คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
คนขายส่วนใหญ่จะฐานะไม่ค่อยดี เงินที่ขายได้เมื่อวานก็เอามาซื้อลูกชิ้นเพื่อปิ้งวันนี้ต่อ กำไรก็เป็นค่ากินใช้ในบ้านหมดแล้ว เงินทอนจึงไม่มี(โดยเฉพาะแบงค์ใหญ่ๆ) ถ้ากำลังขายดีแล้วเจอแบงค์ใหญ่หลายๆครั้ง จะทำให้ขายสะดุดเพราะต้องรีบวิ่งไปแลก บางทีก็ไม่มีให้แลก ทำให้เสียสมาธิในการขาย และเสียโอกาสขาย ส่วนเรื่องหน้าบูดหน้าบึ้งนั่นเป็นที่สันดานของตัวเขาเอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
พูดกันตามจริง ร้านควรจะแลกเงินมาเพื่อทอนครับคุณพูดได้ถูกต้อง
แต่ ..... บางทีลูกค้าก็เกินเยียวยา ร้านขายลูกชิ้นปิ้ง คุณจะให้เตรียมแบงค์แลกไว้เท่าไหร่ครับ 5000 ? 10000 ? ผมว่ายังไม่พอเลยครับ (เป็นคุณคุณจะกำเงินสดมา 5000-10000 มาเพื่อทอนหรือครับ ?) มายืนขายลูกชิ้นปิ้ง ไม้ล่ะ 10 บาทให้เสี่ยงโดนปล้น หรือ ทำหายหรือไม่ครับ ???
สินค้าเค้าจำหน่าย ราคาหลักสิบน่ะ .... ซื้อกันเต็มที่ซัก 100 บาท ... ถ้าเตรียมเงินทอนไว้ 5000 คงทอนได้ซัก 6 คน...
วันนึงลูกค้าร้านลูกชิ้นมีเท่าไหร่ครับ ? แล้วโอกาสโดนแบ้ง 500 -1000 คือเท่าไหร่ ?
บางทีก็อยากขอให้เห็นใจกันนะครับ .... ตัวผมเองก็เป็นทั้งคนขาย และคนซื้อ ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากให้ใช้ธนบัตร ให้ใกล้เคียงกับยอดที่คุณซื้อบ้าง เพราะบางทีมันไม่มีจริงๆ ....
ส่วนตัวผมทอนได้ก็ทอนครับ แต่ถ้าซื้อ หลักสิบ จ่าย ด้วยแบงค์พัน นี่ผมจะถามลูกค้าว่ามีแบงค์เล็กกว่านี้มั๊ย ?
เพราะถ้าไม่มีก็คือไม่มีล่ะครับ
แต่ ..... บางทีลูกค้าก็เกินเยียวยา ร้านขายลูกชิ้นปิ้ง คุณจะให้เตรียมแบงค์แลกไว้เท่าไหร่ครับ 5000 ? 10000 ? ผมว่ายังไม่พอเลยครับ (เป็นคุณคุณจะกำเงินสดมา 5000-10000 มาเพื่อทอนหรือครับ ?) มายืนขายลูกชิ้นปิ้ง ไม้ล่ะ 10 บาทให้เสี่ยงโดนปล้น หรือ ทำหายหรือไม่ครับ ???
สินค้าเค้าจำหน่าย ราคาหลักสิบน่ะ .... ซื้อกันเต็มที่ซัก 100 บาท ... ถ้าเตรียมเงินทอนไว้ 5000 คงทอนได้ซัก 6 คน...
วันนึงลูกค้าร้านลูกชิ้นมีเท่าไหร่ครับ ? แล้วโอกาสโดนแบ้ง 500 -1000 คือเท่าไหร่ ?
บางทีก็อยากขอให้เห็นใจกันนะครับ .... ตัวผมเองก็เป็นทั้งคนขาย และคนซื้อ ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายครับ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากให้ใช้ธนบัตร ให้ใกล้เคียงกับยอดที่คุณซื้อบ้าง เพราะบางทีมันไม่มีจริงๆ ....
