เพิ่งจะไปทำ VISA USA บุคคล ชั่วคราว ประเภท นักท่องเที่ยว (B2) มา
เลยขอรวบรวมประสบการณ์ ขั้นตอน และ ข้อมูล ในการเตรียมใบสมัครและนัดสัมภาษณ์เพื่อว่าจะเป็นประโยชน์ กับใครที่กำลังจะขอบ้าง ส่วนใครจะถูกสัมภาษณ์อย่างไรเรื่องอะไรบ้างคงต้องไปลุ้นกันเอง
- เตรียมรูปถ่ายก่อนเลย มี 2 วิธี
1. ไปถ่ายรูปที่ร้านถ่ายรูป รูปถ่ายที่ได้ มีขนาด 2x2 นิ้ว ทำการ Scan เป็น .jpg เก็บไว้ใช้ตอนกรอกใบสมัคร ผมไม่แน่ใจว่าที่ร้านเขาจะให้ File รูปมาด้วยหรือเปล่า ถ้าให้มาก็นำไปใช้ได้เลย
2. ถ่ายเอง ผมใช้วิธีนี้ ใครจะถ่ายรูปเองผมมีข้อแนะนำดังนี้
2.1 เข้าไปดูตัวอย่างรูปที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้ ประมาณการว่าเราจะถ่ายรูปขนาดประมาณไหน
ที่
http://travel.state.gov/visa/visaphotoreq/photoexamples/photoexamples_5331.html
2.2 หาฉากหลังสีขาว จัดแสงให้ดีระวังเรื่องเงาที่จะไปบังส่วนต่างๆ ถ่ายให้ได้รูปประมาณตัวอย่าง หน้าให้ตรงเปิดให้เห็นใบหูอย่างที่ได้ยินมานั่นแหละไม่ต้องห่วงเรื่องขนาดที่ต้องให้ได้ 2x2 นิ้ว เดี๋ยวจะบอก website ที่มี program สำเร็จรูป ตัดรูปให้ได้ขนาดที่ต้องการ
2.3 ถ้าใช้ photo shop หรือ Program แต่งภาพอื่นๆ เป็น ก็จะมีประโยชน์มากเพราะบางทีหาฉากหลังที่เป็นสีขาวได้ค่อนข้างยาก ซึ่งถ้าไม่ได้สีขาวคราวนี้ต้องอาศัย Program แต่งภาพช่วยเพื่อตัดปะลงบนพื้นสีขาว ซึ่งขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อที่มีสีเข้มถ่ายรูปเพราะจะช่วยในการตัดรูปได้สะดวกขึ้น แนะนำให้แต่งหน้าให้เรียบร้อยก่อนถ่ายรูป เพราะห้ามตกแต่งใบหน้ารูปที่ถ่ายมาโดยเด็ดขาด ใครมีสิว ฝ้า อย่างไรก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น แต่สามารถเพิ่ม/ลด Brightness, Contrast ได้ จากนั้น ให้มาที่
http://travel.state.gov/_res/flash/cropper/FIG_cropper.html#
ทีนี่จะมี Program ตัดรูปที่เราถ่ายไว้ให้ได้ขนาด 2x2 นิ้ว รวมทั้งจัดการให้ได้ pixel ตามที่กำหนดไว้ save รูปสุดสวยเก็บไว้
ที่ผมไม่แน่ใจคือเรื่องการอัดรูป เพราะผมก็เตรียมไป 2 ใบ แต่ไม่ได้ใช้เลย
- กรอกใบสมัคร VISA DS-160
เตรียม บัตรประชาชนและPassport ให้พร้อม
ไปที่
https://ceac.state.gov/genniv/
