“พร้อมพงศ์” ยก “ปู” เป็นประชาธิปไตยมากกว่า “อภิสิทธิ์”
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 17:22 น.
“พร้อมพงศ์” ยก “ปู” เป็นประชาธิปไตยมากกว่า “อภิสิทธิ์” แนะ ย้อนดูพฤติกรรมในอดีต ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร-ฉกส.ส.งูเห่า เพื่อให้ได้อำนาจ อ้าง “ทักษิณ” บังหน้าขวางปรองดอง
วันนี้ (24 พ.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยและตี 2 หน้าเพื่อช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า วาทกรรมดังกล่าวสะท้อนหลักคิดและตัวตนของนายอภิสิทธิ์ ว่าดีแต่กล่าวร้ายคนอื่น โดยไม่ย้อนมองดูตัวเอง หากเปรียบเทียบนายอภิสิทธิ์กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเห็นมุมมองประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน นายอภิสิทธิ์ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ขโมยนักการเมืองในรูปแบบงูเห่าเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยการชนะเลือกตั้ง ตรงข้ามกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ชนะเลือกตั้งท่วมท้น เป็นนายกรัฐมนตรี ตามวิถีทางประชาธิปไตย ข้องใจว่านายอภิสิทธิ์เคยอายปากตัวเองบ้างหรือไม่ พูดอะไรออกมาก็เข้าตัวหมด ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้พูดประชาธิปไตยแต่ปากและไม่มีการตี 2 หน้า พฤติกรรมแบบนี้คงต้องย้อนไปดูตอนที่นายอภิสิทธิ์เอากุหลาบไปมอบให้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือการตี 2 หน้าที่แท้จริง
“ในวันวิสาขบูชาอยากให้นายอภิสิทธิ์คิดถึง หิริ โอตัปปะ ให้มาก เพราะยังไม่เคยเห็นท่าทีสำนึกถึงการบริหารที่ผิดพลาดจนมีคนเจ็บเกือบ 2,000 คนตายกว่า 100 ซ้ำยังก้มหน้าก้มตาขัดขวางการออกกฎหมายปรองดอง นิรโทษกรรม ไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือประชาชน เอาแต่อ้างเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มาบังหน้า ขัดขวางการปรองดองของคนในชาติอยู่เรื่อยไป อยากให้นายอภิสิทธิ์ไปเปิดดูรัฐธรรมนูญในเรื่องแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ระบุในเรื่องของการรู้รักสามัคคี ซึ่งน่าจะไม่เคยเปิดดูหรือดูไม่ลึกซึ้ง ดังนั้นผมจะส่งเป็นหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ให้นายอภิสิทธิ์อ่าน เพื่อไม่ให้ไปต่อต้านหรือตั้งเวทีที่ไหน เพราะอาจจะเป็นคนที่ขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง” นายพร้อมพงศ์ กล่าว.
http://www.dailynews.co.th/politics/206767
“มาร์ค” ยกหลัก อริยสัจสี่ แนะ รบ.ใช้หาทางออกให้ประเทศ
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 12:01 น.
“มาร์ค” ยกหลัก อริยสัจสี่ แนะรบ.ใช้หาทางออกให้ประเทศ งง ส.ส.เพื่อไทย ภูมิใจ มีตัวเงินตัวทอง ร่วมเสนอกม.ปรองดอง ห่วง มหาดไทยถลุงงบ สานเสวนา หาคำตอบให้รบ. ชี้ ถ้าผลไม่ถูกใจถูกฉีกอีกแน่นอน ซัด พวกจ้องดิสเครดิตศาล ยัน รธน.50 เปิดช่อง “ทักษิณ” อุทธรณ์ได้หากมีข้อมูลใหม่
วันนี้( 24 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชแนล ถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรม จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิการเมือง เกี่ยวกับการทำงานของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีรัฐมนตรีได้ท้วงระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีผู้ที่ถูกลงโทษควรมีสิทธิในการอุทธรณ์ไปยังองค์กรที่ใหญ่กว่า ซึ่งถ้าเราติดตามจะพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินในคดีที่ดินรัชดา คดีการยึดทรัพย์ จึงมองได้ว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการดิสเครดิตองค์กรยุติธรรม และรายงานของรัฐบาลก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็น คือ 1.รัฐธรรมนูญ ปี 50 เปิดช่องให้มีการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา และ2.หลายประเทศในยุโรป จะไม่ให้มีการอุทธรณ์ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำทุจริต โดยเขาใช้ศาลสูงจัดการเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทย จะจัดเวทีประชาเสวนานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นห่วงว่า จะไม่ทำตามหลักวิชาการตามข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า และกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เพื่อหาคำตอบเรื่องนิรโทษกรรมและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน และไม่มีความชอบธรรมเบี่ยงเบนไปตามกรอบที่รัฐบาลหยิบยื่นให้ โดยเฉพาะคู่มือของวิทยากร แผ่นพับ บทสรุป น่าเป็นห่วง ดูแล้วอันตราย เพราะดูเหมือนตั้งไว้เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของรัฐบาล และที่มีการสรุปมาก็เป็นแบบเอียงข้าง โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการสรุปว่า สาเหตุที่เกิดความขัดแย้ง เพราะมีคนไม่อยากสูญเสียอำนาจ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถือว่า เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นงานฝ่ายอื่น จึงน่าติดตามดูเวทีนี้ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ โดยถ้าคำตอบออกมาไม่ถูกใจรัฐบาล รัฐบาลก็คงจะฉีกข้อสรุปอีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปรองดองแห่งชาติ ฉบับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ นั้น ตนอยากให้ย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ร.