{กระทู้มุงกองทุน} รายงานราคา NAV และพูดคุยกันเรื่องกองทุนหุ้น กองทุนตราสารทุน ตราสารหนี้ค่ะ 4 มิ.ย. 56 เขียวจริงหรอ?

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ   ฝรั่งขายตลอด  ท่าทางจะเขียวหลอก 555+  

ใกล้จะเสร็จซะัที  










ตราสารหนี้ เน่าตามหุ้น  ฝรั่งขายต่อเนื่อง ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้

แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16






















*** สาระไม่สำคัญ ***  (ต่อจากตอนที่แล้ว)

ผมไม่ปฏิเสธ ว่ากองทุนแบบ Active ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนดัชนี .. ผลการดำเนินงานเป็นข้อพิสูจน์ได้ .. แต่คุณจะรู้มั๊ยว่า ในแต่ละปี กองทุนไหนจะสร้างผลตอบแทนสูงสุด หรือ ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ทุก ๆ ปี

ผมเชื่อว่า หลายคนไม่รู้หรอก .. แต่ถึงกระนั้นก็ตาม .. กองทุนแบบ Active ยังคงมีความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ก็คือ “Manager Risk”  หรือ ความเสี่ยงของผจก.กองทุน

ผจก.กองทุน จะเก่งขนาดไหนเราไม่รู้หรอก .. เรารู้ว่า ผจก.กองทุน มีเครื่องมือ หรือ ข้อมูลอินไซด์มากมายที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น รวมไปถึงแต่ละกองทุนต่างก็มี ผจก.กองทุนหลายคนรวมหัวกันช่วยกันตัดสินใจ

OK. ในภาพรวม เราอาจจะมองว่า ดูดี .. แต่ในความเป็นจริง .. คุณต้องยอมรับว่า .. ผจก.กองทุน ก็เป็นคนเหมือน ๆ กับเรานั่นแหละ .. มีทั้งอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง .. ที่สำคัญคือ คุณจะรู้มั๊ยว่า ผจก.กองทุนคนไหน ที่บริหารกองทุน โดยบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงส่วนตัว (ไม่มีใครรู้หรอก แต่ผมเชื่อว่ามี แต่จะจับได้รึป่าว ก็เป็นอีกเรื่อง) .. แล้ว ผจก.กองทุน ที่เก่งจริง ๆ หรือ บริหารกองทุนด้วยความโปร่งใสจริง ๆ จะมีมั๊ย .. ตอบเลยว่า “อาจจะ”  มี  .. แต่น้อยมาก

แล้วคุณจะรู้มั๊ยว่า ผจก.กองทุน คนไหนเก่งที่สุด .. ข้อนี้ คุณก็ไม่มีวันรู้หรอก .. แล้วจะแน่ใจได้ไงว่า ผจก.กองทุน เลือกหุ้นได้อย่างถูกต้อง ถูกเวลา ในทุก ๆ ปี .. อันนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย

ไหนจะบางกองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมแพงมาก .. อย่าลืมนะครับว่า ค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่สร้างความแตกต่างระหว่างกองทุนทั่ว ๆ ไป และ กองทุนดัชนี .. กล่าวคือ “ผลกำไร หรือ ขาดทุน ที่ได้จากกองทุน เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน .. แต่ค่าธรรมเนียมแสนแพงนั้นแน่นอน และ คุณต้องเสียให้กองทุนทุกปี”

จะดีกว่ามั๊ย .. ถ้าเราจะหันมามองกองทุนดัชนีที่มีค่าธรรมเนียม “ต่ำมาก” และการันตีผลตอบแทนในระดับเดียวกับบดัชนีอีกต่างหาก .. ซึ่งในระยะยาวเกิน 10 ปีขึ้นไป (เคยมีการประเมินวิเคราะห์กันออกมาแล้ว) .. กองทุนดัชนีจะให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับตลาดหลักทรัพย์ หรือ ใกล้เคียงกับดัชนี .. โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย โดยประมาณ 10-15% ต่อปี (ซึ่งกองทุนดัชนีส่วนใหญ่ ก็สร้างผลตอบแทนชนะดัชนีด้วย แต่อาจจะชนะไม่มาก เพราะต้องสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนีที่สุด)

(ต่อตอนหน้า)



ขอบคุณ ทุก ๆ ความเห็นมาก ๆ ครับ ^^
ความคิดเห็นที่ 43

หลัง msci ผ่านไป ต่างชาติ จัดหนัก ขายสุทธิทุกประเทศ


วันนี้เด้งขึ้นมา เพราะตัวเลขดัชนีการผลิต ism ของสหรัฐ ประจำเดือน พ.ค.
ประกาศมา 49.0 ต่ำกว่าประมาณการที่คาดไว้ที่ 50.5 และเป็นการหดตัวครั้งแรก ในรอบ 6 เดือน


จากดัชนี ism ทำให้ ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่า นิดหนึ่ง
พร้อมกับต่างชาติ กลับมาซื้อตราสารระยะสั้น แต่ยังเทขายหุ้นอย่างหนักต่อ

มูดี้ ขู่หั่นเครดิตไทย
พรุ่งนี้ ลุงอาเบะ จะประกาศ qe ของญี่ปุ่น รอบที่ 3
วันพุธ ประกาศตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ของเมกา
วันศุกร์ ประกาศตัวเลข น๊อนฟาร์มเทโล ซึ่งเราจะรู้วันเสาร์