เพื่อกรอกใบสมัคร VISA DS-160 ถึงขั้นตอนนี้ก็ต้องอาศัยความรู้ภาษาอังกฤษกันบ้างละ ถ้ากรอกยังไม่เสร็จเราสามรถ save แล้วมา เปิดกรอกต่อ แก้ไข เพิ่มเติมทีหลังได้ ในระหว่างการกรอกจะมีการให้เรา Upload รูปที่เราเตรียมไว้แล้ว โดยรูปนี้จะไปปรากฏในสมัคร VISA DS-160 ที่เรา Print ออกมา และถ้าสัมภาษณ์ผ่านจะไปอยู่ใน VISA ของเรา เมื่อกรอกของเราเรียบร้อยแล้วก็ทำการ Print ออกมาจะได้ ใบสมัคร VISA DS-160 มีรูปเราติดอยู่ พร้อมหมายเลขผู้สมัคร เอกสารนี้ต้องนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย ในกรณีที่ต้องการสมัครพร้อมครอบครัวจะมีปุ่มให้เราเลือกเพื่อกรอกสำหรับคนในครอบครัวที่จะสมัครคนต่อไปด้วยโดยจะมีข้อมูลบางส่วนที่เป็นของเราขึ้นมาซึ่งถ้าเป็นข้อมูลเดียวกันก็ใช้ได้เลยไม่ต้องกรอกใหม่ เมื่อกรอกเสร็จ ก็ทำการ Print ออกมา จะได้ ใบสมัคร VISA DS-160 มีรูปติดอยู่ พร้อมหมายเลขผู้สมัครของแต่ละคน
- การนัดวันสัมภาษณ์
1. เราต้องมี Pin Number เพื่อไปกรอก ใบสมัครนัดวันสัมภาษณ์
วิธีที่จะได้ Pin Number ไปที่ทำการไปรษณีย์ สาขาไหนก็ได้เอาบัตรประชาชนไปด้วย เมื่อไปถึงก็กรอก ธนาณัติ วิธีกรอกจะมีตัวอย่างที่ติดไว้ที่ทำการไปรษณีย์ ถ้าไม่มีติดไว้ ให้ถามเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่าจะขอซื้อ Pin สมัคร Visa สหรัฐอเมริกา ค่า Pin เมื่อเดือน พ.ค. 2556 คือ 360 บาท ต่อ 1 Pin Number นำธนาณัติที่กรอกแล้วพร้อมเงิน ให้เจ้าหน้าที่ เราจะได้ใบเสร็จรับเงินซึ่งมี Pin Number อยู่ด้วย
Pin Number 1 ใบ สามารถ ใช้ได้สูงสุด 4 คน โดยมีเงื่อนไขว่าต้อง เป็น พ่อ แม่ สามี ภรรยา พี่ น้อง หรือ ลูก และต้องสมัครพร้อมกันและต้องอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน โดยวันที่ไปสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่จะขอดูหลักฐาน สำมะโนครัว ตัวจริง ต้องนำติดตัวไปด้วย ไม่อย่างนั้นอาจต้องซื้อ Pin Number เพิ่ม ซึ่งจะเสียเวลามาก
ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้างบนก็ต้องซื้อ 1 Pin ต่อ 1 คน
ในกรณีที่มั่นใจว่าจะทำ Visa แน่ๆ และไม่อยากต้องมาที่ทำการไปรษณีย์อีกรอบ แนะนำให้จ่ายค่า สมัครขอ Visa ไปเลย ค่าสมัครขอ Visa เมื่อเดือน พ.ค. 2556 คือ 4,800 บาท / คน โดยบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอใบชำระค่าสมัคร Visa สหรัฐอเมริกา 1 คน ต่อ 1 ใบ และต้อง ใช้ Passport No. ในการกรอก ใบชำระค่าสมัคร Visa ดังนั้นอย่าลืมจด Passport No. ไปด้วย กรอกเสร็จส่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมเงิน จะได้ ใบเสร็จ ต้องนำไปด้วยในวันสัมภาษณ์ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจก็ไปดำเนินการสมัครนัดวันสัมภาษณ์ก่อนเมื่อได้วันที่แน่นอนแล้วค่อยไปจ่ายค่าสมัคร Visa ก็ได้
2. การกรอกใบสมัครวันนัดสัมภาษณ์
Pin ที่ได้มาจะใช้ในวันที่ซื้อทันทีไม่ได้ จะเริ่มใช้ได้ในวันทำการถัดไป หลัง 13.00 น.
