ตอนก่อนหน้า :
บทที่ 1 วิหคสวรรค์ :
http://pantip.com/topic/30360119
บทที่ 2 เจริญวัย :
http://pantip.com/topic/30383464
บทที่ 3 สองเงา :
http://pantip.com/topic/30416774

ดึกสงัด
แสงไฟจากคบไฟส่องสว่างอยู่ตามทางเดิน ลมราตรีกรีดประกายไฟให้ไหวระยับราวกับหญิงสาวกำลังร่ายรำอย่างครื้นเครง บรรยากาศภายในอัครสถานกลับวังเวงเศร้าสร้อย ประตูและหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ลมราตรีไม่อาจพัดมาสร้างความหฤหรรษ์หรือกระทั่งรำคาญใจ โคมไฟภายในหมู่ตึกทอแสงนวลตา ทว่าดูไปยิ่งริบหรี่ยิ่งเดียวดาย
ที่จริงผู้คนพากันมารายล้อมห้องชั้นในสุดของหอเยว่หลาง บ้างมีหยดน้ำคลอตา บ้างเปรอะเปื้อนดวงหน้าจนต้องยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดออก บ้างชะเง้อชะแง้แลหาว่าเมื่อใดจะถึงคราที่ตนถูกเรียกเข้าไปบ้าง
“โกวเจี้ยน”
บุรุษหนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่ง ด้านหลังอารักขาไว้ด้วยองครักษ์แปดคน เขาผู้นี้คือเยว่อ๋องหยุ่นฉางผู้ใกล้วางวาย อาศัยกำลังวังชาเฮือกสุดท้ายเอ่ยนามรัชทายาทสืบสายโลหิตเพียงเบาๆ มหาดเล็กที่รอฟังคำสั่งอยู่ก็รีบปราดออกมาถ่ายทอดคำสั่งที่หน้าห้อง
“ไต้อ๋องขอพบรัชทายาทโกวเจี้ยนพ่ะย่ะค่ะ”
“รับคำบัญชา”
โกวเจี้ยนรุดเข้าไปภายใน หลายวันผ่านพ้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมดูอาการ มาวันนี้เห็นสภาพพระบิดาแล้วใจหาย ใบหน้าของเยว่อ๋องซีดเซียวไร้สีเลือด ร่างกายผ่ายผอมอ่อนแรง แต่ยังฝืนกายประทับตัวตรงพลางกล่าว
“มาใกล้ๆ ให้บิดาเจ้าดูหน้าชัดๆซิ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โกวเจี้ยนโน้มตัวเข้าไปหาผู้เป็นบิดา หยุ่นฉางเยว่อ๋องยกมือขึ้นประทับไว้บนบ่า สำรวจบนใบหน้าบุตรชาย โกวเจี้ยนสืบทอดลักษณะโครงสร้างทั้งใบหน้าและรูปกายคล้ายกับตนในวัยหนุ่มฉกรรจ์ยิ่งนัก แต่โกวเจี้ยนยังมีอุปนิสัยที่ผิดแปลกแตกต่างอยู่บางเรื่องบางประการ ข้อนี้หยุ่นฉางเฝ้าเก็บงำไว้ในใจ ได้แต่บอกกล่าวเรื่องราวสำคัญ
“โตขึ้นมาก โตพอจะเป็นเยว่อ๋องได้แล้ว ต่อไป เจ้าต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ดี เข้าใจไหม”
โกวเจี้ยนถูกสายตาของหยุ่นฉางสำรวจมองจึงนึกครั่นคร้ามอยู่เป็นกำลัง เมื่อฟังคำ
“เยว่อ๋อง” ยิ่งรับรู้ถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ล้นพ้นประมาณ แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้าง แต่ได้ฟังแล้วกลับขวัญหนีดีฝ่อ ได้แต่โขกศีรษะลงกับพื้นพลางกล่าว
“คำสั่งพระบิดาหนักแน่นกว่าขุนเขา โกวเจี้ยนไม่กล้ารับไว้ ได้แต่ขอให้เสด็จพ่อหายประชวรโดยไว แล้วกลับมาปกครองไพร่ฟ้าไปอีกนับหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
“เพ้อเจ้อร่ำไร พ่อเจ้ากำลังจะตาย บ้านเมืองกำลังจะมีภัย ยังไม่มีสำนึกฮึกเหิมขึ้นมาครองราชย์อีก”