ส่วนตัวผมทอนได้ก็ทอนครับ แต่ถ้าซื้อ หลักสิบ จ่าย ด้วยแบงค์พัน นี่ผมจะถามลูกค้าว่ามีแบงค์เล็กกว่านี้มั๊ย ?
เพราะถ้าไม่มีก็คือไม่มีล่ะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
ก็เข้าใจนะว่ามันถอนยาก หาแบงค์ย่อยยาก แต่การเป็นผู้ขายก็ต้องหาแลกมาเตรียมไว้ให้จงได้
---> เราอ่านแล้วเหมือนเป็นประโยคคำสั่งนะคะ และน่าจะเป็นคนรั้นเอาแต่ใจพอสมควร
ค้าขายต้องเข้าใจจุดนี้ เหมือนปฏิเสธลูกค้ายังไงชอบกล
---> แล้วถ้าพ่อค้าแม่ขาย เตรียมเงินไว้ทอนแบงค์พันคุณได้ แต่เป็นเหรียญบาททั้งหมด คุรจะทำยังไง คุรคงปฎิเสธไม่ได้เช่นกัน
เพราะเงินบาท มันก็เงินเหมือนกัน หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ก็ดีนะคะ
เคยซื้อเขานะ ต้อนนั้นไม่เห็นป้าย เขาแสดงกริยาและวาจา น้ำเสียง ไม่สุภาพ จนต้องนำไปแลกเองเพื่อมาจ่าย
ตอนยื่นจ่ายก็ทำเงินร่วง ไม่ตรงมือรับ โมโหนี่นา ต่อจากนั้นไม่ย่างก้าวเข้าไปซื้ออีกเลย เสียความรู้สึก ไม่ประทับใจ
---> เมื่ออคติบังตา คุณก็จ้องจับผิด เล็กๆ น้อยๆ คุณก็เอามาเป็นประเด็น เผลอๆ คุณอาจใส่ไฟเขาซ่ะก็ได้ ใครจะไปรู้
งั้นก็รับแค่แบงค์ยี่สิบต่อไปเถิด
---> ประโยคสุดท้ายของคุณสนับสนุนขอสันนิษฐานข้างบนของเรา อคติ ใส่ไฟ และเกินเยียวยา
---> เราอ่านแล้วเหมือนเป็นประโยคคำสั่งนะคะ และน่าจะเป็นคนรั้นเอาแต่ใจพอสมควร
ค้าขายต้องเข้าใจจุดนี้ เหมือนปฏิเสธลูกค้ายังไงชอบกล
---> แล้วถ้าพ่อค้าแม่ขาย เตรียมเงินไว้ทอนแบงค์พันคุณได้ แต่เป็นเหรียญบาททั้งหมด คุรจะทำยังไง คุรคงปฎิเสธไม่ได้เช่นกัน
เพราะเงินบาท มันก็เงินเหมือนกัน หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ก็ดีนะคะ
เคยซื้อเขานะ ต้อนนั้นไม่เห็นป้าย เขาแสดงกริยาและวาจา น้ำเสียง ไม่สุภาพ จนต้องนำไปแลกเองเพื่อมาจ่าย
ตอนยื่นจ่ายก็ทำเงินร่วง ไม่ตรงมือรับ โมโหนี่นา ต่อจากนั้นไม่ย่างก้าวเข้าไปซื้ออีกเลย เสียความรู้สึก ไม่ประทับใจ
---> เมื่ออคติบังตา คุณก็จ้องจับผิด เล็กๆ น้อยๆ คุณก็เอามาเป็นประเด็น เผลอๆ คุณอาจใส่ไฟเขาซ่ะก็ได้ ใครจะไปรู้
งั้นก็รับแค่แบงค์ยี่สิบต่อไปเถิด
---> ประโยคสุดท้ายของคุณสนับสนุนขอสันนิษฐานข้างบนของเรา อคติ ใส่ไฟ และเกินเยียวยา