การกรอกใบสมัครนัดวันสัมภาษณ์ ให้ไปที่
https://thailand.us-visaservices.com/Forms/SelfServiceLogin.aspx
เมื่อเข้าไปจะปรากฏหน้าให้ Log in ให้ กดที่ here
จากนั้นก็ เลือก Yes, แล้วกด Next
ก็จะเข้าหน้าที่ให้กรอกใบสมัครนัดสัมภาษณ์ ซึ่งเราต้องเตรียม Pin Number และหมายเลขผู้สมัคร ใน DS-160 เมื่อเรากรอกเสร็จ กรณี 1 Pin ใช้หลายคนจะมีปุ่มให้เรากรอกสำหรับคนถัดไป เมื่อเสร็จแล้วก็จะมีตารางวันนัดสัมภาษณ์ขึ้นมาให้ดูว่าวันไหนยังว่าง ให้เราเลือกวันที่ต้องการซึ่งจะมีให้เลือก2รอบ ทั้งรอบเช้าและบ่าย เมื่อกรอกครบถ้วนก็ทำการ Print จะได้ใบนัดสัมภาษณ์ซึ่งต้องนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย ถ้ายังไม่ได้ชำระค่าสมัคร Visa ให้ไปดำเนินการตามที่ได้แนะนำไว้แล้ว
- วันสัมภาษณ์
เอกสารที่ต้องเตรียมไป
- Passport, ถ้าเคยมี Visa USA ให้เอา Passport เล่มที่มี Visa ไปด้วย
- ใบสมัคร VISA DS-160
- ใบเสร็จค่าสมัคร Visa
- ใบนัดสัมภาษณ์
- ใบเสร็จค่า Pin
- ทะเบียนบ้านตัวจริงใช้ใน กรณี 1 Pin ใช้หลายคน
- หนังสือรับรองจากที่ทำงาน
- บัตรประชาชน
- รูปถ่าย (อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าไม่แน่ใจว่าต้องใช้หรือเปล่า แต่ผมว่าติดไป สัก 2 ใบ ก็ดี)
สำหรับคนเป็นพนักงานและมีใบรับรองจากที่ทำงาน เช่นเดียวกับผม เอกสาร ที่ว่ามาน่าจะพอ
ให้ไปถึงก่อนเวลาสักครึ่งชม.แล้วไปเข้าแถวรอหน้าประตูทางเข้า เพราะเจ้าหน้าที่จะเริ่มมาตรวจเอกสาร ถ้าไปก่อนจะต้องยืนรอนานไม่มีที่นั่งและแดดร้อน
เจ้าหน้าที่ที่นี่จะตรวจเอกสาร Passport, DS-160, ใบเสร็จค่าสมัคร Visa และ Pin ถ้า 1 Pin ใช้หลายคนจะต้องแสดงหลักฐาน สำมะโนครัวตัวจริง เมื่อตรวจเอกสารผ่านเจ้าหน้าที่จะให้ใบกรอกที่อยู่เพื่อส่ง Passport คืนซึ่งเอาไว้กรอกทีหลังได้เมื่อเราสัมภาษณ์ผ่าน จากนั้นจึงจะให้เดินเข้าไปด้านใน ขอแนะนำให้เตรียมกระเป๋าใบเล็กๆ เพื่อใส่สิ่งของที่ห้ามนำเข้าไป ได้แก่ อุปกรณ์ Electronic, อาวุธ เช่น มือถือซึ่งต้องปิดให้เรียบร้อย, สายหูฟัง, Thump Drive (ควรจะใส่รวบรวมไว้ก่อนเข้าไปด้านใน) เตรียมบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จะให้เอา สิ่งของที่ห้ามนำเข้าใส่กระเป๋าที่จัดเตรียมไว้ให้ ถ้าเราเตรียมกระเป๋าไปอีกใบและได้ใส่อุปกรณ์ที่ห้ามนำเข้าไว้ก่อนก็จะง่ายเพียงนำกระเป๋าเราใส่ในกระเป๋าของเจ้าหน้าที่ก็เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะเก็บกระเป๋าไว้ใน Locker และจะให้เราเก็บกุญแจ โดยแลกกับบัตรประชาชน ถ้าไปหลายคนใช้บัตรประชาชนใบเดียวแล้วเอาของที่ห้ามนำเข้ารวมใส่กระเป๋าใบเดียวกันได้