เยว่อ๋องหยุ่นฉางตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่น้ำเสียงหาได้กระด้างก้าวร้าวไม่ โกวเจี้ยนยิ่งฟังยิ่งน้ำตาคลอตา ก้มหน้ากัดฟันฝืนใจไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา
“หลังจากข้าตายแล้ว อย่ามัวพะวงกับพิธีการทำศพ เจ้าจงตระเตรียมขุนศึกและไพร่พลไว้รับมือกับการศึกจากเมืองอู๋ ช้าเร็วยังไม่รู้ประมาณ เจ้าจะมัวพิรี้พิไรร่ำไห้ถึงบิดาเจ้าไม่ได้ เข้าใจไหม”
โกวเจี้ยนผงกศีรษะ เงยหน้าขึ้นรับคำ
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
เยว่อ๋องหยุ่นฉางทอดถอนหายใจยืดยาว กล้ำกลืนความปวดร้าวของมรณะภัยที่กำลังคุกคาม แต่สำนึกที่ตนเป็นต้นเหตุแห่งสงครามทำให้ต้องรวบรวมกำลังกล่าวสืบต่อ
“อู๋อ๋องเหอหลี ย่อมต้องคิดแค้นเมืองเยว่ของเราอยู่สองส่วน แต่อีกแปดส่วนคืออู๋จื่อซี ที่มีใจอาฆาตมาตั้งแต่ครั้งที่ต้องถอยทัพออกจากเมืองฉู่เพราะทัพเยว่ของพวกเราไปล้อมเมืองอู๋ไว้ คราวก่อนบิดาเจ้าถอนทัพออกมาเพราะเกรงบารมีของอู๋อ๋องเหอหลีและซุนวู แต่ม้าเร็วพึ่งส่งข่าวมาบอกว่าซุนวูขอถอนตัวออกจากแคว้นอู๋ ไม่ขอรบทัพจับศึกใดๆ อีก นี่อาจเป็นความปรานีของฟ้า ไม่ให้เจ้าต้องรับศึกหนักเกินไป"
โกวเจี้ยนเงยหน้ารอฟัง หากแต่เยว่อ๋องหยุ่นฉางบอกกล่าวมากคำเกินไป ได้แต่หยุดยั้งแล้วรวบรวมกำลังภายในขึ้นมาใหม่ก่อนกล่าวต่อ
“แต่เจ้าอย่าพึ่งชะล่าใจ จงส่งคนไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาไว้เป็นกุนซือข้างกายเจ้าโดยไวที่สุด”
หยุดไว้เพียงเท่านั้น โกวเจี้ยนกลั้นใจตาม อาการของหยุ่นฉางยิ่งมายิ่งทรุดหนัก ทว่ายังห่วงอนาคตของรัชทายาทและบ้านเมือง โกวเจี้ยนรู้ว่านี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้าย ไม่อาจละทิ้งโอกาสสำคัญ พลั้งปากถาม
“เหวินจงและฟ่านหลี เป็นใครหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เหวินจงเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อ เป็นน้องชายต่างสายโลหิตของเจ้าที่บิดาหมายจะให้มาช่วยเจ้าดูแลบ้านเมือง เวลานี้เขาพักอาศัยอยู่กับฟ่านหลี ศิษย์รุ่นที่ห้าของไป่หลีซือ”
“ปะ ไป่หลีซือ ที่ช่วยราชวงศ์มู่แห่งแคว้นฉินรวบรวม 12 แคว้นเข้าไว้ด้วยกันน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง จากนั้น เขาทำการสืบทอดพิชัยยุทธจากรุ่นสู่รุ่น ฟ่านหลีเป็นรุ่นที่ห้า สมควรได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกและกุนซือที่เกรียงไกรไม่แพ้ซุนวู แต่เมื่อฟ่านหลีไปถวายการรับใช้ให้แคว้นฉู่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน แคว้นฉู่กลับไม่เคยเห็นคุณค่าของเพชรงามเม็ดนี้ เจ้าจงใช้ความสัมพันธ์ของพ่อกับเหวินจงตามตัวพวกเขามา ทำได้ไหม”
“ได้พะย่ะค่ะ”
โกวเจี้ยนรับคำแล้วโขกศีรษะคำนับ ขณะที่หยุ่นฉางเยว่อ๋องค่อยๆ เอนกายลงแนบกับพนัก
