SAS : San Antonio Spurs - วิเคราะห์เจาะ(ไม่ค่อย)ลึก WCF เกมส์ 3

กระทู้สนทนา
กลับมาอีกครั้งกลับกระทู้เก่งหลังเกมส์ ( ฮาๆ ) เอาเป็นว่าเป็นกระทู้วิเคราะห์สาเหตุและความน่าจะเป็นของเกมส์สำคัญ ของฝั่งตะวันตก มีคนหลังไมค์มาบอกว่าทำไมไม่ทำฝั่งตะวันออกด้วย มีอะไรหรือเปล่า คือไม่มีอะไรหรอกครับผมชี้เกียจครับ ( ฮาๆ ) ขอให้สนุกกับการอ่านกระทู้นี้ครับ มีอะไรแนะนำ ติเตือน เชิญได้เลยเต็มที่เลยครับผม อมยิ้ม17    

                 เกมส์นี้ถือว่าเป็นเกมส์สำคัญของทั้ง 2 ทีมที่ต้องมาเจอกัน ซาน อันโตนิโอ สเปอร์ส เก็บเกมส์ในบ้าน 2 เกมส์ก่อนนี้มาได้อย่างยากลำบาก เกมส์รับของ เมมฟิส กริซลี่ย์ จัดได้ว่าเป็นแนวหน้าและนัดนี้เป็นการไปเยือนถึงถิ่น  เมมฟิส กริซลี่ย์ ที่ตั้งแต่เข้าเพลย์ออฟมายังไม่เคยเสียเกมส์ในบ้านให้กับใครเลยถือว่าเป็นงานยากที่จะชนะได้

Q 1 : ความโกลาหลของ สเปอร์ส
เริ่มเกมส์มาทั้งสองฝั่งยังเปิดเกมส์กันได้ไม่ดีนัก แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือ สเปอร์ส ค่อนข้างจะตื่นสนาม พวกเขามีความผิดพลาดให้เห็นตั้งแต่เพลย์แรกๆที่พวกเขาเล่น โดยเฉพาะ ปาร์คเกอร์ ที่เสียเทิร์นโอเวอร์แทบทุกครั้งที่เขาพยายามเล่นบอล หลังจากเล่นไปได้แค่ราวๆ 3 นาที โค้ชป๊อปโปวิช ถึงกลับต้องขอเวลานอกอย่างรวดเร็วเพราะ สเปอร์ส โดนรัน 0 – 5 โดย สเปอร์ส เสียเทิร์นโอเวอร์ถึง 5 ครั้ง ( 4 ครั้งจาก ปาร์คเกอร์ อีกครั้งจาก ดันแคน ) กว่า สเปอร์ส จะได้แต้มแรกต้องรอ ถึง  4:20 นาที หลังจากตัวจริงเล่นไม่ออก โค้ชป๊อปโปวิช ต้องถอดตัวจริงทั้งหมดออกมานั่งหลังจากทำแต้มได้เพียง 5 แต้มและเสีย เทิร์นโอเวอร์ ถึงเจ็ดครั้งภายในเวลา 7:10 นาที แต่การส่งตัวสำรองลงมาก็แทบให้ผลไม่ต่างกัน มากนักกลับกัน กริซลี่ย์ ได้ พอนเด๊กเตอร์ คอนลี่ย์ และ ปริ๊นซ์ ที่วันนี้ฟอร์มการยิงระยะกลางและจากเส้นสามแต้มพวกเขาทำได้ดีมากๆ ผนวกเข้ากับเกมส์รับที่ดีอยู่แล้ว ควอร์เตอร์แรกจบที่สกอร์ 13 – 29

หลักฐานความโกลาหล


วิเคราะห์
เกมส์นี้ กริซลี่ย์ เล่นเกมส์รับได้ดีมาก โดยเฉพาะ คอนลี่ย์ ที่ประกบติดหนึบ ปาร์คเกอร์ เล่นเอา ปาร์ดเกอร์ กลายเป็นการ์ดที่ดูอ่อนไปในพริบตาต้องชมความสามารถของ คอนลี่ย์ ที่สามารถขโมยบอลได้ถึง 5 ครั้ง โดยความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยคือ เขาขึ้นไปประกบ ปาร์คเกอร์ สูงมาก ( ซึ่งเป็นความเสี่ยงพอสมควร ) แต่ด้วยความเข้าใจกันกับแนวรับทำให้ควอร์เตอร์แรก กริซลี่ย์ สามารถปิด ปาร์คเกอร์ ได้สนิท

คอนลี่ย์ ขึ้นประกบ ปาร์คเกอร์ สูง


โค้ชป๊อปโปวิช ถึงกับหัวเสียกับเรื่องนี้ชนิดให้สัมภาษณ์ตอบเพียง”  เทิร์นโอเวอร์ ” และ “ เทิร์นโอเวอร์ ”