เมื่อผ่านการตรวจของแล้วก็จะเข้าไปที่โต๊ะตรวจเอกสารที่นี่จะขอเอกสารเพิ่มเช่น หนังสือรับรองจากที่ทำงาน Passportที่เคยมี Visa USA โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอกสารเป็นชุดใส่ซองพลาสติก แล้วให้ไปยื่นซอง ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่หน้าต่างหน้าห้องสัมภาษณ์ สำหรับผมเจ้าหน้าที่นี่ก็จะมีการซักถามเกี่ยวกับประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ประวัติการเดินทางเข้า USA จากนั้นก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วพร้อมกับให้หมายเลขลำดับการเข้าสัมภาษณ์ จากนั้นก็เข้าห้องเตรียมถูกเรียกสัมภาษณ์ ในห้องจะมีที่ให้นั่งรอ ส่วนที่สัมภาษณ์แบ่งเป็นช่องหน้าต่างหลายช่อง เจ้าหน้าที่จะเรียก เป็นกลุ่มหมายเลขเข้าแต่ละช่องเพื่อรับการสัมภาษณ์ สำหรับผมเจ้าหน้าที่ถามเรื่องทำงานที่ไหนทำเกี่ยวกับอะไร จะไปเที่ยวหรือไปหาใคร เหมือนชวนคุยมากกว่าสัมภาษณ์ เมื่อสัมภาษณ์ผ่าน เจ้าหน้าที่ก็จะเอา Passport เราไปเพื่อทำ Visa ถ้าไม่ผ่านจะคืน Passport พร้อมเอกสาร 1 ใบ ผมไม่ได้เห็นข้อความในนั้นเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร
เมื่อออกจากห้องสัมภาษณ์จะเห็นที่ทำการไปรษณีย์เล็กๆ ให้เรากรอกในใบกรอกที่อยู่ที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หน้าประตูทางเข้า กรอกเสร็จส่งให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่อยู่ในช่องหน้าต่าง พร้อมเงินค่าส่ง 80บาท ต่อเล่ม เจ้าหน้าที่จะให้ซองไปรษณีย์สีเหลือง ให้เรากรอกชื่อภาษาอังกฤษ ที่อยู่ภาษาไทย เสร็จแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่นั่งอยู่ข้างนอก เสร็จเรียบร้อยกลับบ้านได้ ของผมไปทำวันอังคาร วันพฤหัสก็ได้รับ Passport ที่มีVisa USA 10 ปีมาให้เชยชม
ขั้นตอนการขอ VISA USA บุคคล ชั่วคราว ประเภท นักท่องเที่ยว (B2)
เลยขอรวบรวมประสบการณ์ ขั้นตอน และ ข้อมูล ในการเตรียมใบสมัครและนัดสัมภาษณ์เพื่อว่าจะเป็นประโยชน์ กับใครที่กำลังจะขอบ้าง ส่วนใครจะถูกสัมภาษณ์อย่างไรเรื่องอะไรบ้างคงต้องไปลุ้นกันเอง
- เตรียมรูปถ่ายก่อนเลย มี 2 วิธี
1. ไปถ่ายรูปที่ร้านถ่ายรูป รูปถ่ายที่ได้ มีขนาด 2x2 นิ้ว ทำการ Scan เป็น .jpg เก็บไว้ใช้ตอนกรอกใบสมัคร ผมไม่แน่ใจว่าที่ร้านเขาจะให้ File รูปมาด้วยหรือเปล่า ถ้าให้มาก็นำไปใช้ได้เลย
2. ถ่ายเอง ผมใช้วิธีนี้ ใครจะถ่ายรูปเองผมมีข้อแนะนำดังนี้
2.1 เข้าไปดูตัวอย่างรูปที่ถูกต้องก่อน เพื่อจะได้ ประมาณการว่าเราจะถ่ายรูปขนาดประมาณไหน
ที่ http://travel.state.gov/visa/visaphotoreq/photoexamples/photoexamples_5331.html
2.2 หาฉากหลังสีขาว จัดแสงให้ดีระวังเรื่องเงาที่จะไปบังส่วนต่างๆ ถ่ายให้ได้รูปประมาณตัวอย่าง หน้าให้ตรงเปิดให้เห็นใบหูอย่างที่ได้ยินมานั่นแหละไม่ต้องห่วงเรื่องขนาดที่ต้องให้ได้ 2x2 นิ้ว เดี๋ยวจะบอก website ที่มี program สำเร็จรูป ตัดรูปให้ได้ขนาดที่ต้องการ