“เจ้าไปเถอะ บิดาอยากพักผ่อน”
กล่าวจบแล้วหยุ่นฉางเยว่อ๋องพลันปิดวาจา และปิดตาลง ลมหายใจรวยรินยังกระเพื่อมไหวอยู่ในอก โกวเจี้ยนยืนหยัดกายตรงและเดินออกจากห้องที่มหาดเล็กเปิดประตูนำ
เมื่อโกวเจี้ยนปรากฏกายออกมา ร่างสูงใหญ่ยืนผงาดอย่างสง่างาม ต้นห้องต่างค้อมตัวลงกล่าวถวายพระพร จากนั้นเชื้อพระวงศ์ พลทหาร และเหล่านางกำนัลต่างสอดเสียงประสาน
“ถวายพระพรเยว่อ๋องโกวเจี้ยน ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”
เยว่อ๋องโกวเจี้ยนหันมองไปรอบๆ ประสานมือสองข้างยกขึ้นข้างหน้ารับการคารวะจากข้าราชบริพารรอบตัว บัญชาแรกของเยว่อ๋องคนใหม่ คือการรับสั่งให้องครักษ์ที่ปราดเปรียวที่สุดไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาเข้าเฝ้าในเร็ววัน และให้ส่งข่าวไปทั่วแคว้นว่าในระหว่างทาง หากเหวินจงและฟ่านหลีเดินทางผ่านแห่งหนตำบลใด ให้จัดสุราอาหารและที่พักให้อย่างดีที่สุด
“แล้วเรื่องพระอาการของไต้อ๋องหยุ่นฉางเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ปกปิดไว้ก่อน อย่าได้แพร่งพรายออกไปจนกว่าข้าจะมีคำสั่ง”
พลทหารรับคำบัญชา ประตูห้องของไต้อ๋องหยุ่นฉางถูกปิดพับอย่างปราศจากถ้อยคำพิรี้พิไร เยว่อ๋องโกวเจี้ยนเสด็จออกไปยังที่ประทับโดยไม่หวนกลับมายังห้องนั้นอีก
...
...
...
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *
[นิยายจีน] ตำนานไซซี บทที่ 4 : ก่อนการสัประยุทธ์
บทที่ 1 วิหคสวรรค์ : http://pantip.com/topic/30360119
บทที่ 2 เจริญวัย : http://pantip.com/topic/30383464
บทที่ 3 สองเงา : http://pantip.com/topic/30416774
ดึกสงัด
แสงไฟจากคบไฟส่องสว่างอยู่ตามทางเดิน ลมราตรีกรีดประกายไฟให้ไหวระยับราวกับหญิงสาวกำลังร่ายรำอย่างครื้นเครง บรรยากาศภายในอัครสถานกลับวังเวงเศร้าสร้อย ประตูและหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ลมราตรีไม่อาจพัดมาสร้างความหฤหรรษ์หรือกระทั่งรำคาญใจ โคมไฟภายในหมู่ตึกทอแสงนวลตา ทว่าดูไปยิ่งริบหรี่ยิ่งเดียวดาย
ที่จริงผู้คนพากันมารายล้อมห้องชั้นในสุดของหอเยว่หลาง บ้างมีหยดน้ำคลอตา บ้างเปรอะเปื้อนดวงหน้าจนต้องยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดออก บ้างชะเง้อชะแง้แลหาว่าเมื่อใดจะถึงคราที่ตนถูกเรียกเข้าไปบ้าง
“โกวเจี้ยน”
บุรุษหนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่ง ด้านหลังอารักขาไว้ด้วยองครักษ์แปดคน เขาผู้นี้คือเยว่อ๋องหยุ่นฉางผู้ใกล้วางวาย อาศัยกำลังวังชาเฮือกสุดท้ายเอ่ยนามรัชทายาทสืบสายโลหิตเพียงเบาๆ มหาดเล็กที่รอฟังคำสั่งอยู่ก็รีบปราดออกมาถ่ายทอดคำสั่งที่หน้าห้อง
“ไต้อ๋องขอพบรัชทายาทโกวเจี้ยนพ่ะย่ะค่ะ”
“รับคำบัญชา”