Q 2 : สเปอร์ส เริ่มตั้งเกมส์ได้
เริ่มควอร์เตอร์ 2 สเปอร์ส กลับมาเล่นในเกมส์ที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง กลับกัน กริซลี่ย์ เสียเทิร์นโอเวอร์อย่างรวดเร็ว ( ไม่ถึง  1 นาที เสียเทิร์นโอเวอร์ถึง 2 ) โดยควอร์เตอร์นี้ โค้ชป๊อปโปวิช เปลี่ยนแผนเกมส์รับโดยให้ ลีโอนาร์ด ประกบ คอนลี่ย์ แทน ปาร์คเกอร์ ที่วันนี้ทำอะไรไม่ค่อยดีนักทั้งเกมส์รุกและรับ สเปอร์ส ใช้ฟอร์เวิร์ดที่ยิงจากระยะสามแต้มได้ดีอย่าง บอนเนอร์ และ ดิเยาว์ และการรันฟาสเบรกจาก ปาร์คเกอร์ เริ่มทำแต้มไล่มาทีละนิด ทางด้าน กริซลี่ย์ ที่ควอร์เตอร์นี้ต้องเสีย ปริ๊นซ์ หลังจากเวลาผ่านไปได้ประมาณ 3 นาทีของควอร์เตอร์ที่ 2 กริซลี่ย์จึงหันมาใช้การโจมตีหลักอย่าง มาร์ค กาซอล ที่มีการยิงระยะกลางได้ดี สลับกับ แรนดอฟ ที่มีลูกหนักเล่นงานใต้แป้น และยังมีลูกสามแต้มจาก พอนเด๊กเตอร์ ที่วันนี้ฟอร์มของเขาจากเส้นสามแต้มกำลังเล่นได้ดีขยับแต้มหนีไปเช่นกัน  หลังจากเล่นไปได้ซักระยะ สเปอร์ส ก็ใช้ความผิดพลาดของ กริซลี่ย์ ตีตื้นมาเหลือระยะห่างเพียง 4 แต้มก่อนหมดควอร์เตอร์นี้ไปที่ 40 – 44


กริซลี่ย์ ใช้เกมส์ พิค&โรล แล้วยิงสามแต้มจากการป้องกันผิดพลาดของ ปาร์คเกอร์


สเปอร์ส เลยวัดกันไปเลยว่าใครแม่นกว่า


วิเคราะห์
ควอร์เตอร์นี้ โค้ชป๊อปโปวิช พยายามไม่ให้ลูกทีมแตกตื่นและรวมกำลังใจไว้ให้สม่ำเสมอ และจากประสบการณ์ของตัวหลักของทีมที่สามารถช่วยให้ทีมกลับมาจากสถาณการณ์ที่ทีมตามหลังจากควอร์เตอร์แรกได้ดี (โดยเฉพาะ ดันแคน ที่เล่นได้ชนิดลืมแก่ทำไป 7 แต้มและสามารถเรียกฟาล์วได้เรื่อยๆป่วนแนวรับใต้แป้น กริซลี่ย์ จากการเล่นของเขา )



Q3: เกมส์เริ่มสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ
ควอร์เตอร์นี้เริ่มมา กริซลี่ย์ ได้ ปริ๊นซ์ กลับมาจากอาการบาดเจ็บ ทั้งสองฝั่งเริ่มเปิดเกมส์มากขึ้น สเปอร์ส เริ่มเล็งเห็นช่องโหว่ในแนวรับของกริซลี่ย์มากขึ้น เกมส์ พิค & โรล ของ ปาร์คเกอร์ เริ่มสำแดงผลและเขาเหมือนจะได้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง ทางฝั่ง กริซลี่ย์ ก็เหมือนจะได้ แรนดอฟ กลับมาเช่นกันแม้ แรนดอฟ จะยังไม่ได้ทำแต้มเป็นกอบเป็นกำแต่เขาก็สามารถเรียกฟาล์วสองครั้งจาก สปิทเตอร์ และทำให้เขาต้องออกไปนั่งหลังจากฟาล์ว 3 ครั้ง เกมส์ยังทำแต้มได้ไม่ห่างกันมากนัก แต่หลังจากที่ สเปอร์ส ตัดสินใจถอด ปาร์คเกอร์ ออกพักหลังจากเล่นควอร์เตอร์นี้ไป 7:18 นาที แต่ โจเซฟ ที่เปลี่ยนลงมานั้นกลับทำให้ สเปอร์ส มีช่องว่างและโดนเกมส์ฟาสเบรกจากความผิดพลาดของ  โจเซฟ ทำคะแนนออกห่างไปเป็น 9 แต้มหลังจาก ปาร์คเกอร์ นั่งไม่ถึง 2 นาที ( จากการยิงของ เบย์เลส ) หลังจากเล่นไปได้อีกซักพัก สเปอร์ส ก็ถอด ดันแคน ออกไปนั่งแต่ ดันแคน ก็ได้พักเพียงไม่นานเพราะ สปิทเตอร์ ที่ลงไปแทนเขาไม่กี่วินาทีก็เสียฟาล์วครั้งที่ 4 และ โค้ชป๊อปโปวิช ก็จำใจต้องให้ ดันแคน ลงไปเล่นในเวลาที่เหลือ ( ประมาณ 2 นาที ) และ บิ๊ก 3 ของ สเปอร์ส ก็ช่วยกันทำแต้มจนทีมไล่มาเหลือเพียง 1 แต้มก่อนหมดควอร์เตอร์นี้ไปได้ 64 - 65