ความคิดเห็นที่ 18
คนขาย เคยยืนขายของทั้งวันบ้างใหม
คนซื้อ ก็ฉันมีเงิน มีการศึกษางัย ฉันเลยไต้องมายืนขายของ
คนขาย เคยยืนหน้าเตาร้อนๆทั้งวันบ้างใหม
คนซื้อ บอกแล้วงัยฉันมีการศึกษา
คนขาย เคยยืนตากแดดเป็นชั่วโมงๆใหม
ตนซื้อ ฉันทำงานเป็นลูกจ้างสำนักงาน ทำไมต้องตากแดด
คนซื้อ ฉันมีแต่แบงค์ใหญ่ ทำไมไม่มีทอน ทำไมไม่ตระเตรียมให้พร้อม คนซื้อ10 คน เอาแบงค์ใหญ่มาคุณต้องมีทอนทั้ง 10 คน
คนขาย ก็ ผมขายของข้างถนน ผมเตรียมไว้ส่วนหนึ่ง ถ้ามาแค่ 2 คน ผม ก็แย่แล้ว
แบงค์ใหญ่มา เป็นแบงค์ปลอม ผมจะมีปัญญารู้ได้อย่างไรว่าแบงค์ปลอม
สรุป ถ้าผมมีเงินเป็นหมื่นเพื่อเตรียมาทอนต่อวันผมไม่มายืนขายของข้างถนนหรอก
คนซื้อ ก็ฉันมีเงิน มีการศึกษางัย ฉันเลยไต้องมายืนขายของ
คนขาย เคยยืนหน้าเตาร้อนๆทั้งวันบ้างใหม
คนซื้อ บอกแล้วงัยฉันมีการศึกษา
คนขาย เคยยืนตากแดดเป็นชั่วโมงๆใหม
ตนซื้อ ฉันทำงานเป็นลูกจ้างสำนักงาน ทำไมต้องตากแดด
คนซื้อ ฉันมีแต่แบงค์ใหญ่ ทำไมไม่มีทอน ทำไมไม่ตระเตรียมให้พร้อม คนซื้อ10 คน เอาแบงค์ใหญ่มาคุณต้องมีทอนทั้ง 10 คน
คนขาย ก็ ผมขายของข้างถนน ผมเตรียมไว้ส่วนหนึ่ง ถ้ามาแค่ 2 คน ผม ก็แย่แล้ว
แบงค์ใหญ่มา เป็นแบงค์ปลอม ผมจะมีปัญญารู้ได้อย่างไรว่าแบงค์ปลอม
สรุป ถ้าผมมีเงินเป็นหมื่นเพื่อเตรียมาทอนต่อวันผมไม่มายืนขายของข้างถนนหรอก
ความคิดเห็นที่ 16
แล้วทำไมต้องจ่ายแบงค์ 500 หรือแบงค์ 1000 เพื่อซื้อของราคาไม่กี่สิบบาท??
บางทีก็ไม่เข้าใจคนไทยเหมือนกันนะ ค่ารถเมล์ 8 บาทจะจ่ายแบงค์ร้อย บางคน 500
คือไม่รู้หรือว่าโง่ก็ไม่ทราบนะ ตอนเข้า ๆ นี่กระเป๋ารถเมล์เขาไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น
ซื้อของสิบบาท ยี่สิบบาทจะจ่ายแบงค์ 500 เพื่ออะไรเหรอ เวลากด ATM ก็มีแบงค์ 100 ให้กด
แต่บางคนก็มักง่ายกดที 1000 ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เอาไปซื้ออะไรราคาสูงเลย ถ้ากด 900 หรือ 400
ก็จะมีแบงค์ย่อยไว้ใช้แหละ หรือไปธนาคารก็ไม่รู้จักแลกแบงค์ย่อยกันเลยงงเหมือนกัน
ที่ธนาคารเขามีให้แลก อย่างเราจะแลกแบงค์ 20 มาทีละปึกเอาไว้จ่ายค่ารถ ค่าเรือ
และใช้จ่ายย่อยต่าง ๆ เลยไม่มีปัญหาในการใช้เงิน คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพกแบงค์ห้าร้อย