2.3 ถ้าใช้ photo shop หรือ Program แต่งภาพอื่นๆ เป็น ก็จะมีประโยชน์มากเพราะบางทีหาฉากหลังที่เป็นสีขาวได้ค่อนข้างยาก ซึ่งถ้าไม่ได้สีขาวคราวนี้ต้องอาศัย Program แต่งภาพช่วยเพื่อตัดปะลงบนพื้นสีขาว ซึ่งขอแนะนำว่าให้ใส่เสื้อที่มีสีเข้มถ่ายรูปเพราะจะช่วยในการตัดรูปได้สะดวกขึ้น แนะนำให้แต่งหน้าให้เรียบร้อยก่อนถ่ายรูป เพราะห้ามตกแต่งใบหน้ารูปที่ถ่ายมาโดยเด็ดขาด ใครมีสิว ฝ้า อย่างไรก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น แต่สามารถเพิ่ม/ลด Brightness, Contrast ได้ จากนั้น ให้มาที่ http://travel.state.gov/_res/flash/cropper/FIG_cropper.html#
ทีนี่จะมี Program ตัดรูปที่เราถ่ายไว้ให้ได้ขนาด 2x2 นิ้ว รวมทั้งจัดการให้ได้ pixel ตามที่กำหนดไว้ save รูปสุดสวยเก็บไว้
ที่ผมไม่แน่ใจคือเรื่องการอัดรูป เพราะผมก็เตรียมไป 2 ใบ แต่ไม่ได้ใช้เลย
- กรอกใบสมัคร VISA DS-160
เตรียม บัตรประชาชนและPassport ให้พร้อม
ไปที่ https://ceac.state.gov/genniv/
เพื่อกรอกใบสมัคร VISA DS-160 ถึงขั้นตอนนี้ก็ต้องอาศัยความรู้ภาษาอังกฤษกันบ้างละ ถ้ากรอกยังไม่เสร็จเราสามรถ save แล้วมา เปิดกรอกต่อ แก้ไข เพิ่มเติมทีหลังได้ ในระหว่างการกรอกจะมีการให้เรา Upload รูปที่เราเตรียมไว้แล้ว โดยรูปนี้จะไปปรากฏในสมัคร VISA DS-160 ที่เรา Print ออกมา และถ้าสัมภาษณ์ผ่านจะไปอยู่ใน VISA ของเรา เมื่อกรอกของเราเรียบร้อยแล้วก็ทำการ Print ออกมาจะได้ ใบสมัคร VISA DS-160 มีรูปเราติดอยู่ พร้อมหมายเลขผู้สมัคร เอกสารนี้ต้องนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย ในกรณีที่ต้องการสมัครพร้อมครอบครัวจะมีปุ่มให้เราเลือกเพื่อกรอกสำหรับคนในครอบครัวที่จะสมัครคนต่อไปด้วยโดยจะมีข้อมูลบางส่วนที่เป็นของเราขึ้นมาซึ่งถ้าเป็นข้อมูลเดียวกันก็ใช้ได้เลยไม่ต้องกรอกใหม่ เมื่อกรอกเสร็จ ก็ทำการ Print ออกมา จะได้ ใบสมัคร VISA DS-160 มีรูปติดอยู่ พร้อมหมายเลขผู้สมัครของแต่ละคน
- การนัดวันสัมภาษณ์
1. เราต้องมี Pin Number เพื่อไปกรอก ใบสมัครนัดวันสัมภาษณ์
วิธีที่จะได้ Pin Number ไปที่ทำการไปรษณีย์ สาขาไหนก็ได้เอาบัตรประชาชนไปด้วย เมื่อไปถึงก็กรอก ธนาณัติ วิธีกรอกจะมีตัวอย่างที่ติดไว้ที่ทำการไปรษณีย์ ถ้าไม่มีติดไว้ ให้ถามเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่าจะขอซื้อ Pin สมัคร Visa สหรัฐอเมริกา ค่า Pin เมื่อเดือน พ.ค. 2556 คือ 360 บาท ต่อ 1 Pin Number นำธนาณัติที่กรอกแล้วพร้อมเงิน ให้เจ้าหน้าที่ เราจะได้ใบเสร็จรับเงินซึ่งมี Pin Number อยู่ด้วย
Pin Number 1 ใบ สามารถ ใช้ได้สูงสุด 4 คน โดยมีเงื่อนไขว่าต้อง เป็น พ่อ แม่ สามี ภรรยา พี่ น้อง หรือ ลูก และต้องสมัครพร้อมกันและต้องอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน โดยวันที่ไปสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่จะขอดูหลักฐาน สำมะโนครัว ตัวจริง ต้องนำติดตัวไปด้วย ไม่อย่างนั้นอาจต้องซื้อ Pin Number เพิ่ม ซึ่งจะเสียเวลามาก
ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขข้างบนก็ต้องซื้อ 1 Pin ต่อ 1 คน
ในกรณีที่มั่นใจว่าจะทำ Visa แน่ๆ และไม่อยากต้องมาที่ทำการไปรษณีย์อีกรอบ แนะนำให้จ่ายค่า สมัครขอ Visa ไปเลย ค่าสมัครขอ Visa เมื่อเดือน พ.ค. 2556 คือ 4,800 บาท / คน โดยบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอใบชำระค่าสมัคร Visa สหรัฐอเมริกา 1 คน ต่อ 1 ใบ และต้อง ใช้ Passport No. ในการกรอก ใบชำระค่าสมัคร Visa ดังนั้นอย่าลืมจด Passport No. ไปด้วย กรอกเสร็จส่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมเงิน จะได้ ใบเสร็จ ต้องนำไปด้วยในวันสัมภาษณ์ แต่ถ้ายังไม่แน่ใจก็ไปดำเนินการสมัครนัดวันสัมภาษณ์ก่อนเมื่อได้วันที่แน่นอนแล้วค่อยไปจ่ายค่าสมัคร Visa ก็ได้
2. การกรอกใบสมัครวันนัดสัมภาษณ์
Pin ที่ได้มาจะใช้ในวันที่ซื้อทันทีไม่ได้ จะเริ่มใช้ได้ในวันทำการถัดไป หลัง 13.00 น.
การกรอกใบสมัครนัดวันสัมภาษณ์ ให้ไปที่
https://thailand.us-visaservices.com/Forms/SelfServiceLogin.aspx
เมื่อเข้าไปจะปรากฏหน้าให้ Log in ให้ กดที่ here
จากนั้นก็ เลือก Yes, แล้วกด Next
ก็จะเข้าหน้าที่ให้กรอกใบสมัครนัดสัมภาษณ์ ซึ่งเราต้องเตรียม Pin Number และหมายเลขผู้สมัคร ใน DS-160 เมื่อเรากรอกเสร็จ กรณี 1 Pin ใช้หลายคนจะมีปุ่มให้เรากรอกสำหรับคนถัดไป เมื่อเสร็จแล้วก็จะมีตารางวันนัดสัมภาษณ์ขึ้นมาให้ดูว่าวันไหนยังว่าง ให้เราเลือกวันที่ต้องการซึ่งจะมีให้เลือก2รอบ ทั้งรอบเช้าและบ่าย เมื่อกรอกครบถ้วนก็ทำการ Print จะได้ใบนัดสัมภาษณ์ซึ่งต้องนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย ถ้ายังไม่ได้ชำระค่าสมัคร Visa ให้ไปดำเนินการตามที่ได้แนะนำไว้แล้ว
- วันสัมภาษณ์
เอกสารที่ต้องเตรียมไป
- Passport, ถ้าเคยมี Visa USA ให้เอา Passport เล่มที่มี Visa ไปด้วย
- ใบสมัคร VISA DS-160
- ใบเสร็จค่าสมัคร Visa
- ใบนัดสัมภาษณ์
- ใบเสร็จค่า Pin
- ทะเบียนบ้านตัวจริงใช้ใน กรณี 1 Pin ใช้หลายคน
- หนังสือรับรองจากที่ทำงาน
- บัตรประชาชน
- รูปถ่าย (อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าไม่แน่ใจว่าต้องใช้หรือเปล่า แต่ผมว่าติดไป สัก 2 ใบ ก็ดี)
สำหรับคนเป็นพนักงานและมีใบรับรองจากที่ทำงาน เช่นเดียวกับผม เอกสาร ที่ว่ามาน่าจะพอ
ให้ไปถึงก่อนเวลาสักครึ่งชม.แล้วไปเข้าแถวรอหน้าประตูทางเข้า เพราะเจ้าหน้าที่จะเริ่มมาตรวจเอกสาร ถ้าไปก่อนจะต้องยืนรอนานไม่มีที่นั่งและแดดร้อน