โกวเจี้ยนรุดเข้าไปภายใน หลายวันผ่านพ้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมดูอาการ มาวันนี้เห็นสภาพพระบิดาแล้วใจหาย ใบหน้าของเยว่อ๋องซีดเซียวไร้สีเลือด ร่างกายผ่ายผอมอ่อนแรง แต่ยังฝืนกายประทับตัวตรงพลางกล่าว
“มาใกล้ๆ ให้บิดาเจ้าดูหน้าชัดๆซิ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
โกวเจี้ยนโน้มตัวเข้าไปหาผู้เป็นบิดา หยุ่นฉางเยว่อ๋องยกมือขึ้นประทับไว้บนบ่า สำรวจบนใบหน้าบุตรชาย โกวเจี้ยนสืบทอดลักษณะโครงสร้างทั้งใบหน้าและรูปกายคล้ายกับตนในวัยหนุ่มฉกรรจ์ยิ่งนัก แต่โกวเจี้ยนยังมีอุปนิสัยที่ผิดแปลกแตกต่างอยู่บางเรื่องบางประการ ข้อนี้หยุ่นฉางเฝ้าเก็บงำไว้ในใจ ได้แต่บอกกล่าวเรื่องราวสำคัญ
“โตขึ้นมาก โตพอจะเป็นเยว่อ๋องได้แล้ว ต่อไป เจ้าต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ดี เข้าใจไหม”
โกวเจี้ยนถูกสายตาของหยุ่นฉางสำรวจมองจึงนึกครั่นคร้ามอยู่เป็นกำลัง เมื่อฟังคำ “เยว่อ๋อง” ยิ่งรับรู้ถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ล้นพ้นประมาณ แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้าง แต่ได้ฟังแล้วกลับขวัญหนีดีฝ่อ ได้แต่โขกศีรษะลงกับพื้นพลางกล่าว
“คำสั่งพระบิดาหนักแน่นกว่าขุนเขา โกวเจี้ยนไม่กล้ารับไว้ ได้แต่ขอให้เสด็จพ่อหายประชวรโดยไว แล้วกลับมาปกครองไพร่ฟ้าไปอีกนับหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ”
“เพ้อเจ้อร่ำไร พ่อเจ้ากำลังจะตาย บ้านเมืองกำลังจะมีภัย ยังไม่มีสำนึกฮึกเหิมขึ้นมาครองราชย์อีก”
เยว่อ๋องหยุ่นฉางตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่น้ำเสียงหาได้กระด้างก้าวร้าวไม่ โกวเจี้ยนยิ่งฟังยิ่งน้ำตาคลอตา ก้มหน้ากัดฟันฝืนใจไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา
“หลังจากข้าตายแล้ว อย่ามัวพะวงกับพิธีการทำศพ เจ้าจงตระเตรียมขุนศึกและไพร่พลไว้รับมือกับการศึกจากเมืองอู๋ ช้าเร็วยังไม่รู้ประมาณ เจ้าจะมัวพิรี้พิไรร่ำไห้ถึงบิดาเจ้าไม่ได้ เข้าใจไหม”
โกวเจี้ยนผงกศีรษะ เงยหน้าขึ้นรับคำ
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
เยว่อ๋องหยุ่นฉางทอดถอนหายใจยืดยาว กล้ำกลืนความปวดร้าวของมรณะภัยที่กำลังคุกคาม แต่สำนึกที่ตนเป็นต้นเหตุแห่งสงครามทำให้ต้องรวบรวมกำลังกล่าวสืบต่อ
“อู๋อ๋องเหอหลี ย่อมต้องคิดแค้นเมืองเยว่ของเราอยู่สองส่วน แต่อีกแปดส่วนคืออู๋จื่อซี ที่มีใจอาฆาตมาตั้งแต่ครั้งที่ต้องถอยทัพออกจากเมืองฉู่เพราะทัพเยว่ของพวกเราไปล้อมเมืองอู๋ไว้ คราวก่อนบิดาเจ้าถอนทัพออกมาเพราะเกรงบารมีของอู๋อ๋องเหอหลีและซุนวู แต่ม้าเร็วพึ่งส่งข่าวมาบอกว่าซุนวูขอถอนตัวออกจากแคว้นอู๋ ไม่ขอรบทัพจับศึกใดๆ อีก นี่อาจเป็นความปรานีของฟ้า ไม่ให้เจ้าต้องรับศึกหนักเกินไป"
โกวเจี้ยนเงยหน้ารอฟัง หากแต่เยว่อ๋องหยุ่นฉางบอกกล่าวมากคำเกินไป ได้แต่หยุดยั้งแล้วรวบรวมกำลังภายในขึ้นมาใหม่ก่อนกล่าวต่อ