ต.อ.เฉลิม เคยให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบ ซึ่งวันนั้นมีตัวเงินตัวทองเดินผ่านวงสัมภาษณ์ และร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า ขนาดตัวเงินตัวทองยังเห็นด้วย จึงไม่แปลกที่ตัวเงินตัวทองจะไปร่วมอยู่ในการยื่นร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ด้วย โดยทางกลุ่มส.ส.ที่ไปยื่นก็รู้สึกภูมิอกภูมิใจบอกว่า แม้แต่ตัวเงินตัวทองยังปรองดองด้วย ถ้าคิดเช่นนั้นตนก็คงยอมแพ้ ทั้งนี้ยืนยันว่า แม้จะมีการตัดมาตรา 5ออกไป ก็ยังคงเป็นกฎหมายการเงินอยู่ดี เพราะในมาตรา 4 กำหนดเรื่องสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์สินคืนจากรัฐ ซึ่งต้องดูต่อไป เพราะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประธานสภาฯ หากเห็นว่า เป็นกฎหมายการเงิน ก็ต้องส่งให้นายกฯ เซ็นรับรอง แต่หากมีการยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับกฎหมายการเงิน ถ้ากระบวนการไม่ชอบก็จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เราสามารถนำหลักธรรม อริยสัจสี่ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ดูกันด้วยเหตุ ด้วยผล แก้ปัญหาจากต้นเหตุ มาหาทางออกให้กับประเทศได้
http://www.dailynews.co.th/politics/206731
“พร้อมพงศ์”ยก“ปู”เป็นประชาธิปไตยมากกว่า“มาร์ค” / “มาร์ค”ยกหลักอริยสัจสี่แนะ รบ.ใช้หาทางออกให้ประเทศ (ไม่เข้ากับมาร์คเลย)
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 17:22 น.
“พร้อมพงศ์” ยก “ปู” เป็นประชาธิปไตยมากกว่า “อภิสิทธิ์” แนะ ย้อนดูพฤติกรรมในอดีต ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร-ฉกส.ส.งูเห่า เพื่อให้ได้อำนาจ อ้าง “ทักษิณ” บังหน้าขวางปรองดอง
วันนี้ (24 พ.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยและตี 2 หน้าเพื่อช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า วาทกรรมดังกล่าวสะท้อนหลักคิดและตัวตนของนายอภิสิทธิ์ ว่าดีแต่กล่าวร้ายคนอื่น โดยไม่ย้อนมองดูตัวเอง หากเปรียบเทียบนายอภิสิทธิ์กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเห็นมุมมองประชาธิปไตยที่แตกต่างกัน นายอภิสิทธิ์ถูกกล่าวหาว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ขโมยนักการเมืองในรูปแบบงูเห่าเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยการชนะเลือกตั้ง ตรงข้ามกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ชนะเลือกตั้งท่วมท้น เป็นนายกรัฐมนตรี ตามวิถีทางประชาธิปไตย ข้องใจว่านายอภิสิทธิ์เคยอายปากตัวเองบ้างหรือไม่ พูดอะไรออกมาก็เข้าตัวหมด ขอยืนยันว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้พูดประชาธิปไตยแต่ปากและไม่มีการตี 2 หน้า พฤติกรรมแบบนี้คงต้องย้อนไปดูตอนที่นายอภิสิทธิ์เอากุหลาบไปมอบให้นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือการตี 2 หน้าที่แท้จริง
“ในวันวิสาขบูชาอยากให้นายอภิสิทธิ์คิดถึง หิริ โอตัปปะ ให้มาก เพราะยังไม่เคยเห็นท่าทีสำนึกถึงการบริหารที่ผิดพลาดจนมีคนเจ็บเกือบ 2,000 คนตายกว่า 100 ซ้ำยังก้มหน้าก้มตาขัดขวางการออกกฎหมายปรองดอง นิรโทษกรรม ไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือประชาชน เอาแต่อ้างเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณ มาบังหน้า ขัดขวางการปรองดองของคนในชาติอยู่เรื่อยไป อยากให้นายอภิสิทธิ์ไปเปิดดูรัฐธรรมนูญในเรื่องแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ระบุในเรื่องของการรู้รักสามัคคี ซึ่งน่าจะไม่เคยเปิดดูหรือดูไม่ลึกซึ้ง ดังนั้นผมจะส่งเป็นหนังสือผ่านทางไปรษณีย์ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ให้นายอภิสิทธิ์อ่าน เพื่อไม่ให้ไปต่อต้านหรือตั้งเวทีที่ไหน เพราะอาจจะเป็นคนที่ขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง” นายพร้อมพงศ์ กล่าว.
http://www.dailynews.co.th/politics/206767
“มาร์ค” ยกหลัก อริยสัจสี่ แนะ รบ.ใช้หาทางออกให้ประเทศ
วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม 2556 เวลา 12:01 น.
