่างยาวนานได้อย่างไร
สถานที่ลึกลับของโลก
มนุษย์แทบทุกคนมักจะทึ่งไปกับเรื่องราวที่ไม่สามารถอธิบายได้
หรือกำหนดกฎเกณฑ์ได้ รายการสถานที่ลึกลับของโลกมี.-
10. สนามม้าชายหาด Racetrack Playa
ที่มาของภาพ http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/107.jpg
ที่มาของภาพ http://amazinglist.net/2013/02/racetrack-playa-death-valley-california/
ตั้งอยู่ในหุบเขามรณะ (Death Valley) รัฐแคลิฟอร์เนีย
สนามม้าชายหาดมีชื่อเสียงมากกับเรื่อง
หินเรือใบที่แล่นได้พร้อมกับทิ้งร่องรอยไว้ข้างหลัง
เรื่องราวของหินเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาว่า
ก้อนหินเหล่านี้เคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
โดยทิ้งร่องรอยไว้ข้างหลังได้อย่างไร
งานวิจัยส่วนหนึ่งพยายามสรุปว่ามีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือ
ลมแรงในหุบเขาและสภาพพื้นที่ลื่นในตอนกลางคืน
เป็นตัวการหลักในการแล่นเรือใบของก้อนหินเหล่านี้
9. ทะเลสาบวอสต็อค Lake Vostok
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/98.jpg
ที่มา http://tywkiwdbi.blogspot.com/2011/01/approaching-lake-vostok.html
สภาพพื้นที่ทำการขุดเจาะ
กระดานบันทึกความลึกที่ขุดเจาะได้แล้ว
ทีมงานที่อยู่ในค่ายที่พักบริเวณที่ทำการขุดเจาะ ที่มา http://goo.gl/Nkp7a
สรรพสิ่งที่มีกำเนิดในทวีปแอนตาร์กติกา
ยังคงเป็นเรื่องลึกลับที่น่าสนใจที่สุด
มีการถกเถียงอภิปรายกันในทุกวันนี้
ในขณะที่มันเป็นไปได้ว่า มนุษย์อาจจะค้นพบบางสิ่งบางอย่าง
จากการขุดค้นลึกลงไปจากผิวน้ำแข็งลงไปถึงชั้นดินใต้พื้นน้ำแข็ง
ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่ามีทะเลสาบใต้พื้นผิวน้ำแข็ง
คาดว่ามีสายพันธุ์สิ่งที่มีชีวิตเคยอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลากว่า 15-25 ล้านปี
เป็นสายพันธุ์สิ่งที่มีชีวิตที่โลกไม่เคยได้พบเห็นกันมาก่อน
และมีวิวัฒนาการกับการพัฒนาของสายพันธุ์เหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นอยู่ภายใต้น้ำแข็ง
ในตอนนี้คณะนักวิทยาศาสตร์/นักวิจัยต่างกำลังทำงานกันอย่างหนัก
ในการวิเคราะห์ตัวอย่างจากน้ำและดินที่นำขึ้นมาได้
ภายใต้สมมุติฐานที่ว่าการค้นคว้าวิจัยครั้งนี้
จะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น
8. เกาะอีสเตอร์ Easter Island
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/810.jpg
ที่มา http://www.tripadvisor.com/Tourism-g316040-Easter_Island-Vacations.html
ที่มา http://mediaworldmysteries.blogspot.com/2012/04/easter-island.html
ที่มา http://seeker401.files.wordpress.com/2011/10/easter-island-statue-excavation.jpg
ที่มา http://seeker401.files.wordpress.com/2011/10/a40_2011_36_031.jpg
ราปานุย Rapa Nui รูปปั้นหน้าคนที่มีชื่อเสียงของโลกที่มีอยู่บนเกาะอีสเตอร์
ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักวิจัยทั่วโลก ยังไม่มีใครที่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า
ใครเป็นคนสร้างรูปปั้นสูงกว่า 50 ฟุต เหตุผลที่พวกเขาสร้าง
และวิธีการที่เคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านี้ไปวางที่ชายฝั่งได้อย่างไร ฯลฯ
หนึ่งในทฤษฎีทั่วไปคือ ครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีอารยธรรมเก่าแก่อยู่บนเกาะนี้
แต่ต่อมาเกิดการขาดแคลนทรัพยากรอาหาร
พวกเขาต่างโยกย้ายอพยพไปสู่ที่อื่น
หรือไม่ก็ล้มหายตายจากกันไปหมด
หมายเหตุ
มีข้อสันนิษฐานจากอีกแหล่งหนึ่งว่า
ก้อนหินแกะสลักพวกนี้น่าจะมาจากพวกแขกทมิฬอินเดียในอดีต
ที่ถูกคลื่นยักษ์ซึนามิพัดมาเกาะนี้จึงได้สลักรูปไว้เป็นเครื่องหมายสักการะ
เพราะมีรูปเรือและผงฝุ่นสีแดงอยู่ใต้ฐานก้อนหินยักษ์หน้าคนที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดี
คาดว่าเป็นการร่ำร้องโหยหาอดีตคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาไกลโพ้น
แล้วคงหวนคืนกลับไปไม่ได้อีกแล้วในชาตินี้ตลอดกาล