เจ้าหน้าที่ที่นี่จะตรวจเอกสาร Passport, DS-160, ใบเสร็จค่าสมัคร Visa และ Pin ถ้า 1 Pin ใช้หลายคนจะต้องแสดงหลักฐาน สำมะโนครัวตัวจริง เมื่อตรวจเอกสารผ่านเจ้าหน้าที่จะให้ใบกรอกที่อยู่เพื่อส่ง Passport คืนซึ่งเอาไว้กรอกทีหลังได้เมื่อเราสัมภาษณ์ผ่าน จากนั้นจึงจะให้เดินเข้าไปด้านใน ขอแนะนำให้เตรียมกระเป๋าใบเล็กๆ เพื่อใส่สิ่งของที่ห้ามนำเข้าไป ได้แก่ อุปกรณ์ Electronic, อาวุธ เช่น มือถือซึ่งต้องปิดให้เรียบร้อย, สายหูฟัง, Thump Drive (ควรจะใส่รวบรวมไว้ก่อนเข้าไปด้านใน) เตรียมบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่จะให้เอา สิ่งของที่ห้ามนำเข้าใส่กระเป๋าที่จัดเตรียมไว้ให้ ถ้าเราเตรียมกระเป๋าไปอีกใบและได้ใส่อุปกรณ์ที่ห้ามนำเข้าไว้ก่อนก็จะง่ายเพียงนำกระเป๋าเราใส่ในกระเป๋าของเจ้าหน้าที่ก็เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะเก็บกระเป๋าไว้ใน Locker และจะให้เราเก็บกุญแจ โดยแลกกับบัตรประชาชน ถ้าไปหลายคนใช้บัตรประชาชนใบเดียวแล้วเอาของที่ห้ามนำเข้ารวมใส่กระเป๋าใบเดียวกันได้
เมื่อผ่านการตรวจของแล้วก็จะเข้าไปที่โต๊ะตรวจเอกสารที่นี่จะขอเอกสารเพิ่มเช่น หนังสือรับรองจากที่ทำงาน Passportที่เคยมี Visa USA โดยเจ้าหน้าที่จะรวบรวมเอกสารเป็นชุดใส่ซองพลาสติก แล้วให้ไปยื่นซอง ให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่หน้าต่างหน้าห้องสัมภาษณ์ สำหรับผมเจ้าหน้าที่นี่ก็จะมีการซักถามเกี่ยวกับประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ประวัติการเดินทางเข้า USA จากนั้นก็ให้พิมพ์ลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วพร้อมกับให้หมายเลขลำดับการเข้าสัมภาษณ์ จากนั้นก็เข้าห้องเตรียมถูกเรียกสัมภาษณ์ ในห้องจะมีที่ให้นั่งรอ ส่วนที่สัมภาษณ์แบ่งเป็นช่องหน้าต่างหลายช่อง เจ้าหน้าที่จะเรียก เป็นกลุ่มหมายเลขเข้าแต่ละช่องเพื่อรับการสัมภาษณ์ สำหรับผมเจ้าหน้าที่ถามเรื่องทำงานที่ไหนทำเกี่ยวกับอะไร จะไปเที่ยวหรือไปหาใคร เหมือนชวนคุยมากกว่าสัมภาษณ์ เมื่อสัมภาษณ์ผ่าน เจ้าหน้าที่ก็จะเอา Passport เราไปเพื่อทำ Visa ถ้าไม่ผ่านจะคืน Passport พร้อมเอกสาร 1 ใบ ผมไม่ได้เห็นข้อความในนั้นเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร
เมื่อออกจากห้องสัมภาษณ์จะเห็นที่ทำการไปรษณีย์เล็กๆ ให้เรากรอกในใบกรอกที่อยู่ที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ หน้าประตูทางเข้า กรอกเสร็จส่งให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่อยู่ในช่องหน้าต่าง พร้อมเงินค่าส่ง 80บาท ต่อเล่ม เจ้าหน้าที่จะให้ซองไปรษณีย์สีเหลือง ให้เรากรอกชื่อภาษาอังกฤษ ที่อยู่ภาษาไทย เสร็จแล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ที่นั่งอยู่ข้างนอก เสร็จเรียบร้อยกลับบ้านได้ ของผมไปทำวันอังคาร วันพฤหัสก็ได้รับ Passport ที่มีVisa USA 10 ปีมาให้เชยชม