“แต่เจ้าอย่าพึ่งชะล่าใจ จงส่งคนไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาไว้เป็นกุนซือข้างกายเจ้าโดยไวที่สุด”
หยุดไว้เพียงเท่านั้น โกวเจี้ยนกลั้นใจตาม อาการของหยุ่นฉางยิ่งมายิ่งทรุดหนัก ทว่ายังห่วงอนาคตของรัชทายาทและบ้านเมือง โกวเจี้ยนรู้ว่านี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้าย ไม่อาจละทิ้งโอกาสสำคัญ พลั้งปากถาม
“เหวินจงและฟ่านหลี เป็นใครหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เหวินจงเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อ เป็นน้องชายต่างสายโลหิตของเจ้าที่บิดาหมายจะให้มาช่วยเจ้าดูแลบ้านเมือง เวลานี้เขาพักอาศัยอยู่กับฟ่านหลี ศิษย์รุ่นที่ห้าของไป่หลีซือ”
“ปะ ไป่หลีซือ ที่ช่วยราชวงศ์มู่แห่งแคว้นฉินรวบรวม 12 แคว้นเข้าไว้ด้วยกันน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง จากนั้น เขาทำการสืบทอดพิชัยยุทธจากรุ่นสู่รุ่น ฟ่านหลีเป็นรุ่นที่ห้า สมควรได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกและกุนซือที่เกรียงไกรไม่แพ้ซุนวู แต่เมื่อฟ่านหลีไปถวายการรับใช้ให้แคว้นฉู่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน แคว้นฉู่กลับไม่เคยเห็นคุณค่าของเพชรงามเม็ดนี้ เจ้าจงใช้ความสัมพันธ์ของพ่อกับเหวินจงตามตัวพวกเขามา ทำได้ไหม”
“ได้พะย่ะค่ะ”
โกวเจี้ยนรับคำแล้วโขกศีรษะคำนับ ขณะที่หยุ่นฉางเยว่อ๋องค่อยๆ เอนกายลงแนบกับพนัก
“เจ้าไปเถอะ บิดาอยากพักผ่อน”
กล่าวจบแล้วหยุ่นฉางเยว่อ๋องพลันปิดวาจา และปิดตาลง ลมหายใจรวยรินยังกระเพื่อมไหวอยู่ในอก โกวเจี้ยนยืนหยัดกายตรงและเดินออกจากห้องที่มหาดเล็กเปิดประตูนำ
เมื่อโกวเจี้ยนปรากฏกายออกมา ร่างสูงใหญ่ยืนผงาดอย่างสง่างาม ต้นห้องต่างค้อมตัวลงกล่าวถวายพระพร จากนั้นเชื้อพระวงศ์ พลทหาร และเหล่านางกำนัลต่างสอดเสียงประสาน
“ถวายพระพรเยว่อ๋องโกวเจี้ยน ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ”
เยว่อ๋องโกวเจี้ยนหันมองไปรอบๆ ประสานมือสองข้างยกขึ้นข้างหน้ารับการคารวะจากข้าราชบริพารรอบตัว บัญชาแรกของเยว่อ๋องคนใหม่ คือการรับสั่งให้องครักษ์ที่ปราดเปรียวที่สุดไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาเข้าเฝ้าในเร็ววัน และให้ส่งข่าวไปทั่วแคว้นว่าในระหว่างทาง หากเหวินจงและฟ่านหลีเดินทางผ่านแห่งหนตำบลใด ให้จัดสุราอาหารและที่พักให้อย่างดีที่สุด
“แล้วเรื่องพระอาการของไต้อ๋องหยุ่นฉางเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ปกปิดไว้ก่อน อย่าได้แพร่งพรายออกไปจนกว่าข้าจะมีคำสั่ง”
พลทหารรับคำบัญชา ประตูห้องของไต้อ๋องหยุ่นฉางถูกปิดพับอย่างปราศจากถ้อยคำพิรี้พิไร เยว่อ๋องโกวเจี้ยนเสด็จออกไปยังที่ประทับโดยไม่หวนกลับมายังห้องนั้นอีก
...
...
...
* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• *