เรื่องเดิมของผู้เขียน หินยักษ์เดินได้ http://2g.pantip.com/cafe/writer/topic/W12888360/W12888360.html
วิธีการขนย้ายหินยักษ์แบบที่หนึ่ง
วิธีการขนย้ายหินยักษ์แบบที่สอง
7. หุบเขาแมคเมอโด้ที่แห้งแล้ง McMurdo Dry Valleys
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/77.jpg
ที่มา http://www.boston.com/bigpicture/2009/04/earth_day_2009.html
ที่มา http://www.amusingplanet.com/2012/06/mcmurdo-dry-valleys-of-antarctica.html
แม้ว่าหุบเขาเหล่านี้จะตั้งอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา
แต่ก็ไม่มีปรากฏการณ์ของหิมะเกาะตามพื้นผิวจำนวนมาก
ในทางกลับกันทำให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นทะเลทรายที่หนาวเย็นที่สุดในโลก
เป็นหุบเขาที่ดูแปลกประหลาดเพราะดูราวกับว่าเป็นหุบเขาที่มีสีเลือด
สีแดงในหุบเขาเป็นเพราะสนิมแร่เหล็กจำนวนมากในหุบเขา
6. น้ำพุร้อนเหินฟ้า Fly Geyser
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/66.jpg
ที่มา http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/41/Fly_geyser.jpg
ที่มา http://www.flickr.com/photos/17773534@N03/3421200025/lightbox/
ตั้งอยู่ใน Gerlach รัฐเนวาดา มีรูปทรงที่แปลกประหลาด
เพราะกองดินกองหินที่มีน้ำพุร้อนเติบโตขึ้นมาได้ ในตอนนี้สูงถึงสามเมตรแล้ว
แต่น้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ดินส่วนตัวของเอกชน
โดยปรกติจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
เจ้าของที่ดิน Bill Spoo
ได้ปฏิเสธที่จะทำให้มันกลายเป็นจุดท่องเที่ยว
นักวิจัยและช่างภาพได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมได้
แต่ต้องระบุวันเดือนปีและเวลาเป็นการล่วงหน้าก่อนเข้าเยี่ยมชม
5. ริโอทินโต้ Rio Tinto
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/58.jpg
ที่มา http://goo.gl/fn4ue
ที่มา http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Riotintoagua.jpg
ที่มา http://goo.gl/4a56l
มีต้นกำเนิดจากหุบเขาเซียร์ร้าโมเร่นหน่า Sierra Morenna
แคว้นอันดาลูเซีย Andalusia ในสเปน
เป็นแม่น้ำที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน
แม่น้ำสายนี้มีการชักน้ำมาใช้ทำเหมืองแร่มานานหลายศตวรรษแล้ว
เป็นผลทำให้แร่ธาตุจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งแร่เหล็กไหลปะปนอยู่ในน้ำ
การปรากฏตัวของสนิมจากแร่เหล็ก คือ เหตุผลหลักที่ทำให้น้ำเป็นสีแดง
นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนี้ได้
เหตุผลที่มันยังอาศัยอยู่ได้เป็นเรื่องที่แปลกมาก
เพราะแม่น้ำสายนี้มีสภาพเป็นกรดสูง
ทั้งนี้ยังทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์บางคน
อนุมานว่าน้ำและดินบนดาวอังคาร
ที่พบเห็นจากกล้องโทรทัศน์ที่ถ่ายภาพพื้นผิวบนดาวอังคาร
มีสภาพเทียบเคียงกับสายน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำสายนี้
4. ภูเขาโรหล้าอีหม่า Mount Roraima
ที่มา http://realitypod.com/wp-content/uploads/2013/04/47.jpg
ที่มา http://elmundoespectacular.blogspot.com/2011/11/el-monte-roraima-tepuy.html
ที่มา http://goo.gl/a2ZlE
สถานที่ตั้งมีเอกลักษณ์ค่อนข้างเด่นชัดคือ
เป็นจุดบรรจบกันของชายแดนสามประเทศ
บราซิล เวเนซุเอลา และ กียานา ในทวีปอเมริกาใต้
สันนิษฐานว่าการก่อตัวภูเขาจนเป็นที่ราบสูงเพราะลมฝน
ภูเขาแห่งนี้มีความแปลกประหลาดเพราะรูปทรง
และที่มากไปกว่านั้นคือ มีสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นอาศัยอยู่
ก้อนเมฆมักจะอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของภูเขา
จุดสูงสุดของภูเขา Roraima ได้รับการยอมรับว่า
เป็นหนึ่งในพื้นที่โลกที่เก่าแก่ที่สุดจากการก่อตัวทางธรณีวิทยา
ปัจจุบันมีสัตว์พื้นเมืองบางชนิดที่ไม่สามารถพบได้ในที่ใดของโลก
และยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าพวกมันดำรงชีพมาอย่างยาวนานได้อย่างไร