วิเคราะห์
ควอร์เตอร์นี้ตัวหลักของทั้งสองทีมต้องเหนื่อยหนักเพราะเมื่อพวกเขาถอดคนใดคนหนึ่งออกจากทีม ทีมก็จะเสียสมดุลและโดนโจมตีทันที ควอร์เตอร์นี้ สเปอร์ส กลับมาเล่นได้ตามที่ตัวเองต้องการมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่ กริซลี่ย์ ก็ใช้เกมส์ที่ตัวเองถนัดเข้าทำ แต่เป็น สเปอร์ส ที่ทำแต้มได้ดีจนไล่มาเหลือเพียง 1 แต้ม

กริซลี่ย์ ใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งของ แรนดอฟ เข้าไปยึดพื้นที่ใต้แป้น ถ้าพลาดก็ยังมีคนเก็บรีบาวน์ได้


Q4 : เกมส์อึดอัดขึ้นเรื่อยๆ
ควอร์เตอร์นี้ สเปอร์ส ใช้ช่องว่างที่เจอในควอร์เตอร์ที่แล้วและได้ลูกยิง 3 แต้มจาก กรีน ทำให้ทีมขึ้นนำเป็นครั้งแรกแต่ กริซลี่ย์ ก็ยังไม่ยอมง่ายๆพวกเขาอาศัย คอนลี่ย์ ที่ยังมีความสดหลังจากได้พักในท้ายควอร์เตอร์ที่ 3 ป่วนแนวรับของ สเปอร์ส ได้ดีและยังได้ แรนดอฟ ที่ยังสามารถเก็บออฟเฟ้นท์ซีพรีบาวน์ได้เรื่อยๆ คอยเก็บจังหวะสอง ทำให้เกมส์สลับกันทำแต้ม  สลับกันขึ้นนำ  ชนิดไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะช่วง 2 นาทีท้ายที่เป็นเกมส์ที่ต้องใช้กำลังสู้กันทั้งสองทีม และเมื่อเวลาเหลือเพียง 1 นาทีและคะแนนเท่ากันที่ 86 - 86 กริซลี่ย์ ก็ต้องมาเสีย พอนเด๊กเตอร์ หลังจากที่เขาฟาล์วครั้งที่ 6 ซึ่งส่งผลกระทบต่อ กริซลี่ย์ ค่อนข้างมากเพราะเขาเล่นเป็นคนที่ทำแต้มสูงที่สุดจากการยิง 3 แต้มของเขา ก่อนหมดเวลา สเปอร์ส พลาดโอกาสขึ้นนำหลังจาก จิโนบิลี่ ไม่สามารถยิง 3 แต้มปิดเกมส์ได้ แต่ คอนลี่ย์ ก็ไม่สามารถ เลย์อัพ ปิดเกมส์ได้เช่นกันนำไปสู่การต่อเวลาพิเศษ

วิเคราะห์
ควอร์เตอร์ที่ 4 ทั้งสองทีมเหนื่อยหนักกว่าเดิมเพราะนี่เป็นเกมส์ที่ต้องใช้พละกำลังเข้าปะทะกันอย่างมาก แต่ทั้งสองทีมก็ตอบรับได้เป็นอย่างดี ทั้งสองทีมมีเกมส์รับที่ดีทำให้แต้มแต่ละแต้มค่อนข้างที่จะได้มาลำบากมากแต่ถ้าหาก กริซลี่ย์ ยังมี พอนเด๊กเตอร์ อยู่ในสนามพวกเขาอาจจะสามารถปิดเกมส์ได้ตั้งแต่ควอร์เตอร์นี้ไปแล้ว

สเปอร์สขึ้นนำครั้งแรกของเกมส์ โดยการยิงคอนเนอร์ทรี ได้พื้นที่จากการสกรีนโดย ดันแคน (เพลย์พื้นๆเลยนะเนี่ย)