ผลทางจิตวิทยา ตอนนี้ถ้า เมกา ตัวเลขที่ประกาศออกมาไม่ดี หุ้นขึ้น ถ้าดี หุ้นลง
แต่เรื่องจริงคือ ต่างชาติ ยังเทขายหุ้นต่อ (เขาอาจจะมองว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ถือเงินสด)

กับคำถามว่า ตอนนี้ควรทำอย่างไร ตอบยาก เพราะแต่ละคน มีนิสัยการลงทุนไม่เหมือนกัน
เอาตรงนี้มาแชร์ แล้วกัน

ถ้าเราลงทุนเดือนละ 10000 บาท และเพิ่มปีละ 5% (ปีที่สอง 10500)
โดยได้รับผลตอบแทนปีละ 10% (ผลตอบแทนเฉลี่ยการลงทุนในตลาดหุ้น 11-12% ต่อปี)


ผ่านไป 20 ปี เราจะมีเงิน 10 ล้าน
(ถ้าคิดว่าช้า ลงทุนเป็นเดือนละ 20000 หรือเพิ่มปีละ 10% แทน)

สำหรับกองทุน ผมลองถอยออกมาห่างหน่อย เราอาจจะเห็นภาพชัดขึ้น
(อันนี้มองภาพรายเดือน เพื่อนๆ จะทำแบบรายอาทิตย์สำหรับกองทุนตัวเองก็ได้ครับ)


ส่วนอื่นที่ผมคิดว่าสำคัญ ก็คือ
1.ต้องถือเงินสดไว้ในมือเสมอ อย่าลงหมดตัว ลงเป็นไม้ๆ
เพราะเวลาเราซื้อแล้ว มักจะมีราคาต่ำกว่าที่เราซื้ออีก ถ้าเราซื้อหมดมือ ตรงนั้นเป็นการเสี่ยงดวง

2.เพราะสงครามนี้เป็นสงครามยืดเยื้อ เราต้องรบแบบเก็บกำไรไปเรื่่อยๆ
ทุกครั้งที่เราซื้อ ตลาด ต้องติดลบลงมามากกว่า -5% เพราะถ้าเฉลี่ยหุ้นปรับฐานแต่ละรอบ -10%
การที่เราซื้อตอนตลาดติดลบมากกว่า -5% แปลว่า เรามีอัพไซด์มากกว่าดาวน์ไซด์

และต่อจากข้อ 1 เราต้องไม่ซื้อหมดมือ เหมือนเราส่งทหารไปรบ
ถ้าเราส่งไปหมดกองทัพ แล้วเราโดนล้อม สิ่งที่เราทำได้คือนั่งรอ ราคากลับขึ้นมา
แต่ถ้าเราส่งไป สมมุติว่าครึ่งหนึ่ง เรายังมีอีกครึ่ง ไว้คอยแก้ไขสถานการณ์ เวลาหุ้นผันผวน
(ครึ่งที่เราถือไว้ อาจจะลงทุนในตราสาร หรือตลาดเงิน รอไว้ก็ได้ครับ)

เจอแล้ว อธิบายอีกแบบหนึ่งแต่หลักคล้ายๆ กันครับ เผื่อเข้าใจกว่าแบบนี้
http://pantip.com/topic/30401874/comment19
ความคิดเห็นที่ 28
สาวกบัวหลวงทศพลกระอักเลือดอีกแล้ว แค่ห้าวันลดไปเกือบ 5 เปอร์เซนต์
แต่ดูรายชื่่อหุ้นรายตัวที่ถือนี่ พื้นฐานดีทั้งนั้น แสดงให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจจริง ๆ ในปัจจุบัน
ว่ามันกำลังถดถอยหรือเศรษฐกิจดีอย่างที่รัฐบาลพยายามบอก
หุ้น 10 ตัวที่ถือล่าสุด ถ้าอิงตาม thaimutualfund
SCC เครือซีเมนต์ไทย
AOT การท่าอากาศยาน
ฺฺBBL ธนาคารกรุงเทพ
CPALL เซเว่น
AAV แอร์เอเชีย
BJC เบียร์ช้าง
DTAC ดีแทค
ฺBLA กรุงเทพประกันภัย
SC เอซซีแอสเซท
GOLD แผ่นดินทอง

เท่าที่ีดูกระจายไปทุกกลุ่มและไม่ใช่หุ้นที่วูบวาบตามกระแส (ยกเว้น GOLD นะ ที่ถือไว้เหมือนรออนาคต)
ดังนั้นผมว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ ต้องเตรียมคาดเข็มขัดนิรภัยกันบ้างแล้วครับ คลื่นลมเศรษฐกิจเหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
อะไรๆหลาย ๆ อย่างที่อยู่ใต้พรมเหมือนกำลังจะปิดไว้ไม่อยู่ รถคันแรก จำนำข้าว ขึ้นค่าแรง กำลังจะเริ่มแสดงผลที่จริงของมันแล้ว
ถ้าไม่มีงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 ล้านล้านออกมานี่ มีเฮแน่นอน คนที่มีเงินเก็บเตรียมช้อนซื้อบ้านถูก รถถูก ได้เลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่