หรือแบงค์พัน ในเมื่อไม่ได้มีแผนจะซื้ออะไรราคาสูง ๆ
บางคนก็แสดงความเห็นประหนึ่งว่าร้านค้าเล็ก ๆ เขาจะมีเงินย่อยเยอะขนาดนั้น
วันหนึ่งเขาขายได้ไม่กี่พัน ต้นทุนกินไปเท่าไหร่ โดยเฉพาะร้านแผงลอยขายของกิน
ที่เขาซื้อของวันต่อวัน เขาคงไม่มีเงินทอนเยอะขนาดนั้น ขายได้เขาก็เอาไปเป็นทุน
ซื้อของมาขายวันต่อไป เขาคงไม่สามารถเตรียมเงินทอนเยอะ ๆ หรอก
บางทีก็ไม่เข้าใจคนไทยเหมือนกันนะ ค่ารถเมล์ 8 บาทจะจ่ายแบงค์ร้อย บางคน 500
คือไม่รู้หรือว่าโง่ก็ไม่ทราบนะ ตอนเข้า ๆ นี่กระเป๋ารถเมล์เขาไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น
ซื้อของสิบบาท ยี่สิบบาทจะจ่ายแบงค์ 500 เพื่ออะไรเหรอ เวลากด ATM ก็มีแบงค์ 100 ให้กด
แต่บางคนก็มักง่ายกดที 1000 ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เอาไปซื้ออะไรราคาสูงเลย ถ้ากด 900 หรือ 400
ก็จะมีแบงค์ย่อยไว้ใช้แหละ หรือไปธนาคารก็ไม่รู้จักแลกแบงค์ย่อยกันเลยงงเหมือนกัน
ที่ธนาคารเขามีให้แลก อย่างเราจะแลกแบงค์ 20 มาทีละปึกเอาไว้จ่ายค่ารถ ค่าเรือ
และใช้จ่ายย่อยต่าง ๆ เลยไม่มีปัญหาในการใช้เงิน คือไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพกแบงค์ห้าร้อย
หรือแบงค์พัน ในเมื่อไม่ได้มีแผนจะซื้ออะไรราคาสูง ๆ
บางคนก็แสดงความเห็นประหนึ่งว่าร้านค้าเล็ก ๆ เขาจะมีเงินย่อยเยอะขนาดนั้น
วันหนึ่งเขาขายได้ไม่กี่พัน ต้นทุนกินไปเท่าไหร่ โดยเฉพาะร้านแผงลอยขายของกิน
ที่เขาซื้อของวันต่อวัน เขาคงไม่มีเงินทอนเยอะขนาดนั้น ขายได้เขาก็เอาไปเป็นทุน
ซื้อของมาขายวันต่อไป เขาคงไม่สามารถเตรียมเงินทอนเยอะ ๆ หรอก
ความคิดเห็นที่ 27
ขอออกโรงมาเป็นปากเสียงแทนพ่อค้าแม่ขาย ที่ไม่มีโอกาสออกมาแชร์ประสบการณ์ผ่านโลกออนไลน์อย่างคุณ จขกท.ค่ะ
เพราะตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นคงจะกำลังก้มหน้าก้มตาทำมาหากินสุจริต มีรายได้พอยังชีพวันต่อวัน
ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วตามมาตอบกระทู้นี้
..จิตใจที่คับแคบ และมองด้วยอคติ มักจะบดบังข้อเท็จจริง ที่ถ้าคิดแบบใจเขาใจเราสักหน่อย ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก..