“มาร์ค” ยกหลัก อริยสัจสี่ แนะรบ.ใช้หาทางออกให้ประเทศ งง ส.ส.เพื่อไทย ภูมิใจ มีตัวเงินตัวทอง ร่วมเสนอกม.ปรองดอง ห่วง มหาดไทยถลุงงบ สานเสวนา หาคำตอบให้รบ. ชี้ ถ้าผลไม่ถูกใจถูกฉีกอีกแน่นอน ซัด พวกจ้องดิสเครดิตศาล ยัน รธน.50 เปิดช่อง “ทักษิณ” อุทธรณ์ได้หากมีข้อมูลใหม่
วันนี้( 24 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายแชแนล ถึงกรณีที่กระทรวงยุติธรรม จะทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิการเมือง เกี่ยวกับการทำงานของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า จากกรณีที่มีข่าวว่ามีรัฐมนตรีได้ท้วงระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีผู้ที่ถูกลงโทษควรมีสิทธิในการอุทธรณ์ไปยังองค์กรที่ใหญ่กว่า ซึ่งถ้าเราติดตามจะพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินในคดีที่ดินรัชดา คดีการยึดทรัพย์ จึงมองได้ว่า การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการดิสเครดิตองค์กรยุติธรรม และรายงานของรัฐบาลก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็น คือ 1.รัฐธรรมนูญ ปี 50 เปิดช่องให้มีการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา และ2.หลายประเทศในยุโรป จะไม่ให้มีการอุทธรณ์ กรณีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำทุจริต โดยเขาใช้ศาลสูงจัดการเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทย จะจัดเวทีประชาเสวนานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นห่วงว่า จะไม่ทำตามหลักวิชาการตามข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้า และกลายเป็นเครื่องมือของรัฐบาล เพื่อหาคำตอบเรื่องนิรโทษกรรมและรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เสียงบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชน และไม่มีความชอบธรรมเบี่ยงเบนไปตามกรอบที่รัฐบาลหยิบยื่นให้ โดยเฉพาะคู่มือของวิทยากร แผ่นพับ บทสรุป น่าเป็นห่วง ดูแล้วอันตราย เพราะดูเหมือนตั้งไว้เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของรัฐบาล และที่มีการสรุปมาก็เป็นแบบเอียงข้าง โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการสรุปว่า สาเหตุที่เกิดความขัดแย้ง เพราะมีคนไม่อยากสูญเสียอำนาจ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถือว่า เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเล่นงานฝ่ายอื่น จึงน่าติดตามดูเวทีนี้ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ โดยถ้าคำตอบออกมาไม่ถูกใจรัฐบาล รัฐบาลก็คงจะฉีกข้อสรุปอีก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การปรองดองแห่งชาติ ฉบับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ นั้น ตนอยากให้ย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ร.ต.อ.เฉลิม เคยให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบ ซึ่งวันนั้นมีตัวเงินตัวทองเดินผ่านวงสัมภาษณ์ และร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า ขนาดตัวเงินตัวทองยังเห็นด้วย จึงไม่แปลกที่ตัวเงินตัวทองจะไปร่วมอยู่ในการยื่นร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ด้วย โดยทางกลุ่มส.ส.ที่ไปยื่นก็รู้สึกภูมิอกภูมิใจบอกว่า แม้แต่ตัวเงินตัวทองยังปรองดองด้วย ถ้าคิดเช่นนั้นตนก็คงยอมแพ้ ทั้งนี้ยืนยันว่า แม้จะมีการตัดมาตรา 5ออกไป ก็ยังคงเป็นกฎหมายการเงินอยู่ดี เพราะในมาตรา 4 กำหนดเรื่องสิทธิในการเรียกร้องทรัพย์สินคืนจากรัฐ ซึ่งต้องดูต่อไป เพราะขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของประธานสภาฯ หากเห็นว่า เป็นกฎหมายการเงิน ก็ต้องส่งให้นายกฯ เซ็นรับรอง แต่หากมีการยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับกฎหมายการเงิน ถ้ากระบวนการไม่ชอบก็จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เราสามารถนำหลักธรรม อริยสัจสี่ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ดูกันด้วยเหตุ ด้วยผล แก้ปัญหาจากต้นเหตุ มาหาทางออกให้กับประเทศได้
http://www.dailynews.co.th/politics/206731