สเปอร์ส ปิดเกมส์ไม่ลงจากลูกยิงสามแต้มของ จิโนบิลี่ ทั้งที่มีพื้นที่พอสมควร


กริซลี่ย์ ( โดย คอนลี่ย์ ) ก็ปิดเกมส์ไม่ลงเช่นกันจากจังหวะเลย์อัพ


OT : ประสบการณ์สำคัญเสมอ
ต้องบอกเลยว่าประสบการณ์ช่วย สเปอร์ส ไว้ได้มากจริงๆพวกเขาเล่นได้ดีมากๆในช่วง OT ผนวกเข้ากับอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดของฝั่ง กริซลี่ย์ ทำให้รอยร้าวในแนวรับค่อยๆปริแตกออกและเหมือนกับเกมส์ที่ 2 ดันแคน แสดงให้เห็นว่าเขามีไฟขนาดไหน ทั้งที่เขาเล่นไปถึง 44 นาที แต่เขาก็ยังเล่นได้แรงดีไม่มีตกและทำแต้มในช่วงต่อเวลาถึง 7 แต้มช่วยให้ทีมของเขาชนะไปในเกมส์สำคัญเกมส์นี้

วิเคราะห์
ช่วงต่อเวลา กริซลี่ย์ แรงตกไปอย่างไม่มีสาเหตุ ( อาจเป็นเพราะประสบการณ์บีบคั้นอย่างนี้ทีมนี้ยังไม่ค่อยเคยเจอมาก่อน ) ประกอบกับผู้เล่นที่จะช่วยให้ผ่านประสบการณ์อย่างนี้( พอนเด๊กเตอร์  และ ปริ๊น ) ก็ไม่สามารถลงเล่นได้ ( ปริ๊น ไม่สมบูรณ์ ) และนั่นทำให้ สเปอร์ส ใช้ช่องโหว่เดิมเข้าโจมตี ต้องยกความดีความชอบให้ ดันแคน ที่ยังแสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งที่หนึ่งในตำแหน่งพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดขนาดไหน

สเปอร์ส อาศัยการเล่น ไฮพิค&โรล เข้าเล่นงาน โดยให้ สปิทเตอร์ ที่ยังฟิตเข้าไปอัดวงในให้ ดันแคน และ ปาร์คเกอร์ เล่นสร้างจังหวะ


ดันแคนปิดเกมส์ได้อย่างสวยงาม


สรุป
เกมส์นี้ กริซลี่ย์ เริ่มต้นได้ดีพวกเขาปิดตัวทำเกมส์อย่าง ปาร์คเกอร์ ให้แทบไม่มีส่วนร่วมในเกมส์ โดยหวังจะให้ สเปอร์ส เล่นผิดพลาดยามทีพวกเขาเหนื่อยและขาดผู้นำในเกมส์รุก แต่กลับกันมันกลับย้อนทำร้ายตัวของพวกเขาเองเพราะ คอนลี่ย์ ต้องเหนื่อยกับการตามประกบ ปาร์คเกอร์ เหมือนกันทำให้ช่วงท้ายๆ คอนลี่ย์ หายไปจากเกมส์ โดยเฉพาะช่วงต่อเวลาที่พวกเขาไม่สามารถปิด ดันแคน เล่น พิค&โรล กับ ปาร์คเกอร์ ได้นั่นนำมาสู่การพ่ายแพ้ไปในท้ายที่สุด แต่ใช่ว่าซีรีย์นี้จะฟันธงได้ว่า กริซลี่ย์ แพ้ไปแล้ว ( ถึงแม้จากสถิติ 107 - 0 ใครขึ้นนำ 3 - 0 ก่อนไม่เคยแพ้ในท้ายที่สุดก็เถอะ ) เพราะหากพวกเขาสามารถเล่นได้เหมือนควอร์เตอร์แรกตลอดคาดว่า สเปอร์ส จะเจอเกมส์ที่หินหนักยิ่งขึ้นไปอีก

สุดท้ายขอแสดงความยินดีด้วยที่ ทิม ดันแคน ผ่าน  วิลท์ แชมเบอร์แลน เข้าไปเป็นอันดับสองตลอดในการทำ ดับเบิ้ล ดับเบิ้ล ( ในช่วงเพลย์ออฟ ) ถึงแม้จะหวังแซง เมจิค จอห์นสัน ได้ยากแต่เขาก็พึ่งทำอีกหนึ่งสถิติคือ บล็อก เกิน  500 ครั้งในเพลย์ออฟเป็นคนแรกไปแล้ว ( คารวะจากใจจริง อมยิ้ม36 )



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าครับผม อมยิ้ม17
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่