อย่าว่าแต่พ่อค้าแม่ขาย วันหนึ่งยอดขายอย่างเก่งก็ 2-3 พันบาท จะมีความสามารถเตรียมเงินทอนได้แค่ไหน
เราเคยทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายแคชเชียร์ของห้างค้าปลีก ตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ( ตอนคุณ จขกท. อาจจะเพิ่งเข้าอนุบาล )
เตรียมเงินทอนเพื่อรองรับช่วง long week end ที่เป็นเทศกาลใหญ่ เช่น ปีใหม่ / สงกรานต์
ตั้งแต่เหรียญสลึง ยันแบงก์ร้อย เป็นเงินสดอยู่ในห้องมั่นคง 10 ล้าน
..วันสุดท้ายของเทศกาล ยังแทบไม่พอทอนเลยค่ะ
ส่วนในกรณีพ่อค้าแม่ค้าที่หน้าตาไม่รับแขก หรือพูดจาไม่ดีใส่ลูกค้า
ถ้ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของเค้า สุดท้ายเค้าก็จะแพ้ภัยตัวเองไปเอง
เพราะเราในฐานะผู้บริโภคก็มีสิทธิเลือกที่จะไม่อุดหนุนสินค้าผู้ขายที่เราไม่ชอบได้เช่นกัน
แต่ในกรณีที่คุณ จขกท. เสนอประเด็นนี้ขึ้นมา
คงเห็นแล้วนะคะ ว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเค้าเข้าใจความจำเป็นของผู้ค้า
แต่คุณอ่านแล้วจะเข้าใจและอภัยให้คู่กรณีของคุณรึเปล่า
หรือแม้แต่สำนึกขอโทษที่เข้าใจเขาผิดไปรึเปล่า..อันนี้คุณต้องตอบตัวเองค่ะ
เพราะตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นคงจะกำลังก้มหน้าก้มตาทำมาหากินสุจริต มีรายได้พอยังชีพวันต่อวัน
ไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วตามมาตอบกระทู้นี้
..จิตใจที่คับแคบ และมองด้วยอคติ มักจะบดบังข้อเท็จจริง ที่ถ้าคิดแบบใจเขาใจเราสักหน่อย ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก..
อย่าว่าแต่พ่อค้าแม่ขาย วันหนึ่งยอดขายอย่างเก่งก็ 2-3 พันบาท จะมีความสามารถเตรียมเงินทอนได้แค่ไหน
เราเคยทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายแคชเชียร์ของห้างค้าปลีก ตั้งแต่เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ( ตอนคุณ จขกท. อาจจะเพิ่งเข้าอนุบาล )
เตรียมเงินทอนเพื่อรองรับช่วง long week end ที่เป็นเทศกาลใหญ่ เช่น ปีใหม่ / สงกรานต์
ตั้งแต่เหรียญสลึง ยันแบงก์ร้อย เป็นเงินสดอยู่ในห้องมั่นคง 10 ล้าน
..วันสุดท้ายของเทศกาล ยังแทบไม่พอทอนเลยค่ะ
ส่วนในกรณีพ่อค้าแม่ค้าที่หน้าตาไม่รับแขก หรือพูดจาไม่ดีใส่ลูกค้า
ถ้ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของเค้า สุดท้ายเค้าก็จะแพ้ภัยตัวเองไปเอง
เพราะเราในฐานะผู้บริโภคก็มีสิทธิเลือกที่จะไม่อุดหนุนสินค้าผู้ขายที่เราไม่ชอบได้เช่นกัน
แต่ในกรณีที่คุณ จขกท. เสนอประเด็นนี้ขึ้นมา
คงเห็นแล้วนะคะ ว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเค้าเข้าใจความจำเป็นของผู้ค้า
แต่คุณอ่านแล้วจะเข้าใจและอภัยให้คู่กรณีของคุณรึเปล่า
หรือแม้แต่สำนึกขอโทษที่เข้าใจเขาผิดไปรึเปล่า..อันนี้คุณต้องตอบตัวเองค่ะ

แสดงความคิดเห็น
ร้านขายลูกชิ้นหน้ามหาวิทยาลัย พ่อค้าติดป้ายไม่รับแบงค์๑พัน และ๕ร้อย
แต่การเป็นผู้ขายก็ต้องหาแลกมาเตรียมไว้ให้จงได้
ค้าขายต้องเข้าใจจุดนี้ เหมือนปฏิเสธลูกค้ายังไงชอบกล
เคยซื้อเขานะ ต้อนนั้นไม่เห็นป้าย เขาแสดงกริยาและวาจา น้ำเสียง ไม่สุภาพ จนต้องนำไปแลกเองเพื่อมาจ่าย
ตอนยื่นจ่ายก็ทำเงินร่วง ไม่ตรงมือรับ โมโหนี่นา ต่อจากนั้นไม่ย่างก้าวเข้าไปซื้ออีกเลย เสียความรู้สึก ไม่ประทับใจ
งั้นก็รับแค่แบงค์ยี่สิบต่อไปเถิด